ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 5 ถูกเกินไป
บทที่ 5 ถูกเกินไป
ในไม่ช้ารถของซุนเฉิงก็พาพวกเขาไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินของมอลล์เทียนเคอ
“ทำไมถึงมาที่นี่ ไม่ได้บอกว่าจะไปช้อปปิ้งหรือ?”
ซุนจิ้งยิ้ม แม้ว่าเธอจะรู้ว่าซุนเฉิงคิดจะประจบสอพลอตัวเองจึงต้องยอมลงแรงเล็กน้อย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะสู้ขนาดนี้ มอลล์เทียนเคอถือเป็นห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเจียง
ในอาคาร 45 ชั้นนี้ ครอบคลุมเคาน์เตอร์ของแบรนด์เนมหรูเกือบทั่วโลก
กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ เพชรทอง ฯลฯ ล้วนมีมากมายนับไม่ถ้วน
“ที่ไหนกันครับ คุณน้าซุน อาศัยสถานะระดับคุณน้า ถ้าหากผมพาไปที่อื่น ไม่ต้องพูดเรื่องสมไม่สมฐานะ กลับไปที่บ้านแล้วพ่อผมรู้เข้า เขาต้องตีผมตายแน่ คุณว่า เรื่องนี้มีเหตุผลไหมครับ”
ครอบครัวซุนจิ้งเป็นแค่ระดับทั่สไป ไม่ได้เป็นตระกูลเศรษฐีแต่อย่างใด เวลานี้เมื่อถูกซุนเฉิงเอาอกเอาใจขนาดนี้ย่อมต้องรู้สึกปลาบปลื้มเต็มอย่างยิ่ง เธอเอื่อมมือไปหยิกไหล่ซุนเฉิง “ปากหวานเสียจริง นายนี่นะ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ความสวยของเยนหรันของเรา ก็เลยคิดเรื่องแบบนี้ออกมา”
การให้ท้ายนี้ ทำให้ในใจของซุนเฉิงมีความสุขในทันใด “ก็ยังต้องดูว่าคุณน้าเห็นด้วยรึเปล่านี่ครับ”
“หึ ยังต้องดูความประพฤติของนาย”
ในเวลานี้มู่หยุนยังคงเดินตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าหวางเยนหรันกำลังบีบมือตน จึงหันกลับไปดู และเห็นเธอหน้าแดงก่ำ ก้มศีรษะลงและพูดเบา ๆ “พี่มู่วางใจ”
มู่หยุนยิ้ม “เธอก็วางใจเถอะ”
พูดไป คนทั้งสี่ก็ไปยังลิฟต์ แต่กลับเห็นป้ายอันหนึ่งวางตั้งอยู่
“อยู่ระหว่างการซ่อมแซม”
คนงานสวมหมวกสีเหลืองกำลังยืนอยู่หน้าป้ายและยิ้มอย่างขออภัย “แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ขออภัยด้วยจริงๆ ครับ บันไดเลื่อนและลิฟต์กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง ได้โปรดท่านใช้ทางเข้าประตูหลักของห้างสรรพสินค้าแทน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือของท่าน”
“พวกคุณทำงานกันยังไง บำรุงรักษาลิฟต์ก็แล้วไป แต่บันไดเลื่อนทำไมยังมาอยู่ในช่วงปรับปรุงอีก ตั้งใจจะให้พวกเราต้องเดินใช่ไหม!”
ซุนเฉิงชี้ไปที่พนักงานแล้วด่าเสียงดัง
“ขออภัยจริงๆ ครับ เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ”
ซุนจิ้งยิ้ม “ยังไงก็มาเดินเล่น จะเดินทางไหนก็เหมือนกัน”
“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะน้าซุนเอ่ยปาก วันนี้ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่”
ดังนั้นคนทั้งสี่เดินอ้อมไปรอบหนึ่ง และมาถึงมอลล์เทียนเคอ
“ยินดีต้อนรับสู่” พนักงานต้อนรับสาวสวยร่างสูงยืนรับแขกอยู่ข้างประตูและตะโกนออกมาพร้อมกัน
พื้นกระเบื้องทำจากหยกขาว ซุนมองไปรอบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “สภาพแวดล้อมไม่เลว”
“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหมคะ?” ไกด์สาวแนะนำการซื้อเดินเข้ามาและถามอย่างสุภาพ
“ฉันสนิทกับเจ้าของมอลล์เทียนเคอ มาที่นี่ก็เหมือนกลับมาบ้าน ไม่ต้องการความช่วยเหลือ” ซุนเฉิงเชิดคางขึ้น ท่าทางวางมาด
หลังจากได้ฟังแล้วไกด์สาวก็โค้งคำนับ “ได้ค่ะคุณผู้ชาย มีเรื่องอะไรสามารถเรียกฉันได้ ที่นี่ทุกชั้นพวกเราล้วนมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่” หลังจากพูดจบไกด์สาวก็ก้าวถอยหลังไป
“อืม ไปกันเถอะ” ซุนจิ้งพยักหน้าและเริ่มออกเดินช็อปปิ้ง
ชั้นแรกเป็นพื้นที่เครื่องประดับ โดยทั่วไปแล้วเครื่องประดับแบรนด์ที่ไม่ดังมากนักมักจะวางขายในตู้โชว์ด้านนอก มีเฉพาะแบรนด์ต่างประเทศเท่านั้นที่สามารถเช่าร้านค้าของตนเองได้
ในเวลานี้เอง มู่หยุนชี้ไปที่ร้านขายเครื่องประดับคาร์เทียร์ที่อยู่ไม่ไกล “ไปที่นั่นดีกว่า”
ซุนเฉิงเอ่ยเยาะเย้ยเสียง “คุณมู่ เงินเกษียณอายุของคุณ ไม่จำเป็นต้องรีบใช้ขนาดนั้น ถ้าหมดแล้วคงต้องขอข้าวตระกูลหวางกินแล้ว?”
ซุนจิ้งหัวเราะเยาะ “แม้ว่ามู่หยุนนายจะเป็นคนแต่งเข้าบ้านมา แต่ก็มีมือมีเท้า อย่าได้คิดจะให้พวกเราต้องมาเลี้ยงนาย”
“แม่” หวางเยนหรันตะโกนอย่างไม่ชอบใจ
แต่งเข้าบ้านแต่เดิมก็เป็นเรื่องสร้างความอับอายให้กับผู้ชายอยู่แล้ว แต่ซุนจิ้งกลับยังกล่าวเรื่องพวกนี้ในที่สาธารณะ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไว้หน้ามู่หยุนเลยสักนิด
หรือกล่าวคือ เธอไม่ได้เห็นมู่หยุนอยู่ในสายตาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
มู่หยุนส่ายหัว “ไม่เป็นไร อันที่จริงฉันแค่อยากซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ให้เธอ”
“อืม ก็ได้”
หวางเยนหรันยิ้มเขิน มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ชอบการได้ของขวัญจากคนรัก?
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นเครื่องประดับคาร์เทียร์ที่มีชื่อเสียงเสียจนเมื่อหยิบออกมาคนข้างๆ ยังไม่วายต้องอิจฉา
หลังจากที่ซุนเฉิงได้ฟัง เขาก็พูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ก็ดี พวกเราไปดูกันหน่อยว่าของขวัญชิ้นนี้จะเล็กแค่ไหน”
ทั้งหมดมาที่ร้านคาร์เทียร์ ทั้งหมดเห็นแสงจ้าที่สะท้อนจากเครื่องประดับต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร้านขึ้นมาได้ทันทีเพชรขนาดเม็ดเล็กและใหญ่ ไพลินเม็ดโตราวกับไข่นกกระทา ความแวววาวของโลหะ รวมถึงสร้อยข้อมือทองคำขาว สร้อยคอ และมงกุฎหงส์ที่ประดับด้วยทับทิมสีแดง
มู่หยุนดึงมือของหวางเยนหรันไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นจึงกวาดตามองดูรอบหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น
ไม่ใช่เพราะราคาแพงเกินไป แต่เพราะมันถูกเกินไป
หลายหมื่นหยวน หลายแสนหยวน ราคาสูงสุดอย่างมากก็แค่ 50 ล้านเท่านั้น ไม่แพงอย่างที่มู่หยุนคิดเอาไว้
เมื่อมองไปที่มู่หยุนที่กำลังขมวดคิ้ว จากนั้นจึงยิ้ม หวางเยนหรันก็เข้าใจไปเองแล้วก้มหน้าลงเอ่ยเสียงเบาอย่างเจตนาดี “ไม่มีที่ฉันชอบ พวกเราไปกันเถอะ”
“อันที่จริง พวกนี้ล้วนถูกไปหน่อย ไม่เหมาะ” มู่หยุนพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและดูว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน
ดวงตาของหวางเยนหรันดูมืดมนลงไป ความรู้สึกผิดหวังพุ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ เธอไม่สนใจว่ามู่หยุนจะมีเงินหรือไม่ แต่เธอไม่ชอบการเสแสร้งแบบนี้ มีกำลังซื้อก็ซื้อ ไม่มีกำลังซื้อก็สมควรทำตัวติดดิน ทำไมต้องโกหกหลอกลวงตนเองด้วย
ซุนเฉิงส่ายหัว “ความจนไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือคนประเภททำเป็นหน้าใหญ่ใจโตต่างหาก นายซื้อไม่ไหวก็บอกซื้อไม่ไหว จะเข้ามาทำไม หรืออยากจะเข้ามาเพิ่มพูนความรู้?”
พูดไป เขาก็หันไปทางหวางเยนหรันและเอ่ยขึ้น “เยนหรัน เธอรีบดูสิ ว่าชอบอันไหน พี่เฉิงซื้อให้ น้าซุนคุณเองก็เลือกเถอะ ขอแค่คุณเอ่ยปาก ต่อให้ต้องการทั้งร้าน ผมก็ซื้อไปมอบให้คุณ”
“ยังเป็นเสี่ยวเฉิงที่จริงใจ ไม่เหมือนขยะบางคน ซื้อไม่ไหวแล้วยังจะเข้าร้าน”
ซุนจิ้งพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะเดินรอบหนึ่ง สุดท้ายจึงหยิบต่างหูหยกที่มีราคารวมกันมากกว่า 50000หยวนขึ้นมา
ซุนเฉิงแอบรู้สึกโล่งใจ หากซุนจิ้งหยิบเครื่องประดับราคาหลายแสนขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะกลั้นใจซื้อได้ แต่เมื่อกลับบ้านไปจะต้องถูกครอบครัวสั่งสอนแน่
หวางเยนหรันยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ท่าทางหดหู่ใจอย่างยิ่ง
ในตอนนี้เอง พนักงานขายก็เดินยิ้มแย้มเข้าไปหามู่หยุน “คุณผู้ชาย ถ้าหากคุณคิดว่าราคาเครื่องประดับในเคาน์เตอร์สูงไป ฉันสามารถแนะนำเครื่องประดับที่ราคาค่อนข้างถูกให้กับคุณได้ ที่นี่มีเครื่องประดับล้ำค่ามากมายวางได้ไม่หมด ดังนั้นจึงที่วางอยู่ด้านหลัง”
มู่หยุนหัวเราะ “อันที่จริง ฉันคิดว่าทั้งหมดนี่ถูกเกินไป”
“อุ๊บ” ซุนเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แม้แต่พนักงานขายเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณผู้ชาย ที่นี่พวกเราราคาถูกจริงๆ ฉันขอแนะนำให้คุณไปที่เฉาหยางดู ที่นั่นอาจมีของราคาแพงกว่าเล็กน้อย”
“เฉาหยาง? อย่าพูดเลย อาศัยความสามารถของนายตอนนี้คงได้แต่ต้องไปที่ตลาดค้าส่งเฉาหยางอะไรแบบนั้นนั่นแหละ” ซุนเฉิงส่ายหัว
หวางเยนหรันรู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่ดูหน่อยหรือว่าที่นี่คือที่ใด ถึงได้กล้าพูดจาขี้โม้แบบนี้ เขายังใช่พี่มู่ที่เธอรู้จักรึเปล่า?
ในขณะนี้ หวางเยนหรันกำลังหน้าแดงด้วยความอับอาย
ข้าคือจักรพรรดิเซียน