ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 17 มีความผิดต้องลงโทษ
บทที่ 17 มีความผิดต้องลงโทษ
“ท่านเจ้าเมือง พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้ประกอบการกุศลอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามข้อกำหนด ตอนนี้กลับมาถูกมู่หยุนทำร้ายเข้า เขามันเป็นคนบ้า!”
หลี่เวยตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขากะพริบแวววาว กำลังเพลิดเพลินไปกับความสุขที่พลิกพลันได้มา
“พวกคุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้ยังไง!”
ในใจของหวางเยนหรันเต้นอย่างบ้าคลั่งจนแทบทะลุออกมา
ถ้าหากสู้กันจริงๆ ขึ้นมา จะทำอย่างไรดี?
ถ้าหากติดอยู่ในรายชื่ออาชญากรรม ทั่วทั้งโลก จะมีที่ไหนให้ตนเองได้อาศัยอยู่อีก?
ใครจะรู้ว่า ในเวลานี้เองเย่นซินค่อยๆ เดินมาหน้าหลุมฝังศพ จากนั้นจึงหยิบดอกเบญจมาศสีขาวขึ้นมาจากกระเป๋าและวางลงบนนั้น
เขามีสีหน้าเศร้าสลด “เย่นซินไม่รู้จักหน้าที่ ทำให้หมู่บ้านตระกูลมู่ต้องลำบาก มาที่นี่ด้วยความสำนึกกลับใจและขอขมาอย่างยิ่ง”
พูดจบ เขาก็คุกเข่าลงหน้าป้ายหลุมฝังศพและคำนับสามที จากนั้นก็ยืนขึ้นและตรงไปที่หน้ามู่หยุน ราวกับกำลังรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชา
หลี่เต๋อเทียนเบิ่งตาที่เต็มไปด้วยเลือด ในปากพึมพำ ราวกับว่ากำลังถูกคนทำให้หายใจไม่ออก ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้
หลี่เวยเนื้อตัวสั่นเทา รู้สึกราวกับสมองของเขายุ่งเหยิงไปหมด
“นี่คือความฝัน!”
“เขาเป็นถึงเจ้าเมือง จะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
เดิมพวกเขาคิดว่าเป็นผู้มาช่วยเหลือตนเอง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้เป็นดาวหายนะต่างหาก
เสิ่นเล่อเองก็ตกใจจนตาเหลือก และสลบไปทันที
มู่หยุนหัวเราะเยาะ เขามองไปที่พวกหลี่เต๋อเทียน และพูดว่าเสียงเรียบ
“ในเมื่อมาแบกหนามขอขมา ยังจะรออะไรอีก...ใครก็ได้ ช่วยสงเคราะห์พวกเขาหน่อย”
หลังจากคำพูดของมู่หยุน ทหารหลายคนก็หยิบไม้หนามที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนหน้าออกมา และเข้าไปฟาดใส่ หลี่เต๋อเทียนและคนอื่น ๆ ทันที
“อ๊าก!”
ทั้งสามคนส่งเสียงกรีดร้องลั่น
“เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ...”
ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงดังขึ้นอย่างไม่หยุด
......
ในอีกด้านหนึ่ง รถ BMW กำลังมุ่งหน้าไปยังสุสานระเกะระกะ คนขับเป็นชายหนุ่มในวัย 20 ต้น ๆ คิ้วคมชัด ดวงตาสีฟ้าแฝงแววเฉียบแหลมและเหยียดหยามต่อโลก
ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับเป็นชายชราท่าทางงุ่มง่ามผู้หนึ่ง
เป็นฮวงจุนและลุงฝู
ในเวลานี้ ลุงฝูเอ่ยอย่างเป็นกังวล “วันนี้ตระกูลหลี่ไม่มีทางวางยอมทำตัวเป็นมิตรแน่ ไม่รู้ว่าเสี่ยวหยุนจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว เฮ้อ”
“ลุงฝูคุณโปรดวางใจ มู่หยุนไม่เป็นอะไร” ฮวงจุนหัวเราะร่า บนโลกนี้ในเวลานี้ เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถทำอะไรจอมพลหยุนแห่งจิ่วโจวได้
“อย่างนั้นหรือ หรือว่าตระกูลหลี่ยอมรับคำขอขมาของเสี่วหยุนแล้ว?”
ฮวงจุนบื้อไปทันที จอมพลหยุนที่ยิ่งใหญ่ ทำไมจะต้องไปขอขมาคนอื่นด้วย?
“ลุงฝู คูณรอดูอะไรดีๆ เถอะ”
รถยนต์แล่นเข้าสู่เขตแดนของสุสานระเกะระกะ ในไม่ช้าก็เห็นรถ BMW รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ
ลุงฝูขมวดคิ้ว รู้สึกแตกต่างจากที่คิดเอาไว้อยู่บ้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากไม่ไกล
ในใจของเขาขมวดแน่น หรือว่าจะเป็นเสี่ยวหยุน?
จากนั้นก็เห็นกำแพงมนุษย์ที่ยืนอยู่ไกลออกไป
เป็นผู้คุมกันของเจ้าเมือง
“นั่นคือผู้คุ้มกัน พวกเราจะไปได้ยังไง?”
ลุงฝูพูดยังไม่ขาดคำ ก็เห็นกำแพงมนุษย์ทั้งสองด้านเคลื่อนตัวหลีกทางให้ทันที และแสดงความเคารพนอบน้อม
ฮวงจุนเหยียบคันเร่งและมุ่งหน้าผ่านไป
“ชิ”
รถยนต์จอดลงไม่ไกลหากหลุมฝังศพ ฮวงจุนช่วยประคองลุงฝูออกจากรถ
ดวงตาสีเหลืองขุ่นของลุงฝูมองไปที่พ่อลูกตระกูลหลี่ที่กำลังถูกลงโทษอยู่หน้าหลุม ดวงตาเกิดเป็นน้ำตาไหลรินออกมา
“กรรมตามสนอง กรรมตามสนอง พวกคนเลวอย่างพวกแก ไม่มีทางได้ตายดี”
“หลี่เต๋อเทียน แกเองก็มีวันนี้เหมือนกัน ฮ่าฮ่า”
ลุงฝูทั้งร้องไห้และหัวเราะ รู้สึกได้ระบายความเคียดแค้นออกไปในที่สุด ในใจรู้สึกสบายขึ้น และมองไปที่มู่หยุนด้วยความวางใจ “เสี่ยวหยุนเอ๋ย นายได้ดีแล้ว แม่ของนายเองก็ตายตาหลับแล้ว”
มู่หยุนกลัวว่าลุงฝูจะตื่นเต้นเกิดไปจนต้องสูญเสียบางอย่างไปอีก เขารีบให้ฮวงจุนเข้าไปพาลุงฝูออกไปพักผ่อนสงบสติอารมณ์
จากนั้นจึงหันไปมองหลี่เต๋อเทียน พบว่าเขาถูกฟาดจนผิวหนังปริแตก ลำคอแหบแห้งไม่มีเรี่ยวแรง
“หยุด!”
มู่หยุนเดินมาที่ด้านข้างของหลี่เต๋อเทียน ดวงตาของเขาฉายประกายเกลียดชัง “ฉันจะจัดการแกยังไงดี!”
“ฆ่าแกทิ้ง? หึหึ ง่ายเกินไป”
หลี่เต๋อเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพูดอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ไร้เรี่ยวแรง “ฆ่าฉันซะเถอะ ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจ คนที่อยู่เบื้องหลังฉัน ไม่ใช่คนที่แกจะไปยุแหย่ได้”
“ฉันยุแหย่ไม่ได้?”
“ฉันยุแหย่ไม่ได้!”
“ฮ่าฮ่า...”
มู่หยุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมองไปที่หลุมฝังศพแม่ของตน น้ำตาที่ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ก็ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เขาไปต่อสู้เป็นเวลาห้าปี ขับไล่พวกป่าเถื่อนทั้งสี่เผ่า ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ พละกำลังขึ้นสู่จุดสูงสุด
ทั่วใต้หล้านี้ ใครกันที่ไม่กล้ายุแหย่? ใครกันที่เขาไม่กล้าฆ่า?
“ฉันเองก็อยากเห็นนัก ว่าเบื้องหลังตระกูลหลี่ที่แท้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน!”
“เสี่ยวเกอ”
“ผู้น้อยรับคำสั่ง!” เสี่ยวเกอก้าวเท้าขึ้นมาและคำนับ
“ฟาดแส้อีกร้อยรอบ จากนั้นก็ทิ้งลงในคูน้ำเหม็นนั่นซะ ฉันเองก็ต้องการให้พวกเขาได้ลิ้มรสรสชาติของครอบครัวที่พังทลายสักหน่อย”
“รับทราบ”
“หวงสง” มู่หยุนยังคงสั่งการต่อไป
“ผู้น้อยรับคำสั่ง!” หวงสงได้สติกลับมา ในที่สุดก็ถึงตาเขาแล้ว
“ตระกูลหลี่เป็นของนายแล้ว อย่าให้เหลือใครเล็ดลอด”
“รับทราบ” หวงสงตอบรับด้วยรอยยิ้มร่า
จากนั้น มู่หยุนก็มองลงไปที่เย่นซินที่เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา “เจตนาของนายฉันเข้าใจดี งานเลี้ยง ฉันย่อมไป แต่ไม่ใช่เพื่อเย่นซินเจ้าเมืองเจียง แต่เป็นผู้นำของกองทัพหวงเย่นซิน นายเข้าใจไหม?”
เย่นซินรู้สึกตื้นตัน เขาแสดงความเคารพต่อมู่หยุน “ในใจของเย่นซิน จอมผลหยุนคือผู้ที่อยู่สูงที่สุดเสมอมา เป็นจิตวิญญาณความเชื่อของเย่นซิน!”
มู่หยุนพยักหน้า “ดีมาก นายก็ไปได้แล้ว”
“อ้อใช่ ฉันไม่คิดเปิดเผยตัวตนของฉัน แบบนี้ดูยิ่งใหญ่เกินไป ตอนนี้นายไปให้คนปล่อยข่าวลือออกไปว่าฉันเคยช่วยจอมพลหยุนไว้ ครั้งนี้ใช้ชื่อเขามาจัดการเรื่อง”
“รับทราบ”
เย่นซินทำความเคารพอีกครั้ง ก่อนถอยออกไป
หลังออกคำสั่งเสร็จ มู่หยุนจึงค่อยเดินมาหาหวางเยนหรันและลุงฝูอย่างสงบ
“พี่มู่ คุณเป็นใครกัน?” หวางเยนหรันตอนนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามในใจของเธอ
มู่หยุนยิ้มฮ่าฮ่า ก่อนจะตอบด้วยประโยคเมื่อครู่อีกรอบ
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
หวางเยนหรันผิดหวังในใจ ถ้าหากมู่หยุนเป็นจอมพลหยุนคนนั้นจะดีแค่ไหนกัน
ลุงฝูที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจ “ใครคือจอมพลหยุนไม่สำคัญ ขอแค่ทุกคนปลอดภัยก็พอ”
มู่หยุนมองไปที่หวางเยนหรัน เขาย่อมเข้าใจความคิดของเธอเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับยังไม่ใช่เวลา
“เธอต้องเชื่อในตัวพี่มู่”
มู่หยุนเอ่ยพร้อมดึงหวางเยนหรันเข้าสู่อ้อมอก
หวางเยนหรันหน้าแดงระเรื่อน เธอเอ่ยพึมพำเบา ๆ คนที่สามารถเป็นเพื่อนกับ “จอมพลหยุน” แบบนั้นได้ สามีของตนจะต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน
หลังจากที่คนทั้งสองกำลังซึมซับความอบอุ่น มู่หยุนก็เอ่ยขึ้น “ไป ไปพบพ่อแม่ของเรา”
“พวกเขาก็มาที่นี่ด้วยหรือ?”
หวางเยนหรันรีบตามมู่หยุนเดินออกไป
ในรถ หวางตงเหอมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นมู่หยุนเขาก็เยาะเย้ยมู่หยุนและพูดว่า “ไอ้ตัวดี วันนี้ได้อวดดีแล้วใช่ไหม?”
มู่หยุนตอบกลับเสียงเรียบ “ก็แค่ธรรมดา”
ซุนจิ้งมีสีน่าเกลียดเข้าไส้ “ฉันได้ยินผู้คุมกันบอกแล้ว เรื่องพวกนี้มีคนช่วยนายทำ?”
มู่หยุนพยักหน้า “ใช่”
“นายรู้ไหม ว่าเบื้องหลังตระกูลหลี่มีใครหนุนหลัง!”
“ตอนนี้นายอาจจะเห็นว่าอะไรก็สวยงาม แต่ถ้าดูกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหลี่ปรากฏตัวขึ้น นายจะต้องตายอย่างน่าสังเวช ยังต้องให้ฉันพูดไหม?”
“ทำไมไม่ถือโอกาสไปขอโทษตระกูลหลี่?”
หวางตงเหอกล่าวเพิ่มเติม “ตอนนี้เรื่องราวดูเหมือนจะคลี่คลายแล้ว แต่มันก็เป็นแค่การดื่มยาพิษเพื่อดับกระหายเท่านั้น ฉันบอกนายให้ หากจากนี้ไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าได้มาทำให้ตระกูลหวางของเราต้องพลอยลำบากไปด้วย”
หวางเยนหรันยืนอ่อนใจอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกว่าพ่อแม่ตนพูดจาเกินไปอย่างมาก แต่กลับไม่รู้จะโต้กลับไปยังไง
ท้ายที่สุด คนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหลี่...
“พ่อตา แม่ยาย พวกคุณวางใจ จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหวางของพวกคุณ ต่อให้มีคนมาแก้แค้นผม ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวาง”
“แบบนี้ดีที่สุด!”
ในเวลานั้นเอง โทรศัพท์มือถือหวางตงเหอก็สั่นขึ้นมา เป็นข้อความเข้า เขามองดูแล้วกล่าว “งานเลี้ยงของเจ้าเมืองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราต้องไปก่อน”
พูดจบก็เหยียบคันเร่งพาซุนจิ้งออกไปทันที
ไม่ชักช้าต่อแม้แต่ครึ่งประโยค
มู่หยุนไม่ใส่ใจ ใบหน้ายังประดับรอยยิ้มเล็กน้อย เขามองดูเวลา ก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มๆ กับหวางเยนหรันที่อยู่ข้างๆ เขา "พวกเรายังมีเวลาเหลือเฟือ ไปเดินช็อปปิ้งก่อนได้ค่อยไป”
“ไปไหนคะ?”
หวางเยนหรันตะลึงและเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าไปงานเลี้ยงของเจ้าเมือง”
ข้าคือจักรพรรดิเซียน