ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 20 สลับฉาก

บทที่ 20 สลับฉาก

“เป็นไอ้เขยขยะแต่งเข้าตระกูลหวางนั่น ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปเอาคุณสมบัติที่ไหนมาเข้างาน” 

“แค่นั้นก็แล้วไป แต่นี่มันยังกล้าส่งเศษแก้วนี่มาเป็นของขวัญ ช่างดูหมิ่นเจ้าเมืองอย่างยิ่ง!” 

เมื่อได้ยินประโยคแรกของฝันถ่า เหงื่อเย็นๆ ก็ผุดขึ้นเปียกโชกที่เสื้อด้านหลังของเย่นซินทันที จิตสังหารเมื่อครู่สูญสลายไปจนหมด อีกทั้งกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่อยู่

เขยแต่งเข้าตระกูลหวางเป็นใคร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? 

เมื่อเหลือบมองไปที่ฮวงจุนที่กำลังยิ้มอย่างเย็นชา ต่อให้เคยผ่านการต่อสู้นับร้อยครั้ง ปฏิภาณแข็งกร้าวดุจดั่งแผ่นเหล็กแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก

ฝันถ่ายังคงจมอยู่กับความคิดที่เจ้าเล่ห์ในการแก้แค้นตระกูลหวาง เขาหยิบป้ายหยกเก้ามังกรออกมาจากอก แล้วเอ่ยเย้ยหยัน

"เขาคิดว่าอาศัยอำนาจของตระกูลหวางแล้วจะทำตัวไร้ระเบียบได้ แถมยังตีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนสลบไป ครั้งนี้ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่”

“ท่านเจ้าเมือง ผมขอแนะนำให้จับทุกคนในตระกูลหวางขึ้นมา เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง” 

พูดจบ ใบหน้าของฝันถ่าก็จริงจังเคร่งเครียด แถมยังยืดอกขึ้น ราวกับกำลังรอท่านเจ้าเมืองออกปากสั่งการ

ในตอนนั้นเอง ฮวงจุนก็พูดติดตลกด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ฉันว่านะเสี่ยวเย่น ลูกน้องนายคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้กระทั่งป้ายหยกของจอมพลหยุนยังไปเอามาได้ นายว่า จอมพลหยุนจะชื่นชมนายยังไงดี”

“ปึง” 

ฝ่ามือของเย่นซินตบลงบนโต๊ะ โต๊ะที่ทำจากไม้บุนนาคทั้งตัวที่แหลกกลายเป็นผุยผงไปในทันที

ริมฝีปากของเขากระตุก ใบหน้าดำคล้ำและชี้ไปที่ฝันถ่าอย่างดุร้าย “ช่าง ช่างเป็นพวกสุนัขใจกล้า! "

......

ในห้องจัดเลี้ยง บรรดาแขกที่ดูเหมือนกำลังพูดคุยกัน ในเวลานี้กลับหันไปมองมู่หยุนที่นั่งอยู่โต๊ะบริกรอย่างเป็นครั้งคราวและกระซิบกันเป็นระยะ ๆ 

“ฉันไปสืบมาแล้ว เขาก็คือเขยแต่งเข้าตระกูลหวางคนนั้น” 

“จากนี้ไปต้องมีเรื่องสนุกให้ดูแน่ พี่ใหญ่ของฝันถ่าเป็นถึงพ่อบ้านของท่านเจ้าเมือง มีพี่ใหญ่คุ้มหัวแบบนี้ไอ้หนุ่มนั้นเกรงว่าไม่มีทางรอดแน่”

“ฮ่าฮ่า ฉันว่า ตอนนี้ฝันถ่าคงกำลังนพผู้คุ้มกันมาทางด้านนี้แล้ว ต่อให้ไอ้หนุ่มนี่ฝีมือดีกว่านี้อีกสักแค่ไหน จะสู้ชนะผู้คุ้มกันได้หรือไง?” 

“น่าเสียดายที่เป็นเขยแต่งเข้า ไม่อย่างนั้นหากตระกูลหวางคิดจะปกป้องเขาก็คงไม่ยากอะไร ติดก็แค่...เฮ้อ” 

คำพูดเหล่านี้ดังเข้าหูของหวางเยนหรัน ในใจของเธอเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ถึงแม้มู่หยุนจะรู้จักกับจอมพลหยุนคนนั้น แต่ที่นี่ก็เป็นถิ่นของเจ้าเมือง ชื่อของจอมพลหยุนมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนก็ยังไม่รู้แน่ชัด หากเกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมา แล้วจะยังไงล่ะทีนี้

มู่หยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ สีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก แขนข้างหนึ่งท้าวอยู่บนโต๊ะและกำลังเคาะนิ้วเบาๆ 

ในตอนนี้เอง บริกรกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถงด้วยเสียงหัวเราะและตรงไปที่ด้านหน้าของมู่หยุน

“คุณผู้ชาย ทำไมยังไม่หนีไปอีก?” 

บริกรคนหนึ่งกล่าวว่า

มู่หยุนยิ้ม “ทำไมฉันต้องวิ่ง?”

บริกรอีกคนกล่าว “คุณผู้ชาย ท่านรัฐมนตรีฝันไปเชิญท่านเจ้าเมืองมาแล้ว หากคุณยังไม่รีบหนีไป ก็คงหนีไม่รอดแล้ว”

“ใช่ ผู้คุ้มกันของเจ้าเมืองไม่ใช่พวกมือไม้เหยาะแหยะแน่ ในมือถือปืนกันทุกคน คุณยังจะรออะไรอีก” 

มู่หยุนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ฉันน่ะหรือ กำลังรอให้รัฐมนตรีของพวกนายมาก้มหัวคำนับสำนึกผิดอยู่” 

“พรู้ดพรู้ด” 

บริกรหลายคนหัวเราะพร้อมกัน “น้องชายอายุยังไม่มาก แต่ก็มีอารมณ์ขันไม่เลว” 

ในเวลานี้ ประตูใหญ่ของห้องโถงก็ถูกเปิดออก ผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาและแบ่งออกจากกันสองแถว ในมือของแต่ละคนมีปืนถืออยู่ ท่าทางเคร่งขรึม

ในห้องโถงเกิดเสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาทันที

“จบแล้ว ผู้คุ้มกันมาจริงๆ ด้วย” 

“คราวนี้คงจบไม่สวยแน่ๆ”

“ฉันว่า คนเราไม่ควรจะถือดีเกินไป ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ หากตระกูลหวางไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา คนก็คงจะไม่รอดแน่แล้ว” 

ไม่นานนัก เย่นซินก็เดินเข้ามาในชุดเต็มยศพร้อมกับลากบางอย่างอยู่ในมือ 

ผู้คนต่างประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เจ้าเมืองถึงกับต้องมาด้วยตัวเอง ทั้งนี้ก็เพราะงานเลี้ยงยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่ถึงจะเริ่มขึ้น

เมื่อผู้คนเห็นสิ่งที่เย่นซินลากมา ทั้งหมดก็เงียบลงทันที

มันไม่ใช่สิ่งของ แต่กลับเป็นใบหน้าที่บวมราวกับหัวหมูของฝันถ่า ตาสองข้างของฝันถ่าปิดสนิท ท่าทางราวกับกำลังกระเสือกกระสนหายใจไม่ออก

เย่นซินลากแขนของฝันถ่ามายังตรงหน้ามู่หยุน จากนั้นจึงโยนเขาทิ้ง ก่อนจะหยิบป้ายหยกเก้ามังกรออกมาอย่างเคารพบูชา และส่งให้ต่อหน้ามู่หยุนอย่างเคารพนอบน้อม กรอบหน้าแสดงให้เห็นถึงความนุ่มนวลจนเข้าขั้นมีรอยยิ้มประจบประแจง

“เย่นซินดูแลไม่รอบคอบ หวังว่า..หวังว่าผู้ยิ่งใหญ่จะให้อภัย” 

เดิมเย่นซินจะเอ่ยพูดว่าจอมพลหยุน แต่เมื่อเห็นมู่หยุนมองมา เขาก็เข้าใจความคิดได้ในทันที และรีบเปลี่ยนคำพูด 

“ว้าว” 

คำพูดและทัศนคติของเย่นซินที่แสดงออกมา ราวกับสะเก็ดไฟที่ตกใส่ดินระเบิด ทำให้ผู้คนทั่วทั้งห้องโถงแตกตื่นขึ้นมาทันที

พวกเขามองหน้ากันและกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เจ้าเมืองที่ทั้งโหดเหี้ยมและเด็ดขาดถึงได้เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขนาดนี้” 

“คุณดู เขาถึงกับหัวเราะอยู่!”

ทุกคนขยี้ตา ไม่ได้มองผิดไปจริงๆ เจ้าเมืองที่แต่ไหนแต่ไรเย็นชาอย่างยิ่งเวลานี้กำลังหัวเราะ

คนในตระกูลหวางมองหน้ากันไปๆ มาๆ เรื่องที่เกิดขึ้นช่างแตกต่างกับที่คิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง 

มู่หยุนยิ้มเย็น เขาเอื้อมมือไปรับป้ายหยกเก้ามังกรจากเย่นซิน “จากนี้ไปฉันไม่อยากเห็นเจ้านี่อีก” 

“เย่นซินเข้าใจแล้ว”

เย่นซินโบกมือ จากนั้นผู้คุ้มกันสองคนจึงเดินเข้ามา และลากตัวฝันถ่าออกไป

ไม่นานนัก เสียงกระสุนปืนก็ดังลั่นขึ้นมาจากด้านนอกโรงแรม สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในห้องโถง

รัฐมนตรีฝัน ก็ตายไปทั้งอย่างนั้น...

“นายไปทำธุระของนายเถอะ” มู่หยุนโบกมืออย่างขอไปที

“อย่างนั้นเย่นซินไปแล้ว”

ท่าทางของเย่นซินราวกับแมวตัวหนึ่ง เขาหันไปเคารพมู่หยุน ก่อนสายตาจะตกลงบนตัวบริกรกี่คนที่กำลังตกตะลึง เขาพูดอย่างเย็นชา “มัวตะลึงอะไร ยังไม่รับไปเตรียมตัวเปิดงานเลี้ยงอีก”

“ครับ” 

บริกรหลายคนถึงกับก้มหน้าและรีบเดินออกไปทันที

ไม่นานนัก เพลงอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง เย่นซินพาผู้คุ้มกันเดินไปอย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องโถงจึงกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

หวางตงซานแอบมองไปที่มู่หยุนที่กำลังทำตัวราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงกระแอมด้วยท่าทางประดักประเดิด เขาหันไปถามหวางเยนหรันเสียงเบา “เยนหรัน เธอรู้ไหมว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

หวังเชาและหวางหรงเองก็ตกอยู่ในความงุนงงเช่นกัน พวกเขาไม่เชื่อว่าเจ้าเมืองที่ชื่อเสียงเลื่องลือจู่ๆ จะมีนิสัยเปลี่ยนไปได้

ใบหน้าที่ตื่นเต้นหวางเยนหรันเล่าเรื่องที่มาของป้ายหยกออกมาให้ฟัง

หวางตงเหอเองก็ยิ้มและเสริมถึงเหตุผลที่ตระกูลหลี่ถูกทำลาย

“ตระกูลหลี่ ถูกทำลายลงก็เพราะเขา!” 

หวังเชาและหวางหรงมองหน้ากัน ใบหน้ามีความตกตะลึงบนขีดสุด 

ต้องรู้ว่า ตระกูลหลี่นั้นยังถือว่ามีอำนาจมากกว่าตระกูลหวางของพวกเขาเสียอีก แต่เดิมเข้าคิดว่าเป็นเพราะตระกูลหลี่ไปทำให้คนใหญ่คนโตที่ไหนขุ่นเคืองเข้าถึงได้ถูกทำลายลง แต่ที่แท้ก็เป็นเพราะมู่หยุน! 

เป็นเพราะขยะแต่งเข้าบ้านเจ้าสาวที่พวกเขาดูถูกมาโดยตลอดคนนี้!

“เขาถึงกับรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้เชียว!” หวางตงซานตาเป็นประกาย ในหัวเริ่มคิดเพ้อฝัน หากอาศัยความสัมพันธ์ของมู่หยุน ได้มาซึ่งคำชื่นชมจากเจ้าเมือง อย่างนั้นอาชีพทางราชการที่ราบเรียบเป็นสายน้ำของเขาจะต้องขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตแน่! 

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หวางตงซานก็บีบจมูกของตนและเอ่ยอย่างเด็ดขาด “ยังไงเสียมู่หยุนก็เป็นลูกเขยของตระกูลหวาง จะเย็นชาต่อเขาได้ยังไง” 

“ปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวตรงนั้น พวกเราตระกูลหวางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

พูดไป เขาก็ผลักหวังเชาทีหนึ่ง “ลูกชั่ว ยังไม่รีบไปเชิญพี่เขยของแกมานั่งที่นี่อีก” 

หวังเชามีสีหน้าไม่ยินยอม ท่าทางลังเล มุมปากเอ่ยพึมพำ “เมื่อกี้ใครกันที่เป็นคนเตะออกไป ตอนนี้ยังจะให้ฉันไปเรียกกลับมา”

หวางตงซานอดหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาแค่นเสียง “ช่างเถอะ ฉันไปเชิญเองก็ได้” 


ข้าคือจักรพรรดิเซียน
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 49 โพล
loading...