ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 21 ถูกเจ้าเมืองปฏิบัติด้วยความสุภาพ

บทที่ 21 ถูกเจ้าเมืองปฏิบัติด้วยความสุภาพ

เวลานี้ในห้องโถงมีเสียงกระซิบกระซาบคุยกัน คาดเดากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลหวางถึงได้รับความเคารพและปฏิบัติอย่างสุภาพจากเจ้าเมือง

นี่เป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

หวางตงซานลุกขึ้นยืน สะบัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บนเสื้อ พร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มเดินมายืนข้างกายมู่หยุน: “เสี่ยว......เสี่ยวหยุน ดูนายซิ มานั่งทำไมตรงนี้ ที่นั่งของตระกูลหวางอยู่ทางโน้น”

ขณะที่เขาพูด พลางชี้ไปที่โต๊ะของตระกูลหวาง

คำว่า “เสี่ยวหยุน” เรียกได้อย่างสนิทสนมมาก ดูเหมือนเป็นผู้อาวุโสที่น่ารัก กำลังเรียกเขาอย่างรักใคร่เอ็นดู

มู่หยุนมองไปที่หวางตงซาน มุมปากปรากฏด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “อ้อ? แบบนี้ไม่ดีมั้ง เมื่อกี้ไม่ใช่ท่านเหรอที่ไล่ผมกลับไป ยังใจดีให้เยนหรันห่อกลับข้าวให้ผมด้วย”

หวางตงซานรู้ว่ามู่หยุนกำลังกลั่นแกล้งเขา แต่เมื่อคิดถึงหน้าที่การงานที่เจริญรุ่งเรืองในอนาคต ได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสมากขึ้น

“เมื่อกี้ลุงกลัวว่ามันไม่ดี นายก็รู้ ตระกูลหวางของบ้านเราไม่ได้มีอำนาจบารมีแบบเจ้าเมือง ลุงก็คำนึงถึงตระกูลหวางของเรา เมื่อกี้ลุงกำลังลังเลอยู่ตลอดเวลา ว่าจะ......”

“ไสหัวไป”

มู่หยุนตอบกลับอย่างรำคาญ ไม่ไหวจะทนกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของหวางตงซาน

“แก....”

สีหน้าของหวางตงซานอารมณ์กำลังขึ้นลง กัดฟัน ร่างกายแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ เขาเป็นลูกของเมียหลวงในบ้านตระกูลหวาง และก็เป็นอธิบดีกรมสรรพากร ไม่ว่าไปถึงไหนก็มีแต่ผู้คนให้ความเกรงใจไม่ใช่เหรอ?

ตอนนี้ยอมลดฐานะของตัวเอง เพื่อให้เกียรติมู่หยุน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือคำว่า “ไสหัวไป”

ผู้คนในห้องโถงมองหวางตงซานแล้วซุบซิบนินทา และแอบหัวเราะเยาะ

“คุณคนนี้ช่างหน้าไม่อายจริงๆ เมื่อกี้ยังไล่คนอื่นอยู่เลย ตอนนี้กลับไปประจบประแจงเขาแล้ว”

“เฮ้ย คนเรามันก็เหมือนกันหมด ขอเพียงมีโอกาส ยังจะรักษาหน้าตากันอีกทำไม?”

“สมกับเป็นการกระทำของตระกูลหวางจริงๆ”

คนพวกนี้แม้ว่ากำลังถากถางหวางตงซาน แต่ในสายตาต่างก็แฝงไว้ด้วยความอิจฉา

คิดในใจ: หากนายคนนี้เป็นลูกเขยบ้านฉันมันจะดีแค่ไหน!

ต้องรู้ว่า หากได้รับการสนับสนุนจากเจ้าเมือง ก็สามารถเดินอยู่ในเมืองเจียงอย่างภาคภูมิใจ ต้องการลมได้ลม ต้องการฝนได้ฝน

ในขณะที่หวางตงซานกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่ จะเข้าไปก็ไม่ใช่จะถอยก็ไม่ใช่เวลาอีก ก็มีมือข้างหนึ่งได้มากดไหล่ของเขาเอาไว้

เขาหน้ากลับไปมอง ก็เห็นชายคนหนึ่งที่อายุสี่สิบกว่าปียืนอยู่ด้านหลังของเขา

“เหล่าหวางเอ๊ย นายหลบหน่อย”

ผู้ชายคนนั้นกล่าว ก็ได้ผลักหวางตงซานไปข้างๆ จากนั้นก็หัวเราะพูดกับมู่หยุน: “กระผมแซ่เจียง ตระกูลเจียงที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียง ชื่อเดียวว่าฉิว ไม่ทราบว่าน้องมู่หยุนพอจะให้เกียรติ ไปนั่งที่โต๊ะของพวกเราได้หรือไม่”

ขณะที่เจียงฉิวพูด ก็ได้ชี้ไปที่โต๊ะของตระกูลเจียง

ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ ที่นั่งของตระกูลเจียงนั้นดีกว่าของตระกูลหวางมาก ใกล้เวทีด้านหน้ามากที่สุด

“เจียงฉิวนายจะทำอะไร เขาเป็นคนของตระกูลหวางนะ จะไปนั่งกับนายได้ยังไง!”

หวางตงซานโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ นายกล้ามาดึงคนต่อหน้าต่อตาฉัน ยังเห็นตระกูลหวางอยู่ในสายตามั้ย

“ฮึ่ม ตระกูลหวางของนายมันโหดเหี้ยมใจจำ หรือว่ายังไม่พอใจกับตระกูลเจียงที่ยอมลดตัวลงมาอีกเหรอ?”

เจียงฉิวหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วจ้องตากับหวางตงซาน

“เขาเป็นลูกเขยของตระกูลหวาง ฉันอยากทำอะไรก็อย่างนั้น ยังต้องให้นายมายุ่งอีกเหรอ?”

“ลูกเขยเหรอ? แบบนี้มันก็ยิ่งง่ายละสิ สามารถหย่าได้นี่นา ฉันมีหลานสาวคนหนึ่งอายุยี่สิบปีพอดี หน้าตาสวยงาม เหมาะสมกับน้องมู่หยุนอย่างมาก!”

“นาย......นายมันหน้าไม่อาย”

“นายจะทำอะไรฉันได้เหรอ?”

เขาทั้งสองคนนี้ทีคนนั้นที บรรยากาศยิ่งอยู่ยิ่งแย่เหมือนจะถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแล้ว

เวลานี้ ก็มีเสียงแผ่กระจายออก: “ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว”

ตอนนี้ ทั้งสองคนนิ่งเงียบ ต่างถลึงตาใส่กันแล้วรีบกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง

นักดนตรีเริ่มเล่นดนตรีที่น่าตื่นเต้น จากจุดที่ไม่ไกลนักจู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก ฮวงจุนในชุดสูทที่เป็นทางการ ภายใต้การนำทางของเย่นซินเดินเข้าไปในห้องโถง

“ที่แท้เขาก็คือผู้สูงศักดิ์ที่ลงมาจากข้างบน!”

“กลับมีอายุที่น้อยแบบนี้”

ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงก็ยืนขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ

ใบหน้าของฮวงมีรอยยิ้มบางๆ กวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างของมู่หยุน ก็อ้าปากพูด: “พี่ชายท่านนี้ มาร่วมโต๊ะด้วยกันมั้ย?”

เย่นซินที่อยู่อยู่ข้างๆ มองไปที่มู่หยุนและฮวงจุนที่เป็นเหมือนพี่น้อง แววตาพัดผ่านด้วยความเศร้า คิดในใจ: “หากตอนนั้นตัวเองไม่ได้ออกมาจากกองทัพฮวง ตอนนี้ก็คงสามารถที่จะใกล้ชิดกับจอมพลหยุนแบบนี้หรือเปล่า?”

“ท้องฟ้าสีน้ำเงินพื้นดินสีเหลือง จักรวาลก่อตัวขึ้นในสภาพที่สับสนและวุ่นวาย” แปดกองทัพหยุนเทียน หัวหน้าของทุกกองล้วนสนิทกับมู่หยุนเหมือนพี่น้อง ในเวลาเดียวกันต่างก็นับถือจอมพลหยุนของพวกเขา

มีเพียงแปดคนนี้ ที่กล้าล้อเล่นกับมู่หยุน!

มู่หยุนยิ้มเจื่อนๆ ในบรรดาหัวหน้าเหล่านี้ หวงสงเป็นคนที่เก่งแต่ใช้กำลัง มีกำลังที่แข็งแกร่งมาก ยากที่จะทำลายได้ สวงเกอเอาแน่เอานอนไม่ได้ กลับคมเหมือนมีด มีเพียงแต่จุนฮวง ที่นิสัยบ้าบิ่น ทำให้มู่หยุนไม่รู้จะทำยังไงอยู่เป็นประจำ

“ได้สิ”

มู่หยุนลุกยืนขึ้น เดินเคียงไหล่ไปกับฮวงจุน

เย่นซินเดินตามอยู่ด้านนหลัง มองดูทั้งสองคนอย่างอิจฉา

ภาพนี้ ทุกคนในงานต่างมองอยู่ในสายตา พริบตาเดียวก็ทำมู่หยุนที่อยู่ในใจของพวกเขามีฐานะที่สูงขึ้นมาทันที

เดิมทีนึกว่าจะได้รับเพียงได้รับความเคารพและปฏิบัติอย่างสุภาพจากเจ้าเมืองเย่นซิน

คิดไม่ถึง คนที่ชื่นชมเขา กลับเป็นผู้มีอิทธิพลที่ลงมาจากข้างบน!

แบบนี้ก็เจ๋งมากเลย ไม่น่าแปลกเลยที่เย่นซินจะมีพฤติกรรมที่ดีต่อเขา โดยที่ไม่เหมือนคนอื่น

โต๊ะอาหารที่ทำจากไม้ที่มีกลิ่นหอมถูกวางไว้ตรงกลางห้องโถงเหมือนพระจันทร์ที่รายล้อมด้วยดวงดาว บนโต๊ะนั่งกันเพียงสามคน

มู่หยุน ฮวงจุน และเจ้าเมืองเย่น

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของแสงไฟและดนตรี ร่างเพรียวบางกระโดดออกมาเหมือนปลาตรงหน้าเวที นักร้องสาวสวยที่หน้าตาสะสวย

พวกเธอใส่กระโปรงชีฟอง ก้าวตามท่วงทำนองที่สง่างาม เริ่มร้องรำทำเพลง

งานเลี้ยง ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

......

วันนี้ที่เมืองเจียงคนในตระกูลซุนต่างไว้ทุกข์ด้วยชุดสีดำ ซึ่งแตกต่างจากโรงแรมซื่อจี้ที่กำลังร้องรำทำเพลง

หัวหน้าของตระกูลซุนหนันเทียนที่ผมหงอกครึ่งหัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สูงที่สุด มีดวงตาที่แหลมคมเหมือนนกอินทรี

“มีข่าวคราวของลิงตัวนั้นหรือยัง?”

ลูกชายคนโตซุนเวยที่นั่งอยู่ด้านล่างถอนหายใจ: “ไม่พบอะไรเลยครับ รถคันนั้นกับลิงตัวนั้นเหมือนกับว่าได้โผล่ขึ้นมากลางอากาศ”

“ป้าง”

ซุนหนันเทียนทุบโต๊ะอย่างแรง ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่กลับทำอะไรไม่ได้

“ไอ้คนชั้นต่ำ แอบทำร้ายลูกชายฉัน หากให้ฉันจับตัวได้ ฉันจะสับแกเป็นหมื่นๆชิ้น!”

เวลานี้ สีหน้าท่าทางของซุนเวยมีความลังเลเล็กน้อย

“มีอะไรก็รีบพูดมา”

ซุนหนันเทียนกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ผมได้ยินมาว่า ก่อนที่ซุนเฉิงจะตาย เคยชอบผู้หญิงของตระกูลหวางคนหนึ่ง อีกอย่างวันที่เกิดเรื่อง พอดีได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้นและสามีของเขา ไปเดินห้างพร้อมแม่ของเขา

“แกบอกว่า มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหวาง?”

ซุนหนันเทียนหรี่ตาลง ถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย

ซุนเวยส่ายหัว: “หากเป็นฝีมือตระกูลหวาง ผมไม่มีทางที่จะตรวจไม่พบ ความหมายของผมคือ วันนี้เป็นวันที่น้องเสียชีวิตเจ็ดวัน ผมอยาก.......”

“แกอยากอะไร?”

“ผมอยาก เอาผู้หญิงคนนั้นของตระกูลหวาง มาฝังพร้อมกับน้อง!”

ตามคำพูดของซุนเวย ทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงไปไม่น้อย

ฝังร่วม มีเพียงแต่สมัยโบราณถึงมีประเพณีแบบนี้ มันโหดเหี้ยมมาก เอาคนเป็นๆฝังเข้าไปในสุสาน ฝังพร้อมกับคนที่เสียชีวิตแล้ว

ซุนหนันเทียนเงยหน้าหัวเราะอย่างเสียงดัง พยักหน้าอย่างพอใจ: “ดี ไปจัดการเลย”

“เพียงแต่ เกรงว่าตระกูลหวาง......”

“ตระกูลหวาง? ฮ่าๆ ไม่ได้ขี้เล็บ! ต่อให้เป็นเทพแห่งสวรรค์ก็ขัดขวางเราไม่ได้ คนที่ฉันซุนหนันเทียนจะฝัง แม้แต่ยมบาลก็ยังไม่กล้าที่จะไม่รับ”

“รีบไปเถอะ อย่าให้น้องแกรอนาน”

“ครับ”

ซุนเวยหัวเราะเย็นชา เดินออกไปจากห้องโถงไว้ทุกข์


ข้าคือจักรพรรดิเซียน
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 49 โพล
loading...