ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 28 มาเฟียพี่หลัง
บทที่ 28 มาเฟียพี่หลัง
พูดตามจริง ทัศนคติด้านเงินทองของมู่หยุนคือพอใช้ก็เพียงพอแล้ว หลายปีมานี้ เขาอยู่ระหว่างความเป็นความตาย จนถึงช่วงที่ช่วงชิงอำนาจ เขาได้เงินรางงวัลมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
จนมาถึงศึกสุดท้าย เขาฆ่ายอดฝีมือหลายคนเพียงลำพัง เพื่อทำให้โลกสงบ สร้างความหวาดกลัวไปทั่วแปดทิศ เพื่อให้สี่กองทัพยอมศิโรราบ จนทำให้จักรพรรดิไม่รู้จะตอบแทนเขายังไง อายจนไม่รู้จะเปรียบยังไง
ตอนนั้นถึงขนาดที่มีคนเสนอให้แบ่งดินแดนส่วนหนึ่งให้เป็นดินแดนของราชามู่หยุน แบ่งแยกเขตแดน
แต่เพราะมีคนคัดค้านจำนวนมาก สุดท้ายเลยตามเลย
แม้ว่าจะแบ่งแยกดินแดนไม่สำเร็จ แต่ก็ได้รับผลตอบแทนที่นับไม่ถ้วน เพียงแต่มู่หยุนได้มอบให้ฮวงจุน มาเป็นผู้ดูแลจัดการ
ตอนนี้ดูแล้ว ผลตอบแทนเหล่านั้นก็ไม่น้อยเลย
ปลายสายเสียงของฮวงจุนได้ถูกส่งมา ก็ได้ดึงสติของมู่หยุนกลับมา
“ลูกพี่ ช่วงนี้ต้องการใช้เงินเหรอ? ผมช่วยท่านทำบัตรใบหนึ่งดีกว่า รับรองว่ามันเพียงแต่ต่อท่านใช้จ่าย”
“ดี”
มู่หยุนตอบไปหนึ่งคำก็วางสาย
เวลานี้ ตระกูลหวางได้ประชุมกันเสร็จแล้ว สมาชิกในตระกูลต่างทยอยเดินกันออกมากันเป็นกลุ่มเป็นก้อน
เสิ่นเล่อกับหวางหรงหวังเชาก็อยู่ในนั้นด้วย
เมื่อเห็นมู่หยุน เสิ่นเล่อก็เดินเข้ามาก่อน ด้วยท่าทางที่เหิมเกริม: “เสี่ยวหยุน นายวางใจเถอะ ฉันจะดูแลเยนหรันเป็นอย่างดี เห่อๆ”
พลางพูด ก็ได้เดินจากไปอย่างลำพองใจ
หวังเชายังได้ชูนิ้วกลางใส่มู่หยุน
มู่หยุนหัวเราะอย่างเย็นชา ขี้เกียจสนใจพวกเขา หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นหวางตงเหอและครอบครัวเดินออกมาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
ดวงตาของเยนหรันแดงก่ำ อารมณ์เดาว์อย่างสุดขีด
มู่หยุนเดินเข้าไปปลอบใจ: “เยนหรัน ไม่เป็นนะ เธอวางใจเถอะ อีกไม่กี่วันพี่จะเป็นบริษัทใหญ่ๆ จากนั้นเธอก็ไปเป็นผู้บริหาร!”
“หยุดพูดมากได้แล้ว เงินที่ปลดเกษียณแค่นั้นของแกก็เก็บไว้ใช้ในยามแก่เถอะ ยังอยากจะเรียนแบบคนอื่นเปิดบริษัท แกทำเป็นเหรอ?”
“หากไม่ใช่เพราะแกคืนป้ายหยกกลับไป มันจะกลายเป็นแบบนี้เหรอ เรายังมีธุระ แกกลับไปเองเลย”
ซุนจิ้งพูดอย่างโมโห และไม่ให้โอกาสมู่หยุนอธิบาย ดึงหวางเยนหรันที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจากไปทันที
หวางตงเหอถอนหายใจ กล่าวอย่างเซ็งๆ: “ช่วงนี้เยนหรันต้องยุ่งกับงานที่บริษัท แกก็พยายามอยากรบกวนเธอ ขณะที่พูด ก็ได้เดินตามไปด้วย”
มู่หยุนหัวเราะอย่างเจื่อนๆแล้วส่ายหัว คนก็เป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงเพราะไม่สามารถที่จะให้ความช่วยเหลือแล้วก็ถูกกล่าวโทษ
เหมือนกับว่าได้ทำอะไรผิดไปจริงๆ
ครู่ต่อมา หวงสงที่ปฏิบัติตามคำสั่งของมู่หยุนก็ได้ขับรถมา: “จอมพลหยุน ฮวงจุนรอท่านอยู่ที่บ้านลุงฝู บอกว่ามีของจะให้ท่าน”
“รู้แล้ว”
มู่หยุนพยักหน้า ก็ขึ้นรถไป
รถแล่นไปด้วยความเร็ว ไม่นานนักก็ได้มาถึงหน้าบ้านของลุงฝู
ก็เห็นข้างนอกมีคนงานหลายคนกำลังเก็บข้าวของ
“นี่มันอะไรกัน?”
มู่หยุนถามอย่างสงสัย
หวงสงหัวเราะเห่อ ลงรถแล้วไปเปิดประตูรถให้กับมู่หยุน เช้านี้ จู่ๆลุงฝูก็คิดถึงชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลมู่ ภายใต้การเสนอของฮวงจุน เตรียมที่จะทำซอยนี้ให้กลายเป็นชุมชนเล็กๆชุมชนหนึ่ง ก่อนที่ผมจะไปผมได้ติดต่อช่างไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าครั้งนี้จะเริ่มทำกันเลย
“อืม รู้แล้ว”
มู่หยุนตอบไปคำเดียวก็เดินเข้าไปในบ้าน
เวลานี้ห้องรับแขกบนชั้นสอง ลุงฝูกำลังคุยอยู่กับฮวงจุน ไอ้หัวโล้นยืนอยู่ด้านหลังนวดจับเส้นให้ลุงฝูอยู่
เห็นมู่หยุนกลับมา ลุงฝูรีบร้อนลุกเดินมา พูดแผนการให้มู่หยุนฟันอย่างกระตือรือร้น
มู่หยุนฟังด้วยรอยยิ้มที่บางๆ พยักหน้าเห็นด้วยเป็นระยะ
ตอนเด็กลุงฝูดูแลเขาเป็นอย่างดี ตอนนี้แกมีสิ่งที่อยากจะทำ ไม่ว่ายังไงมู่หยุนก็ต้องช่วยแกทำให้สำเร็จจนได้
อีกอย่างความสามารถตอนนี้ของมู่หยุน ไม่ใช่แค่ปรับเปลี่ยนซอยหนึ่งซอย ต่อให้ปรับเปลี่ยนทั้งเมืองเจียง ก็ไม่มีความยากลำบากอะไร
“ลุงฝูวางใจเถอะ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ผมตัวแทนบริษัทหยุนหยิ่งจะรับผิดชอบพื้นที่ส่วนนี้ เตรียมเงินลงทุนยี่สิบล้านในการปรับปรุงก่อสร้าง ความคิดของเราสองคนช่างตรงกันเสียจริง ฮ่าๆ”
ฮวงจุนที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริม
ลุงฝูดีใจจนตื่นเต้น ยกมือนับตัวเลข: “ยี่สิบล้าน.......มันคือเท่าไหร่เหรอ”
“เยอะมากๆ เยอะจนใช้ไม่หมด”
“ฮ่าๆ.....ดี”
ในขณะที่ทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ด้านนอกก็ดังมาด้วยเสียงที่ด่าทอ
บันไดดังขึ้นด้วยเสียงวิ่งของรองเท้าแตะ
“แย่แล้ว แย่แล้ว เหย่หลังได้มาก่อเรื่องที่ด้านล่างแล้ว!”
ภรรยาเจ้าของบ้านเช่าวิ่งขึ้นมาอย่างหายใจหอบ ผลักประตูออกอย่างแรง
“เหย่หลัง!” ทันใดนั้นหัวโล้นก็มีสีหน้าที่กลัว มองมู่หยุนและคนอื่นๆ แล้วก็อธิบาย: “เหย่หลังเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ในมือมีบอดี้การ์ดมากมาย เป็นคนที่โอหังและเผด็จการมาก”
มู่หยุนหัวเราะเห่อๆ: “ไป ลงไปดูหน่อย”
เวลานี้ด้านนอกบ้าน บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งที่ถือมีดอีโต้แท่นเหล็กยืนอยู่บนไซต์งาน พวกเขาต่างใส่ห่วงจมูกใส่ตุ้มหู ย้อมผมด้วยสีสันที่ฉูดฉาด ปากก็ด่าทอด้วยความหยาบ
“ใครใช้ให้พวกแกมาทำงานที่นี่?”
“ได้รับความเห็นชอบจากลูกพี่เราแล้วเหรอ?”
“หยุด หยุด ไม่เคยได้ชื่อของพี่เหย่หลังหรือไง?”
เพราะบอดี้การ์ดเหล่านี้มาก่อกวน คนงานที่ทำงานอยู่ในไซด์งานก็หยุดทันที คนงานไม่กล้าโต้ตอบ ก็ไปพักผ่อนอยู่ข้างๆ
หัวหน้าทีมวิศวกรรมหลิวเทาอยู่ข้างกายชายที่กำยำคนหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พี่เหย่หลัง: “ผมก็แค่มาทำงานแลกข้าวกิน ให้ทางแก่ผมด้วย” ขณะที่พูด ก็ได้เอาธนบัตรใบละหนึ่งร้อยหลายสิบใบยัดใส่มือของเหย่หลัง
“เงินอันน้อยนิดนี้ เอาไปให้พี่น้องพี่ดื่มเหล้ากันนะ”
เหย่หลังเอียงคอ กระดิกขาขวาอย่างต่อเนื่อง ชำเลืองมองหลิวเทาไปแวบหนึ่ง หัวเราะอย่างดูถูก: “หัวหน้าหลิว ทำไม ดูถูกเหย่หลังอย่างผมใช่มั้ย?”
ขณะที่พูด ก็นำธนบัตรปาไปที่หน้าของหลิวเทาอย่างสุดกำลัง
“เห็นรองเท้าของฉันมั้ย เมื่อกี้ถูกเขาเหยียบไปหนึ่งที แกพูดสิ ต้องชดใช้เงินเท่าไหร่?” เหย่หลังชี้ไปที่ชายหนุ่มร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างกายหลิวเทา
“ทั้งๆที่คุณเป็นคนพรวดพราดเข้ามาเอง”
ชายหนุ่มร่างผอมกล่าวอย่างไม่พอใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเขาแสดงให้เห็นถึงความโกรธ ดวงตาแดงก่ำ เมื่อกี้เหย่หลังพุ่งเข้ามากระแทกเขาด้วยความแรง โชคที่เขาหลบได้เร็ว แค่เหยียบเขาไปหนึ่งทีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงถูกชนจนตีลังกาไปแล้ว
เพียงแค่นี้ ยังโดนตบไปตั้งหลายที
“เสี่ยวหมิงแกหุบปากเลย”
หลิวเท่ากล่าวอย่างเฉียบขาด ตามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอีกครั้ง: “พี่เหย่หลัง พี่ว่าต้องชดใช้เท่าไหร่ดีละ? ผมเอาให้พี่ห้าพัน พอได้มั้ย ให้พี่พาลูกน้องไปกินอาหารดีอร่อยๆสักมื้อ”
“ห้าพัน? ฮ่าๆ แกให้ขอทานหรือไง ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ เอามาสามแสน ขาดแม้แต่หยวนเดียวแกก็อยากคิดว่าจะได้ทำงานต่อเลย”
“สามแสน?”
สีหน้าของหลิวเทาดำคล้ำไปทันที โครงการรื้อถอนปรับปรุงที่เขารับมาใช้งบประมาณอย่างเต็มที่ ก็กำไลแค่สองแสนกว่าหยวน ตอนนี้เหย่หลังมาก่อเรื่อง หากต้องจ่ายสามแสนหยวนจริง งั้นไม่ขาดทุนแย่เหรอ
“พี่เหย่หลัง ผมรับงานมาก็ไม่ง่ายเลย พี่ก็ช่วยๆหน่อย ลดให้หน่อยได้มั้ย?”
ใครจะไปรู้ว่าหลิวเทายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเหย่หลังตบเข้าที่บ้องหูทันที แม้แต่มุมปากยังถูกตบจนเลือดออก
เหย่หลังหัวเราะอย่างดุดัน ขยับมีดอีโต้ที่อยู่ในมือสองที แล้วกล่าว: “จะพูดให้แกเข้าใจอย่างชัดเจนเลยนะ ตอนนี้ตระกูลซุนล่มสลาย ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายตายบ้างหนีไปบ้าง มีแต่กูเหย่หลังที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ แกรู้มั้ยว่ามันเป็นเพราะอะไร?”
หลิวเทากุมใบหน้าที่บวมเป่งของเขาเอาไว้ กล่าวอย่างสงสัย: “ก็คงเป็นเพราะพี่เหย่หลังนั้นแข็งแกร่งที่สุดมั้ง?”
“นับว่าแกยังมีความฉลาดอยู่”
เหย่หลังหัวเราะฮ่าๆ แล้วตบที่ไหล่ของหลิวเทาอย่างเต็มแรง: “ครั้งนี้สามแสน ถือเป็นราคามิตรภาพ แกคิดดู อนาคตโครงการที่อยู่หว่างขาของฉันเหย่หลัง ใครยังกล้ามาหาเรื่องแก?”
หลิวเทาพยายามยิ้ม เพียงแต่ว่ามันดูน่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก
เวลานี้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งของเหย่หลังก็เดินเข้ามา: “พี่ใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว!”
“มีคนมาเหรอ?”
เหย่หลังทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที ตะโกนด้วยเสียงสูง: “พี่น้อง ไอ้พวกนั้นมาแล้ว ทำให้พวกมันรู้ว่าอะไรคือพี่เหย่หลัง คนโหดไม่พูดเยอะ”
“จัดไป”
บอดี้การ์ดหลายคนหัวเราะและเดินเล่นไปด้วยเดินตามเหย่หลังไปในทิศทางของบ้าน
ข้าคือจักรพรรดิเซียน