ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 13 การรับเข้า

บทที่ 13 การรับเข้า

“อะไรนะ? ฉันไม่มีคุณสมบัติ!” หวังเชาตกตะลึงไป

“ทำไมฉันจะไม่มีคุณสมบัติ นายดูให้ดีๆ อีกที ฉันคือหวังเชาไง ตระกูลหวาง”

หลี่ซือมีท่าทีรำคาญ “ฉันบอกว่าไม่มีก็ไม่มี ตระกูลไหนก็ไร้ประโยชน์”

“ไม่มีทาง ไม่มีทาง” หวังเชาเอื้อมมือไปแย่งรายชื่อในมือของหลี่ซือมา

หลี่ซือผลักหวังเชาออก “ถ้าคุณยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะเรียกคนมาจับตัวคุณ”

หวางหรงรีบดึงหวังเชา “อย่าเพิ่งตื่นเต้น บางทีพี่เขยของนายอาจสื่อสารไม่ชัดเจน นายรีบโทรหาพี่เขยของนาย ฉันเข้าไปก่อน”

พูดไป เธอก็แสดงป้ายที่หน้าอกของตนให้หลี่ซือดู

“คุณก็ไม่มีคุณสมบัติเช่นกัน"

สมองของหวางหรงส่งเสียงวิ้งขึ้นมา ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือตระกูลหวางไปทำให้ใครขุ่นเคือง?

“เฮ้ พวกคุณทั้งสองมีคุณสมบัติจริงรึเปล่าน่ะ อย่ามัวแต่ขวางทางอยู่ คนเขารีบไปสอบ ขวางเรื่องขวางราวเสียจริง”

มู่หยุนหัวเราะและเอ่ยเยาะเย้ย

แค่ประโยคเดียวทำเอาหวางหรงแทบกระอักออกมาเป็นเลือด

คนข้างหลังยังค่อยๆ ตะโกนตามกันขึ้นมา “มีคุณสมบัติรึเปล่า ในใจไม่ใช่ว่ารู้ดีหรือไง?”

“นั่นสิ เสียเวลาของทุกคน”

ในเวลานั้นเอง หวางเยนหรันก็ยื่นป้ายหน้าอกยื่นให้หลี่ซือ ดู เธอรู้สึกว่าตนเองคงต้องถูกด่าด้วยแน่แล้ว

หวังเชาเยาะเย้ย “พวกเราสองคนไม่มีคุณสมบัติ แล้วเธอจะมีคุณสมบัติได้ยังไง ถ้าเธอมีคุณสมบัติ ฉันจะกินป้ายชื่อโชว์เลย

หลี่ซือ มองไปที่ป้ายชื่อที่หน้าอกของหวางเยนหรันแล้วเปรียบเทียบกับรายชื่อในมือ “เข้าไปเถอะ”

“อะไรนะ?” หวางเยนหรันแทบไม่เชื่อหูของตน เธอมีคุณสมบัติจริงๆ!

ท่าทางของหวังเชาก็แข็งกระด้างขึ้นมาทันที

“จะกินป้ายชื่อไหม?”

มู่หยุนหันไปกำชับหวางเยนหรัน “เข้าไปทำข้อสอบให้ดีๆ ฉันจะรอเธออยู่ข้างนอก”

“อื้ม!” หวางเยนหรันพยักหน้าและเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น

ในทางกลับกัน เสิ่นเล่อที่ได้รับข่าวก็รีบโทรออกอย่างรวดเร็ว

ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกเชื่อมต่อ

“สวัสดี มีเรื่องอะไร รองอธิบดีเสิ่น”

“ท่านอธิบดีเหลียง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ตระกูลหวางได้คุยกันแล้วว่ามีสองรายชื่อ ทำไมถึงได้ยกเลิก”

“รายชื่อ? หึหึ รองอธิบดีเสิ่น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยคุณ คุณไปคิดให้ดีๆ ว่าตนเองไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้า”

พูดจบ สายก็ถูกวางไปทันที

เสิ่นเล่อแค่นเสียงอย่างเย็นชาและเริ่มโทรหาหวางหรง

......

“อะไรนะ? คุณสมบัติของพวกเราถูกยกเลิก?” หวางหรงมองตาเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

หลังวางโทรศัพท์ลง เธอก็หันไปแค่นเสียงใส่มู่หยุน จากนั้นจึงดึงวังเฉาแล้วหันหลังจากไป

“เอ่อ พี่หวาง ไม่รอเยนหรันหรือ?”

“ไสหัวไป”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นหลังการสอบจบลง ผู้เข้าสอบก็ทยอยออกมาทีละคน

“พี่มู่ ฉันได้รับเลือกจริงๆ”

หวางเยนหรันวิ่งออกมาอย่างมีความสุขและพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของมู่หยุน

มู่หยุนกอดหวางเยนหรันเอาไว้อย่างอ่อนโยน รู้สึกราวกับเธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารักจนทำให้คนรู้สึกปวดใจ เหมือน

“พี่มู่ คุณบอกฉันมา เป็นคุณที่ทำรึเปล่า?”

ทันใดนั้นหวางเยนหรันในอ้อมแขนก็ถามขึ้นมา แม้ว่าเธอจะดูไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้โง่ เรื่องที่เธอมีคุณสมบัติในการสอบหรือไม่นั้น ไม่มีทางเป็นเรื่องผิดพลาดแน่

ดังนั้น รายชื่อนี้ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนช่วยให้เธอได้มันมา”

“ฉันเป็นทหารมาตั้งหลายปี ต้องรู้จักคนอยู่บ้าง” มู่หยุนหัวเราะ “ไป พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”

“อื้ม!”

หลังทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็ไปเดินเล่น ก่อนที่มู่หยุนพาหวางเยนหรันไปส่งยังคฤหาสน์ตระกูลหวาง

ก่อนที่จะลงจากรถ จู่ๆ มู่หยุนก็พูดขึ้น “เยนหรัน ฉันมีอะไรจะบอกเธอ”

“พี่มู่คุณพูดมา”

มู่หยุนพยายามฝืนยิ้ม “เหลือเวลาอีกสี่วันจะเป็นวันครบรอบการตายของแม่ฉัน ในวันนั้นฉันจะจัดงานบวงสรวงขึ้น เธอยินดีที่จะมาไหม?”

หวางเยนหรันก้มศีรษะลงและตอบเบาเสียงนุ่ม “แม่ของคุณ ก็คือแม่ของฉัน ฉันต้องไปแน่นอน”

ในใจมู่หยุนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาคิด “ในเมื่อครอบครัวของเราเกี่ยวดองกัน ฉันเองก็จะโทรถามตระกูลหวางสักหน่อย”

หวางเยนหรันก้มหน้าอย่างละอายใจ “พวกเขาไม่ไปหรอก”

“ไปไม่ไปเป็นเรื่องของพวกเขา ส่วนเรื่องแจ้งให้พวกเขารู้ถือเป็นธุระของฉัน”

มู่หยุนกล่าวและเริ่มโทรหาตระกูลหวาง

คนแรกก็คือเจ้าบ้านหวางเสี้ยงตง

“ตู้ด ตู้ด ตู้ด...” เสียงรอสายนานกว่ายี่สิบวินาทีก่อนที่โทรศัพท์จะถูกรับ

“ใคร?”

“คุณปู่ ผมเอง มู่หยุน”

“มู่หยุน นายโทรมาทำไม?” น้ำเสียงของหวางเสี้ยงตงเย็นลงถึงขีดสุด

“อีกสี่วันจะเป็นวันครอบรอบการตายของแม่ผม ผมอยากเชิญตระกูลหวางมากราบพ่อแม่ด้วยกัน”

“กราบพ่อแม่ของนาย? หึหึ พ่อของนายฉันไม่พูดถึง แต่แม่ของนายตายยังไงนายไม่รู้หรือไง? ถูกแขวนไว้ที่ประตูโรงแรมเป็นเวลาหนึ่งเดือน กราบไหว้คนแบบนี้ ตระกูลหวางของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ยังมี ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ถึงเวลานั้นตระกูลหลี่จะต้องมาหาเรื่องนายแย่ พวกเราไป ก็ไม่เท่ากับไปขัดแย้งด้วยหรือไง? ฉันจะบอกนายให้ ฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่านายเยอะ อย่าฝันจะใช้ลูกไม้นี้กับฉัน อาศัยอำนาจตระกูลหวางให้ได้มาในสิ่งที่นายต้องการ พวกเราไม่มีทางไปเผชิญหน้ากับตระกูลหลี่เพราะนายแน่”

“เข้าใจไหม?”

“คุณปู่ ถ้าอย่างนั้น ต่อไปหากตระกูลหวางมีเรื่อง ผมก็จะไม่ไปเช่นกัน”

หวางเสี้ยงตงได้ฟังก็นิ่งไปด้วยความงุนงง จากนั้นก็หัวเราะลั่น “ตระกูลหวางอันใหญ่โต ยังต้องขอความช่วยเหลือจากนาย?” "

“จากนี้ไปตระกูลหวางเกิดเรื่องอะไรขึ้นล้วนไม่เกี่ยวกับนาย นายเองก็ไม่ต้องโทรหาคนอื่นๆ แล้ว ต่อให้พวกเขาคิดจะไปฉันก็จะห้ามไว้ ตระกูลหวางไม่มีทางสร้างความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับตระกูลหลี่เพราะนายแน่ เก็บความคิดเจ้าเล่ห์ของนายไปซะ”

พูดจบ เขาก็วางสายไป

“พี่มู่ ปู่ของฉัน”

มู่หยุนยิ้ม “อันที่จริงฉันก็คาดไว้แล้ว”

หวางเยนหรันถอนหายใจเบาๆ “ขอโทษด้วย หรือว่าฉันลองคุยกับพ่อแม่ดู บางทีพวกเขาอาจเห็นด้วย”

“ได้”

ในเวลานี้ หวางตงเหอกับซุนจิ้งเพิ่งจะทานอาหารเสร็จและนั่งคุยเรื่องในครอบครัวบนโซฟา เมื่อเห็นมู่หยุนและ และหวางเยนหรันเข้ามา หวางตงเหอก็แค่นเสียง “คุณพ่อ นับวันยิ่งเลอะเลือน ดึงดันจะให้รายชื่อกับหวังเชาและหวางหรงนั่น แต่กลับไม่ให้เยนหรันของเรา”

ซุนจิ้งเหลือบมองไปที่มู่หยุน “เยนหรันของเราหน้าตาก็ดี รูปร่างก็สวย ไหนเลยจะด้อยไปกว่าหวางหรง? นั่นเป็นเพราะคนเขาหาลูกเขยได้ดีต่างหาก”

“ลองดูลูกเขยที่คุณเลือก แล้วดูเสิ่นเล่อ อายุยังน้อยกลับมีผลงานที่ดี อยู่ในตำแหน่งสูง เฮ้อ พวกเรามันดวงลำบาก”

“พ่อ แม่ ฉันเข้ากรมสรรพากรได้แล้ว”

หวางเยนหรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“อะไรนะ สอบได้แล้ว? เป็นไปได้ยังไง! ”

หวางตงเหอและซุนจิ้งมองหน้ากัน ก่อนจะร้องออกมาอย่างประหลาดใจ

“ก็สอบได้แล้วจริงๆ !” หวางเยนหรันหยิบป้ายชื่อของกรมสรรพากรออกมาอย่างมีความสุข

“จริงหรือ” ซุนจิ้งเข้ามารับป้ายชื่อไปด้วยความยินดี จากนั้นจึงมองดูซ้ายขวา

“เยนหรันของพวกเราโดดเด่นแล้ว”

หวางตงเหอเองก็รู้สึกโล่งใจมากเช่นกัน “ฉันบอกแล้ว คุณพ่อไม่น่าจะไร้เหตุผลขนาดนั้น”

ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าเป็นโควต้าที่ได้มาเป็นเพราะหวางเสี้ยงตงมอบให้

ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหวางตงเหอก็ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “เป็นคุณพ่อ”


ข้าคือจักรพรรดิเซียน
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 49 โพล
loading...