ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 3 ย้อนเกล็ดมังกร
บทที่ 3 ย้อนเกล็ดมังกร
วันรุ่งขึ้น บนรถ
“ลุงฝูจัดการเรียบร้อยแล้วยัง?”
“วางใจเถอะ ไอ้พวกลูกหมานั่นตอนนี้ปฏิบัติต่อลูงฝูดีเสียยิ่งกว่าปฏิบัติต่อพ่อแท้ๆ เสียอีก” หวงสงหัวเราะอย่างอารมณ์เสีย”
“อ้อใช่ จอมผลหยุน เย่นซิน เจ้าเมืองเจียงรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว เขาต้องการเชิญคุณไปงานเลี้ยง คาดว่าอีกไม่กี่วันเขาน่าจะมาที่นี่ด้วยตนเอง”
“เขาไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่ชอบงานอะไรแบบนี้?”
มู่หยุนหัวเราะเยาะ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเมืองแต่ละเมือง ต่อให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอี้โจว โจวมู่คิดอยากจะพบเขา ก็ยังต้องรอดูว่าเขาชอบขี้หน้าหรือไม่”
"จอมพลหยุน ยังไงเสียเย่นซินก็เคยเป็นทหารของกองทัพฮวงมาก่อน” หวงสงเอ่ยกล่อมเสียงเบา
“ค่อยว่ากันวันหลัง ไปที่บ้านตระกูลหวางก่อน”
“ครับ จอมพลหยุน”
หวางตงเหอแห่งตระกูลหวาง กับพ่อของมู่หยุนเคยออกรบร่วมกันมาก่อน เคยเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย ต่อมาเมื่อภรรยาของพวกเขาตั้งครรภ์ พวกเขาก็ได้ใช้ครรภ์ปรองดอง มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ใครจะรู้ว่าพ่อของมู่หยุนจะเสียชีวิตอย่างกล้าหาญในสงคราม เหลือไว้เพียงเด็กกำพร้าและมารดาม่าย
ส่วนหวางตงเหอที่อาศัยความช่วยเหลือจากตระกูล ก็เข้าสู่สภาเทศบาลได้สำเร็จ ก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง ก้าวหน้าดุจเหยียบเมฆ
แม้ว่าจะมีข้อตกลงหมั้นหมาย แต่เขาก็ดูถูกมู่หยุนอยู่ในใจ และปล่อยให้เขากลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลหวาง
มู่หยุนที่ยังเป็นคนหนุ่มไฟแรงจึงตัดสินใจเข้าสู่กองทัพด้วยความโกรธ คาดไม่ถึงว่าพริบตาก็ผ่านไปเป็นเวลาห้าปี
ในไม่ช้า รถก็หยุดอยู่ด้านนอกคฤหาสน์สูงของหวางตงเหอ
มู่หยุนรวบรวมความคิด จากนั้นจึงเดินลงจากรถอย่างอารมณ์ที่ดี
“ไปทำธุระของนายเถอะ พวกเขาคงใกล้จะกลับมาแล้ว”
“ครับ จอมพลหยุน” ใบหน้าของหวงสงที่มีรอยยิ้มจริงใจ นี่เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเจอเพื่อนทหารเท่านั้น
เขาเดินมาที่ประตูเพียงลำพัง จากนั้นจึงกดกริ่ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สาวใช้ก็ถามผ่านทางประตูหน้าต่างว่า “คุณมาหาใคร?”
มู่หยุนยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงพูดสถานะของตน
สาวใช้ตอบรับ จากนั้นก็รีบหันกลับไปในบ้าน ผ่านไปเกือบห้านาทีเต็มๆ ก่อนที่เธอจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและเปิดประตู
“นายท่านและฮูหยินกำลังรอคุณอยู่ในห้องรับแขก”
มู่หยุนเดินเข้าไปในห้องรับแขกอันหรูหรา และเห็นหวางตงเหอกับซุนจิ้งภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา
“พ่อตา แม่ยาย” มู่หยุนโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ
“นั่งลง” หวางตงเหอมีสีหน้าเคร่งเครียด บนตัวเต็มไปด้วยความทระนงตน
ซุนจิ้งยังคงตั้งหน้าตรง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองมู่หยุน อีกทั้งยังไม่ตอบกลับใดๆ
มู่หยุนมองดู และนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามคนทั้งสอง
“เสี่ยวชิว โทรหาเยนหรัน ให้เธอกลับมา” หวางตงเหอบอกกับสาวใช้
“ค่ะ นายท่าน”
ใครจะทราบว่าพอพูดจบ เสียงเปิดประตูด้านนอกก็ดังขึ้น จากนั้นจึงเห็นเป็นหวางเยนหรันและชายหนุ่มรูปร่างองอาจเดินเข้ามาด้านใน”
“เยนหรัน คืนนี้ที่ถนนตงต้ามีร้านอาหารฝรั่งเปิดใหม่ ผู้จัดการมอบบัตร VIP black diamond ให้ฉันมาใบหนึ่ง พวกเราไปลองกันสักหน่อยดีไหม”
“คืนนี้ฉันยังต้องเรียนเปียโน”
“อย่างนั้นก็ได้ อ้อใช่ ฉันรู้มาว่ามีร้านเปียโนร้านหนึ่ง ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญด้านเปียโนไม่น้อย แถมพรุ่งนี้บ่ายยังมีเปียโนคอนเสิร์ตด้วย”
“ตอนเช้าฉันต้องเรียบ ใกล้จะสอบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ซุนเฉิง นายไม่รำคาญบ้างหรือไง”
ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดินเข้าไปในห้องรับแขก
มู่หยุนมองไปที่หวางเยนหรันด้วยรอยยิ้มน้อยๆ สาวน้อยคนนี้เคยติดตามเขา เรียกเขาว่าพี่ชายมู่ๆ อยู่จ้อยๆ ทุกวัน ตามเขาไปปีนเขาชมนกชมไม้ ลงแม่น้ำจับปลาจับกุ้ง สนิทสนมกันอย่างยิ่ง
แต่น่าเสียดายที่หลังจากหวางตงเหอกลับมายังตระกูลก็ขาดการติดต่อกันไป
มาวันนี้เมื่อได้พบกันอีกครั้ง คุณอีกครั้ง หวางเยนหรันก็เติบโตจากเด็กสาวตัวน้อยกลายเป็นหญิงสาวผู้สง่างดงาม
เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดสีขาวบริสุทธิ์ คอเสื้อสีเหลืองห่านลายแมวเหมียวน่ารัก สวมกระโปรงสีดำเข้าคู่กับกางเกงเลกกิ้งสีเงิน สามารถมองเห็นเรียวขาเพรียวบางของเธอได้ในพริบตา
ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่ถูกความเย็นเข้าปกคลุมจนเป็นสีแดงระเรื่อ มือทั้งสองปกปิดใบหน้า ท่าทางขี้เล่นน่ารักอย่างยิ่ง
นัยน์ตาสีแอปริคอทคู่นั้นของหวางเยนหรันกวาดตามองหวางตงเหอและซุนจิ้ง ก่อนจะตกลงที่ตัวมู่หยุน ใบหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึง และท้ายที่สุดจึงเกิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ของคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างกระเง้ากระงอด
“พี่มู่”
ห้าปีไม่ได้พบหน้า ถึงแม้จะเป็นคนแปลกหน้าไปหลายปี แต่ความทรงจำในอดีตนั้นกลับยังไม่เคยลืม
มู่หยุนผุดยิ้มขึ้น เขาหัวเราะเบาๆ ในใจของเขา หวางเยนหรันอยู่ในนั้นเสมอมา ไม่อย่างนั้นในตอนนั้นเขาคงไม่ตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ
ตอนนี้เอง ซุนเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ มีสีหน้าน่าเกลียดอย่างยิ่ง ขารู้เรื่องมู่หยุน ก็แค่คนบ้านแตกไม่มีพ่อแม่ไร้ที่ซุกหัวนอน ไปเป็นทหารมาหลายปี ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาแล้ว
“เยนหรัน ไม่แนะนำให้ฉันหน่อยหรือ?” ซุนเฉิงแสร้งทำเป็นสนิทสนมกับหวางเยนหรัน
“นี่คือ..คือมู่หยุนสามีของฉัน” พูดจบประโยคนี้ หวางเยนหรันก็กัดริมฝีปากล่างของตน ใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ท
อันที่จริงพูดอย่างเคร่งครัด เธอก็ยังคงเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน หน้าบางอย่างยิ่ง
หวางตงเหอและซุนจิ้งมองหน้ากัน สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง
“ยินดีที่ได้รู้จัก” ซุนเฉิงเอื้อมมือไปหามู่หยุน
มู่หยุนพยักหน้า
ทั้งสองจับมือกัน มู่หยุนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ซุนเฉิงใช้มาเต็มแรง
คิดจะแข่งกับเขามู่หยุน?
ต่อให้เป็นเหล็กชั้นดี ก็สามารถนวดเป็นแป้งได้
ดังนั้น มู่หยุนจึงออกแรงเล็กน้อย จู่ๆ ซุนเฉิงก็ได้ยินเสียงกร๊อบดังขึ้น และรู้สึกได้ทันทีว่ากระดูกของตนใกล้จะแตก
“ยินดีที่ได้รู้จัก” มู่หยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชาก่อนจะปล่อยมือ
ในเวลานี้ สีหน้าของซุนเฉิงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับตับหมู ดวงตาแดงก่ำของเขาจ้องเขม็งไปที่มู่หยุน และเอ่ยปากกัดฟันพูดขึ้น “ผมรู้จักคุณ ตอนที่แม่ของคุณถูกแขวนอยู่ที่ข้างนอกโรงแรมหรงเสิ้ง ฉันมักจะเดินผ่านไปอยู่บ่อยๆ”
ห้องนั่งเล่นทั้งห้องเงียบลงทันที บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
“พี่มู่ อดทนหน่อย ย่าลงมือ เขาเป็นคนตระกูลซุน” หวางเยนหรันเห็นสีหน้าดำดิ่งของมู่หยุนก็รีบเข้ามาดึงเขาเอาไว้ สายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน
“เสี่ยวซุน พูดจาแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ซุนจิ้งแสร้งทำเป็นโกรธและพูดขึ้น “ถึงแม้จะพูดเรื่องจริง แต่ก็ไม่ควรไปแฉข้อบกพร่องของคนอื่นแบบนั้นนี่”
“น้าซุน ผมปากไวไปหน่อย ประมาทแล้ว ประมาทแล้ว”
คุณมู่อย่าได้ถือสา ผมเป็นคนปากตรงกับใจ คิดอะไรก็พูดแบบนั้น”
ซุนเฉิงหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม ท่าทางของเขาไร้ร่องรอยสำนึกผิดเลยสักนิด แต่กลับเลิกคิ้วย่างยั่วยุ
มู่หยุนรู้สึกได้ถึงไฟที่หน้าอกของตน การตายของมารดาตนเป็นความเจ็บปวดในใจเขาตลอดไป ไม่มีใครลบหลู่แม่ของเขาได้
มังกรมีเกล็ดย้อน สัมผัสถูกเข้าย่อมโกรธ
“ใครลบหลู่แม่ของฉัน ต้องตาย!”
ข้าคือจักรพรรดิเซียน