ข้าคือจักรพรรดิเซียน
บทที่ 8 กระหน่ำชำระเงิน
บทที่ 8 กระหน่ำชำระเงิน
ผู้จัดการเหลียงตัวสั่นสะท้าน เขาหันกลับมา สีหน้าจริงจังแต่เดิมรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มเยินยอขึ้นมาทันที “เจ้านาย คุณมาได้อย่างไร”
เสียงที่ดังขึ้นมาก็คือประธานของมอลล์เทียนเคอ: เทียนเคอ
ไม่ผิด มอลล์เทียนเคอถูกตั้งตามชื่อของตนเองเทียนเคอ
ท่ามกลางแขกที่กำลังรอชมเรื่องสนุก แน่นอนว่ามีผู้คนระดับไฮเอนด์บางคนที่มักจะเข้าและออกที่นี่และจดจำตัวตนของเทียนเคอได้ และเริ่มกระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“จบแล้วจบแล้ว เรื่องที่แต่เดิมทุบตีก็จบไป ตอนนี้เจ้าของดันมาที่นี่พอดีซะงั้น”
“นั่นสิ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าของเทียนเคอโหดเหี้ยมไร้ความปรานีขนาดไหน? แม้แต่หน้าตาของทั้งสี่ตระกูลก็ยังต้องดูว่าเขามีอารมณ์จะไว้หน้าหรือไม่”
คนเหล่านี้ไม่กลัวเรื่องเอะอะ แต่กลับยิ่งดูยิ่งสนุก ถึงแม้ดูภายนอกจะมีท่าทีเห็นอกเห็นใจมู่หยุน แต่สีหน้ากลับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ในเวลานี้ซุนเฉิงรีบเดินออกมาจากฝูงชน พี่เทียน พี่เทียน ผมเอง
เทียนเคอหันไปมองซุนเฉิง เขานิ่งคิด “นายเป็นใคร?”
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของซุนเฉิงก็ชะงักไปทันที เขารีบเอ่ย “ผมซุนเฉิง ตระกูลซุน วันนั้นที่งานปาร์ตี้ค็อกเทลพวกเรายัง..”
“ไม่รู้จัก”
เทียนเคอตอกกลับอย่างเย็นชาและมองไปที่ผู้จัดการเหลียงอีกครั้ง “คุณจัดการเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ? นี่คือสิ่งที่คุณทำกับแขก?”
“เจ้านาย คุณฟังผม ไอ้เด็กนี่ไม่มีเงินจ่าย”
ผู้จัดการเหลียงกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่มู่หยุน “เด็กนี่ไม่เพียงแต่ไม่เกรงกลัว กลับยังไม่ยอมจ่ายเงิน แถมเงินชดใช้ก็ไม่ยอมจ่าย ท่าทีหยิ่งผยองอย่างมาก”
“ฉันรู้”
“คุณรู้?” ผู้จัดการเหลียงอยู่ในความงุนงง
“ใช่ ฉันมาที่นี่เพื่อจ่ายเงิน”
เทียนเคอเอ่ย เมื่อมองไปที่มู่หยุน ท่าทางของเขาก็ค่อยๆ ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
สามปีแล้ว นับตั้งแต่ออกจากค่ายกองทัพหยุนเทียน ไม่มีวันไหนวินาทีไหนที่เขาไม่คิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้น นั่นเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่มีวันลืมลงได้
หากชีวิตของกองพลทหารเป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา อย่างนั้นมู่หยุน ก็คือคนที่เขาศรัทธาอย่างสูงสุด
เป็นบุคคลที่เขาบูชาใบชีวิตนี้
เขาเดินเข้าไปหน้ามู่หยุนทีละก้าวๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม กรอบตาของเทียนเคอกลายเป็นสีแดงก่ำ ครู่ต่อมา ในที่สุดเขาก็เอ่ยสำลักขึ้นมา “พี่หยุน”
การกอดนี้ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของคนทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
นี่คือความสุขของการได้พบกันอีกครั้ง นี่คือมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชาย
แขกที่อยู่รอบๆ ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมีความเป็นมาใหญ่โตขนาดนี้ ประธานเทียน เทียนเคอถึงกับต้องมาจ่ายเงินให้ด้วยตนเอง ช่างเป็นความยุ่งเหยิงของพวกชั้นสูง
จบกัน แค่ครู่เดียวก็ไม่มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้จัดการเหลียงที่หาเรื่องใส่ตัว มีเทียนเคอคุ้มให้ ต่อให้เจ้าเมืองมาเอง ยังต้องไว้หน้า
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง ...” ซุนเฉิงเดินมาหาผู้จัดการเหลียง เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่ามู่ยุนจะรู้จักกับประธานของมอลล์เทียนเคอ
ผู้จัดการเหลียงตกอยู่ในความงุนงง สมองของเขากำลังสับสนยุ่งเหยิง ในหูมีเสียงแว่วไปมา
ต้องรู้ด้วยว่า ทั้งเมืองเจียง คนที่สามารถเชิญเทียนเคอได้มีเพียงหยิบมือ อีกทั้งคนๆ นี้ยังถึงกับต้องให้เจ้านายของตนมาจ่ายเงินให้ด้วยตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะสนิทกันอย่างยิ่ง
“มันจบแล้ว ตายแน่แล้วคราวนี้”
คิดไป ผู้จัดการเหลียงก็มองซุนเฉิงอย่างเคียดแค้น จนแทบจะอยากพุ่งเข้าไปแทงเขา ไม่ช่วยแทงเขา
ลูกเขยขอทานแต่งเข้าบ้านเจ้าสาวบ้าบออะไรกัน ทหารเพิ่งกลับมาบ้าอะไร
นายเป้นคนวางกับดักนี้ ฉันกับนายมีความแค้นต่อกัน
มู่หยุนตบไหล่เทียนเคอ “พอแล้ว หลังจากนี้มีเวลาค่อยคุยกัน จ่ายเงินให้ฉันก่อน นายก็รู้ฉันมีนิสัยไม่ชอบพกเงิน”
เทียนเคอเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มร่า “ได้เลย” จากนั้นเขาก็หันไปหาแคชเชียร์และพูดขึ้น “ลงบัญชีฉัน”
“ค่ะเจ้านาย” แคชเชียร์รีบตอบรับทันที นิ้วมือของเธอกดลงบนแป้นพิมพ์อย่างสั่นเทา ในใจแอบคิดว่าตนแย่แล้วไม่รู้ว่าเขาจะแก้แค้นตนเองไหม หากเขาเอ่ยกับเจ้านายขึ้นมา เขาไม่เพียงแต่อยู่ที่มอลล์เทียนเคอต่อไม่ได้ แม้กระทั่งทั่วเมืองเจียงก็ไม่มีที่ให้ซุกอยู่แล้ว
“ประธานเทียน ขอโอกาสให้ผมสักครั้ง ผมผิดไปแล้ว” ผู้จัดการเหลียงมาตรงหน้าเทียนเคอ จากนั้นจึงคุกเข่าลงและร้องไห้น้ำตานอง
เขาไม่ได้รู้ว่าตนเองผิด แต่กำลังหาหนทางรอดอยู่ต่างหาก
เทียนเคอแค่นเสียงเย็นและเอ่ย “ขอร้องฉันไปก็ไร้ประโยชน์”
จู่ๆ ผู้จัดการเหลียงก็ได้สติขึ้นมาทันที เขาหันกลับมาและพูดกับมู่หยุน “พี่ชาย คุณเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ยกโทษให้ผู้น้อยอย่างผมเถอะ ขอร้องคุณล่ะ” มีขณะเอ่ยพูดเขาก็ก้มหัวลงไม่หยุด หน้าผากที่กระทบลงกระเบื้องหยกขาวเกิดเป็นเสียงดังปึกปึกปึกขึ้น
ไม่นานนัก กระเบื้องสีขาวก็กระเซ็นไปด้วยเลือดจนน่าตกใจ
“พี่มู่....ช่างมันเถอะค่ะ” หวางเยนหรันใจอ่อนขึ้นมา
มู่หยุนยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ผู้จัดการเหลียงคำนับต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงค่อยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายหาเรื่องฉันอันที่จริงไม่ใช่เรื่องอะไร นายเอาคนมาจัดการฉัน ฉันเองก็เข้าใจได้”
“แต่นาย...ไม่ควรมีความคิดใดๆต่อเยนหรัน!”
มังกรมีเกล็ดย้อน ใครสัมผัสเข้าย่อมพิโรธ!
หากเอ่ยถึงใครในโลกนี้ที่สามารถเป็นเกล็ดย้อนของมู่หยุน หวางเยนหรันคือคนที่สำคัญที่สุดคนนั้น
ในช่วงเริ่มต้นของการแต่งงาน มู่หยุนทิ้งหวางเยนหรันไปเข้าร่วมกองทัพ ความรู้สึกผิดนี้ได้ฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขาอย่างไม่มีวันลืม
ดังนั้นในครั้งนี้ที่กลับมา เขาต้องที่จะชดเชยให้กับแม่ที่มีพระคุณเลี้ยงเขามาตลอดหลายปี รวมถึงภรรยาผู้โดดเดี่ยวของตน
ตอนนี้แม่ของเขาไม่อยู่แล้ว ส่วนหวางเยนหรันในฐานะภรรยาของเขา ย่อมเป็นส่วนที่อ่อนโยนที่อยู่ลึกที่สุดในใจของมู่หยุน
ใครแตะต้อง คนนั้นตาย!
หวางเยนหรันหน้าแดงขึ้น ในใจคิด: ที่แท้ เขาโกรธแทนฉันนี่เอง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวใจของหญิงสาวก็แทบจะละลาย
“พวกนาย เอาเหลียงส่งไปจัดการสั่งสอนให้ฉันที่ด้านหลัง หลังจากนี้อีกสิบวันให้ปฏิบัติตามกฎแต่เดิม” เทียนเคอเข้าใจจิตใจของมู่หยุนทันที และประกาศลงโทษตายผู้จัดการเหลียงทันที
ผู้จัดการเหลียงที่รู้ว่ากฎเดิมหมายถึงอะไรก็ตกใจกลัวจนอึและปัสสาวะราด น้ำตาไหลเปื้อนจมูกใบหน้าของเขา แต่ยังโอดครวญไม่หยุด
“เจ้านาย ผมผิดไปแล้ว เจ้านาย ผมไม่กล้าอีกแล้ว ขอ..”
ยังไม่รอให้เขาตะโกนจบประโยค เขาก็ถูกลากแขนปิดปากออกไปด้านหลังทันที
หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกอย่างก็หยุดลง
ขณะนี้แขกที่กำลังดูความสนุกต่างแยกย้ายไปจ่ายเงินและจากไปด้วยความเกรงกลัวว่าจะพลอยติดร่างแหไปด้วย
มู่หยุนและเทียนเคอคุยกันสองสามประโยคและแยกจากกันในพริบตา
“พี่หยุน จากนี้ต้องติดต่อกันบ่อยๆ นะ” เทียนเคอโบกมือ ท่าทางไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้
หลังออกจากมอลล์เทียนเคอ ดวงตาของซุนเฉิงก็ฉายแววโหดเหี้ยม ในใจคิด “เจ้านี่ถึงกับรู้จักประธานเทียนเคอ ไม่ได้การ เก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
ซุนเฉิงรู้ว่าเขาทำให้มู่หยุนขุ่นเคือง และต้องรีบชิงลงมือก่อน!
ทันใดนั้น เสียงแตรก็คำรามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ระวัง!
มู่หยุนดึงหวางเยนหรันและซุนจิ้งไว้ด้วยมือคนละข้าง ปลายเท้าแตะพื้นเล็กน้อยจากนั้นเขาก็พาคนทั้งสองถอยหลังไป 56 เมตร
จากนั้น เสียงดัง "ปัง" ก็ดังขึ้น รถ BMW สีดำกระแทกเข้ากับกำแพงด้านนอกของห้างสรรพสินค้าอย่างแรง
ส่วนซุนเฉิง บังเอิญอยู่ระหว่างรถกับกำแพงพอดี
เลือดสดๆ ไหลรินไปทั่วพื้น
ข้าคือจักรพรรดิเซียน