ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 7 จ่ายเงิน
บทที่ 7 จ่ายเงิน
ซุนเฉิงหัวเราะลั่น “ไม่มีเงิน? ไม่มีเงินแล้วนายซื้อทำไม ขอทานหน้าเหม็น”
“ขอโทษครับคุณผู้ชาย แต่พวกเราที่นี่ไม่มีเครดิต”
แคชเชียร์กล่าวอย่างสุภาพ แต่สายตาที่มองมู่หยุนกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ
หวางเยนหรันรู้สึกว่าใบหน้าของทั้งสองกำลังลุกเป็นไฟ เธอเดินไปที่ซุนเฉิงอย่างเงียบๆ “พี่ซุน คุณช่วยสำรองจ่าย ...”
“สำรองจ่าย? ล้อเล่นอะไรกัน เขาทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต บนตัวไม่มีเงินแต่กลับมีหน้ามาจีบสาว ฉันซุนเฉิงอยู่มาจนโตเพิ่งจะเคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดนี้”
ซุนเฉิงพูดด้วยความโกรธ แต่ในใจกลับสะใจอย่างยิ่ง
“ก็แค่สำรองจ่าย ไม่ใช่ว่าจะไม่คืนคุณ” หวางเยนหรันรู้สึกผิด น้ำเสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ
“คนจนอย่างเขา จะมีเงินหรือไง? อย่างว่าแต่ห้าล้าน ต่อให้เป็นแค่ห้าแสน เขาก็คืนไม่ไหว”
ในเวลานี้หวางเยนหรันคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกมู่หยุนดึงกลับมา และได้ยินเพียงคำอธิบายของเขา “ฉันไม่มีนิสัยชอบพกเงิน แต่อีกเดี๋ยวจะมีคนมาจ่ายเงินให้”
ด้วยฐานะของมู่หยุน เงินทองและสิ่งอื่น ๆ มักอยู่ภายใต้การควบคุมของเลขานุการที่รับผิดชอบในการจัดการชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีนิสัยในการพกพาเงิน
ซุนจิ้งหน้าดำคร่ำเครียด “ช่างน่าขายหน้าจริงๆ วันนี้ไม่น่าพานายออกมาด้วยเลย ไม่มีเงินก็ไม่มีเงิน เสแสร้งไปทำไม นายเป็นยังไง ฉันไม่รู้ดีหรือไง? วันนี้เป็นไง ทุกคนต้องมาอับอายไปกับนายด้วย”
ซุนเฉิงยิ้มอย่างสะใจ ดวงตาที่มองหวางเยนหรันสว่างวาบไฟแทบจะลุกโชน เขาเอ่ยออกมา “เยนหรัน ฉันบอกเธอตั้งนานแล้วว่าสามีไม่ได้เรื่องนี่ของเธอไม่น่าเชื่อถือ เอาอย่างนี้ไหม จากนี้ไปเธอติดตามฉัน ส่วนเงินค่าชดใช้นี่ฉันจะออกเอง เป็นไง?”
พูดไป ในสมองของเขาก็เริ่มจินตนาการไปถึงการแนบสนิทชิดเชื้อกับหวางเยนหรัน แค่คิดท้องน้อยของเขาก็ร้อนผ่านขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากอันแห้งผาก
เมื่อมองไปที่ท่าทางหยาบคายของซุนเฉิง หวางเยนหรันก็คล้ายจะรู้สึกราวกับตนเองกำลังมองคนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง จนอดไม่ได้ที่จะต้องไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของมู่หยุน
นี่คือพูดจาแทะโลมอย่างชัด อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าคนมากมายในห้างสรรพสินค้าและต่อหน้าสามีของเธอ
ไม่มีใครสามารถแบกรับความอัปยศอดสูแบบนี้ได้
สายตาสังหารของมู่หยุนวาบผ่านขึ้นมาทันที เขายื่นมือออกไปจับมือของหวางเยนหรันเบา ๆ “อย่าไปสนใจเขา”
ในเวลานี้ พนักงานแคชเชียร์ก็แจ้งว่า “คุณผู้ชาย ตามกฎของพวกเรา ถ้าคุณนำเงินมาไม่พอ คุณสามารถเลือกที่จะจ่ายเงินหนึ่งในสิบของราคาสินค้าที่ซื้อเพื่อเป็นค่าเสียหายจากการชำระบัญชี”
“ฉันรู้ เงินของฉันจะมาเร็ว ๆ นี้” มู่หยุนตอบอย่างใจเย็น
เมื่อเห็นมู่หยุนดูเหมือนจะไม่มีเงินจ่าย แคชเชียร์ก็เยาะเย้ย “สมควรเสนอให้กับผู้จัดการจริงๆ หลังจากวันนี้หากต้องการมาที่มอลล์เทียนเคอ จะต้องจ่ายเงินมัดจำเอาไว้ก่อน หลีกเลี่ยงพวกมาถึงที่นี่แล้วไม่มีเงินจ่าย อ้ำๆ อึ้งๆ”
“คุณเป็นแค่แคชเชียร์ พล่ามอะไรกัน” หวางเยนหรันทนฟังต่อไม่ไหว ยังไงเสียเธอก็เกิดในตระกูลหวาง ในเมืองเจียงถือว่ามีหน้ามีตาเช่นกัน ตอนนี้เธอกลับถูกพนักงานแคชเชียร์ตัวน้อยเอ่ยเยาะเย้ยจึงรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
“คุณผู้หญิง แคชเชียร์แล้วยังไง พวกเราแม้ว่าเราจะทำเงินได้น้อย แต่ก็รู้จักตนเอง ใครจะไปเหมือนพวกคุณ ไม่มีเงินแล้วยังมาช็อปปิ้ง ไม่รู้จักประมาณตนเลยสักนิด ถ้าตอนนี้คุณจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายออกมา ฉันจะหุบปากและขอโทษคุณทันที”
หวางเยนหรันโกรธจนแทบบ้า แต่กลับไร้หนทางตอกกลับ
ในทางกลับกัน ซุนเฉิงกลับเลิกคิ้วให้แคชเชียร์และยกนิ้วโป้งขึ้น ที่แท้ทั้งคู่ก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้กันมานานแล้ว
แคชเชียร์ที่ได้รับคำชมพริบตาก็โทรออกต่อหน้าคนทั้งหมด “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการเหลียง มีคนไม่ยอมจ่ายเงิน อืม ใช่ค่ะ โอเคค่ะ”
ในไม่ช้า ประตูกระจกด้านหลังแคชเชียร์ก็ถูกเปิดออก เป็นชายในวัยสามสิบคนหนึ่ง หน้าตาดุร้ายเดินออกมา
“ผู้จัดการเหลียง” แคชเชียร์ทักทายชายคนนั้น
“อืม” ผู้จัดการเหลียงพยักหน้าแล้วถาม “คนไหนจ่ายเงินไม่ไหว?”
“เป็นแขกพวกนี้” แคชเชียร์ชี้ไปที่พวกมู่หยุน
“ผู้จัดการเหลียง ผู้จัดการเหลียง ฉันเอง” ซุนเฉิงเดินเข้าไปอย่างยิ้มแย้ม
“โอ้ ที่แท้เป็นคุณชายซุนทำไมกัน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินหรือ?”
“ล้อเล่นหรือไง ผมซุนเฉิงซื้ออะไรมีหรือจะจ่ายไม่ได้? เป็นไอ้หน้าโง่นั่นต่างหาก ทำตัวหน้าใหญ่ใจโต หึหึ”
ซุนเฉิงเอ่ยและชี้ไปที่มู่หยุน จากนั้นจึงส่งสายตาให้ผู้จัดการเหลียงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมาที่หูของเขาแล้วกระซิบว่า "ผู้จัดการเหลียง ผมเห็นเจ้านั่นแล้วขัดหูขัดตา คุณช่วยผมจัดการมันหน่อย ลูกประคำไม้ลูกแพรวันนั้นผมมอบให้คุณ”
ผู้จัดการเหลียงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาไม่วายเอ่ยถาม “เขาทำอาชีพอะไร?”
“เป็นลูกเขยจนๆ แต่งเข้าบ้านเจ้าสาว พวกขยะขอทาน เพิ่งกลับมาจากการเป็นทหาร”
“ลูกเขยขอทานจนๆ แต่งเข้าบ้านเจ้าสาวก็กล้ามาที่มอลล์เทียนเค่อเพื่อขอติดเครดิต?”
ผู้จัดเหลียงแค่นเสียงเย็นและเดินไปหามู่หยุน “คุณผู้ชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่คุณจะจ่ายเงิน?”
มู่หยุนยิ้มเยาะ “เพื่อนของฉันจะมาชำระเงินเร็ว ๆ นี้”
“ขออภัย คุณต้องชำระเงินเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณไม่มีเงิน ก็อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”
จากนั้นมีแขกบางคนเดินวนเข้ามาและชี้มือชี้ไม้
“จุ๊จุ๊ กล้ามาขอติดเงินที่มอลล์เทียนเคอ”
“ตอนนี้ใคร ๆ ก็มาที่มอลล์เทียนเคอเพื่อซื้อของได้แล้วหรือเนี่ย?”
“น่าอายจริงๆ
เผชิญหน้ากับการชี้นิ้วมองของคน ซุนจิ้งรีบหลบไปแอบด้านหนึ่งตั้งนานแล้วและทำตัวราวกับไม่รู้จักมู่หยุน ในขณะที่หวางเยนหรันยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังมู่หยุนด้วยใบหน้าแดงก่ำ กำลังอารมณ์เสีย “ทำไมเธอถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้ มาเล่นไปกับเขาด้วย เฮ้อ”
“คุณกำลังทำให้พวกเราเสียเวลา”
ผู้จัดการเหลียงหัวเราะเหี้ยมก่อนจะหยิบวิทยุออกมา “เอาคนมาจัดการซะ”
ในไม่ช้า ก็มีชายร่างใหญ่ท่าทางนักเลงเดินเข้ามาสองสามคน
“ไอ้หนู ไม่แหกตาดูบ้างว่าที่นี้ที่ไหน ยังกล้ามาติดเงิน”
“ฉันว่าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง”
“พอดีเลยพวกพี่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวกระดูก หึหึ”
ผู้ชายตัวใหญ่หลายคนล้อมวงเข้ามา ขอแค่ผู้จัดการเหลียงออกคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมลงมือทันที
“พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันจะโทรเรียกตำรวจ!” หวางเยนหรันตะโกนเสียงดังและดึงโทรศัพท์มือถือออกมา
“ฉันขอแนะนำให้เธอวางมือถือลง ตอนนี้เธอไม่มีเงินจ่าย ถ้าตำรวจมา เธอว่าพวกเขาจะจับใคร" ผู้จัดการเหลียงกล่าวอย่างระมัดระวัง เขามองไปที่หวางเยนหรันอย่างประเมิน ดวงตาเป็นประกาย
“สาวน้อยหน้าตางดงามขนาดนี้ ไปคุยเป็นเพื่อนเล่นกับฉันที่ด้านหลังดีกว่า ฉันไม่คิดค่าผิดสัญญากับเธอ เป็นไง?”
“ฝันไปเถอะ” หวางเยนหรันกรีดร้อง
มู่หยุนที่ยังคงสงบนิ่งมาตลอด กลับค่อยๆ เอ่ยเสียงเข้มขึ้น “ผู้จัดการเหลียง คุณแน่ใจหรือไม่ว่าคุณกำลังปฏิบัติตามเงื่อนไขของมอลล์เทียนเคอ”
“ตอนนี้ สิ่งที่ฉันพูดก็คือเงื่อนไข” ผู้จัดการเหลียงยิ้มอย่างสะใจ เขามองไปที่หวางเยนหรันด้วยตาลุกโชน ผู้หญิงคนนี้ไม่เลว ถ้าได้สนุกไปกับเธอ จุ๊จุ๊
“ฉันเป็นผู้จัดการ ที่นี่ฉันใหญ่ที่สุด!”
“ถ้าเจ้านายของพวกคุณมา คุณจะกล้าพูดอย่างนั้นอีกหรือ?
ต้องรู้ด้วยว่า ฉันเป็นลูกค้าของมอลล์เทียนเคอของพวกนาย”
"เจ้านาย? อย่ามาขู่ฉันให้ยาก ฉันจะพูดอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้ จงจ่ายเงินซะ ไม่งั้นก็อย่างหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
ผู้จัดการเหลียงเอ่ย จากนั้นจึงส่งสายตาให้กับลูกน้องก่อนจะตะโกนเสียงดัง “ลากไปสั่งสอนให้ดีๆ ด้านหลัง”
“เหลียงสง คุณกำลังทำอะไรอยู่”
ในเวลานี้เอง เสียงสุขุมของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังผู้จัดการเหลียง
ข้าคือจักรพรรดิเซียน