ฉันเนี่นนะ...เป็นลูกเศรษฐี
บทที่ 38 ไม่เหลืออะไรเลย
บทที่ 38 ไม่เหลืออะไรเลย
คังเจี้ยนเฟยรู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว
ความได้เปรียบเดียวของเขาก็คือใบสั่งซื้อของบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋ ตอนนี้หยางเสี่ยวเทียนซื้อบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋ไปแล้ว ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของเขาก็โดนหยางเสี่ยวเทียนทำลายด้วยประโยคเดียว ความได้เปรียบนี้หายสาบสูญไปไม่เหลือหลอ
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ถึงแม้คังเจี้ยนเฟยจะชอบย่ำยีสตรี แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ไร้สมอง
คังเจี้ยนเฟยรู้อยู่ลึก ๆ ว่าที่เขาสามารถใกล้ชิดกับสาว ๆ มากมายได้ก็เพราะว่ามีเงินเป็นสำคัญที่สุด แต่ที่จริงแล้วเขามีเงินไม่มาก ล้วนอาศัยเงินที่พ่อแม่ให้มาทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกคนเดียว แต่อำนาจการเงินในบ้านก็ไม่ได้อยู่ในมือของคังเจี้ยนเฟย
ทุกคนบนโลกนี้ล้วนขาดเงิน คนรวยก็เช่นกัน คังเจี้ยนเฟยร่ำรวยอยู่ก็จริง แต่ก็ใช้เงินเป็นเบี้ย ถ้าไม่มีแหล่งการเงินที่มั่นคง ต่อให้คังเจี้ยนเฟยมีภูเขาเงินภูเขาทอง ก็อดไม่ได้ที่จะใช้เงินเป็นเบี้ย
แถมตอนนี้แหล่งเงินแหล่งทองที่มั่งคงของเขาคืออะไร? ก็คือการเอาตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋มาหักคอมมิชชั่นอย่างต่อเนื่อง หาเงินเช่นนี้ ถ้าหากไม่มีตำแหน่งผู้จัดการใหญ่แล้ว คังเจี้ยนเฟยอาศัยแค่เงินที่พ่อแม่ให้ เช่นนั้นกราฟต์คุณภาพชีวิตก็ต้องดิ่งลงเป็นเส้นตรง สมัยนี้การจะรังแกลวนลามผู้หญิงนั้นต้องใช้เงินเยอะ ไม่มีเงินแล้วจะไปรังแกผู้หญิงได้อย่างไร?
อีกอย่าง คังเจี้ยนเฟยรู้อยู่แล้วว่าคังหมิงโป๋ไม่มีความคิดที่จะขายบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋ไป นี่เป็นกิจการพื้นฐานของครอบครัวของพวกเขา ถ้าหากว่าไม่ใช่ให้ราคาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คังหมิงโป๋ไม่มีทางขายแน่
“หยางเสี่ยวเทียนเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้าน การจะซื้อบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋เกรงว่าไม่ได้จ่ายเงินน้อย ๆ อย่างน้อยร้อยล้านก็ต้องมี ตอนนี้ในมือของพ่อจะต้องมีเงินสดไม่น้อยแน่ ๆ ฉันเสียตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ไป ถ้าหากไม่ได้ไปหาผลประโยชน์จากพ่ออีกละก็ ไม่มีทางใช้ชีวิตได้แน่!”
สิ่งที่เรียกว่า ‘ง่ายที่จะเปลี่ยนจากประหยัดไปเป็นฟุ่มเฟือย และยากที่จะเปลี่ยนจากการฟุ่มเฟือยเป็นการประหยัด’ คังเจี้ยนเฟยใช้ชีวิตแบบที่ใช้เงินมือเติบมาชินเสียแล้ว ตอนนี้โดนหยางเสี่ยวเทียนเตะทีเดียวตกจากสวรรค์มาอยู่ในห้วงเหวลึก จะยินดีประหยัดมัธยัสถ์ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าการประหยัดมัธยัสถ์ของคังเจี้ยนเฟยนั้น สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปแล้วยังรู้สึกว่าเหมือนกับการฟุ่มเฟือยในวันหยุดเหลือเกินก็ตาม
คังเจี้ยนเฟยตัดสินใจแล้วว่าจะไปหาคังหมิงโป๋พ่อของตนแล้วคุยกันให้ดีดี
คังหมิงโป๋ขายบริษัทโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทำให้คังเจี้ยนเฟยรู้สึกเหมือนคังหมิงโป๋หลอกลวงตน เขาต้องการคำอธิบายดี ๆ จากคังหมิงโป๋ ที่จริงแล้วคังเจี้ยนเฟยดูถูกพ่อของตัวเองมาก คิดว่าคังหมิงโป๋เป็นคนกลัวภรรยา เป็นเครื่องกดเงินของตัวเอง เป็นคนบ้านนอกคนหนึ่ง!
แต่ทว่าคังเจี้ยนเฟยเพิ่งจะมาถึงหน้ารถเบนซ์ของตัวเอง ก็ถูกปรากฏการณ์ตรงหน้าทำให้ตกใจ
เห็นรถเทรเลอร์คันใหญ่คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้ารถเบนซ์ของตัวเอง พนักงานที่สวมเครื่องแบบข้าราชการหลายคนกำลังจะลากรถเบนซ์ของคังเจี้ยนเฟยขึ้นไปบนรถเทรลเลอร์
“ทำอะไรน่ะ?” คังเจี้ยนเฟยโมโหหนักในทันที “นี่เป็นรถของผม พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับรถของผม?”
“คุณคือคุณคังเจี้ยนเฟยใช่ไหมครับ?” พนักงานคนหนึ่งแสดงเอกสารรับรองให้ดู “พวกเราเป็นพนักงานในศาล ตอนนี้กำลังดำเนินการชดใช้ตามข้อตกลง คุณทำความเข้าใจสักหน่อยนะครับ!”
เห็นตราประทับเหล็กกล้า คังเจี้ยนเฟยก็หวาดกลัวขึ้นมา
คนในบ้านของคังเจี้ยนเฟยรู้เรื่องในบ้านของตน เขารู้ดีว่าตนไม่สามารถต่อต้านรัฐบาลได้
เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” คังเจี้ยนเฟยถาม “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พนักงานเอ่ย “พ่อของคุณคือคังหมิงโป๋ใช่ไหมครับ?”
คังเจี้ยนเฟยเอ่ย “ใช่ครับ พ่อของผมคือคังหมิงโป๋ ประธานบริษัทเครื่องมือแพทย์คังโป๋ แต่ก่อน... น้าของผมเคยเป็นรองผู้อำนวยการสำนักอนามัย” คังเจี้ยนเฟยคิดจะใช้วิธีใช้อำนาจของคนอื่นมาหลอกลวงผู้อื่น
พนักงานพูดอธิบาย “คังเจี้ยนเฟย บ้านและรถของคุณเป็นชื่อของคังหมิงโป๋พ่อของคุณ พ่อของคุณได้เอาบ้านและรถของคุณ รวมถึงของใช้ฟุ่มเฟือยของคุณไปค้ำประกันไว้กับธนาคารทั้งหมด ตอนนี้พ่อของคุณต้องชดใช้เงินกู้ธนาคาร ศาลของพวกเราจะต้องเก็บรักษาไว้ หลังจากประมูลก็ชดใช้เงินกู้คืนให้กับธนาคาร”
“นี่... นี่มันเป็นไปไม่ได้!” คังเจี้ยนเฟยพูดเสียงหลง “พ่อของผมจะคืนเงินกู้ไม่ได้ได้อย่างไร!”
พนักงานพูดอย่างเย็นชา “ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดีด้วยมนุษยธรรมนะ พ่อของคุณซื้อหุ้นบริษัทโทรทัศน์หัวอีจำนวนมาก แต่ภาพยนตร์โครงการล่าสุดของบริษัทโทรทัศน์หัวอี ถูกแช่แข็งเพราะเหอเจิ้นตง นักแสดงนำเสพยาเสพติด หุ้นของบริษัทโทรทัศน์หัวอีตกลงมาเยอะมาก เงินทุนของพ่อของคุณเชื่อมโยงปัญหาใหญ่เอาไว้ ดังนั้นเขาเลยเอาบ้าน รถ ทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขาไปจำนำกับธนาคาร และประมูลโดยศาลของพวกเรา!”
“เป็นไปไม่ได้!” สมองของคังเจี้ยนเฟยขาวโพลนไปหมด พูดอย่างไม่มีขอบเขตว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
พนักงานไม่ได้ให้ความสนใจกับคังเจี้ยนเฟยอีก ลากรถเบนซ์ของคังเจี้ยนเฟยแล้วจากไปอย่างวางก้าม คังเจี้ยนเฟยไม่กล้าขัดขวาง
คังเจี้ยนเฟยตัดสินใจโทรหาพ่อ คุยกับคังหมิงโป๋พ่อของตนเสียหน่อย อยากจะรู้สักหน่อยว่าตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
คังเจี้ยนเฟยมีชีวิตที่สุขสบายมาตั้งแต่เด็ก เป็นทายาทคนรวยรุ่นที่สองโดยกำเนิด มีทรัพย์สินมากมายในครอบครอง กินหรูอยู่แพงมาหลายปีดีดัก ไม่มีวิกฤตใดเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้คังเจี้ยนเฟยกลับสัมผัสถึงความรู้สึกว่าจะมีวิกฤตการณ์ ‘เรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นมาในไม่ช้า’ บางอย่างได้ ในส่วนลึกเขาสัมผัสได้ถึงสถานการณ์สิ้นหวัง และจุดจบของเขาไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ตรงไหน
โทรออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่บรรยากาศแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนละก็ มีแค่คังหมิงโป๋ที่โทรหาคังเจี้ยนเฟย เป็นห่วงชีวิตของคังเจี้ยนเฟย คังเจี้ยนเฟยกลับไม่เคยโทรหาคังหมิงโป๋เลย ถึงแม้โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ใช่คนใจแคบ แต่เขากลับไม่ชอบที่จะติดต่อกับพ่อของเขา ไม่สนใจใยดีคังหมิงโป๋พ่อของเขา
คังเจี้ยนเฟยคุยโทรศัพท์กับคังหมิงโป๋บ่อยครั้ง คังหมิงโป๋เอาใจใส่มาก แต่คังเจี้ยนเฟยกลับคุยแบบขอไปทีอย่างใจลอย
แต่วันนี้คังหมิงโป๋กลับไม่ยอมเอ่ยปากอยู่นาน
เดิมคังเจี้ยนเฟยคิดจะรอจนคังหมิงโป๋เอ่ยปาก แต่หลังจากพบว่าคังหมิงโป๋ไม่เอ่ยปากอยู่นาน ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวแล้วพูดว่า “พ่อครับ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“แกไปล่วงเกินอะไรหยางเสี่ยวเทียนมาหรือเปล่า?” คังหมิงโป๋เอ่ยถาม
คังเจี้ยนเฟยเอ่ย “หยางเสี่ยวเทียนไหนครับ?”
คังหมิงโป๋เอ่ย “แน่นอนว่าเป็นหยางเสี่ยวเทียนที่เป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ประธานเมถุนกรุ๊ป”
“เอ่อ...” คังเจี้ยนเฟยลังเลอยู่สักพักแล้วจึงพูดขึ้น “ระหว่างผมกับหยางเสี่ยวเฟยมีการขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ กันอยู่จริง ๆ ครับ แต่ว่ามันก็เป็นแค่การทะเลาะกันเพราะอคติส่วนตัวของวัยรุ่นก็เท่านั้นเองครับ!”
คังหมิงโป๋เอ่ย “เป็นเพราะแกไปเหยียบเท้าหยางเสี่ยวเทียนเข้า หยางเสี่ยวเทียนเลยใช้วิธีการบางอย่างมาโจมตีฉัน ตอนนี้ฉันกำลังจะล้มละลาย ตอนนี้แกเข้าใจหรือยัง? ลูกชายของฉัน แกเป็นได้จริง ๆ เหรอ!”
คังเจี้ยนเฟยแทบจะจินตนาการถึงสีหน้ามืดครึ้มของคังหมิงโป๋ออก เขารีบเอ่ยขึ้นทันที “ไม่จริงมั้ง? หยางเสี่ยวเทียนเด็ดขาดขนาดนั้นเลย?”
คังหมิงโป๋เอ่ย “คังเจี้ยนเฟย ฉันจะเรียกแกแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ฉันจะบอกแกอย่างเป็นทางการ รถของแก บ้านของแก ของใช้ฟุ่มเฟือยทั้งหมดจะไม่สามารถมีมันได้อีก บัตรธนาคารกับบัตรเครดิตของแกจะโดนฉันระงับ ตั้งแต่นี้ไปแกกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แกหาเลี้ยงดูตัวเองเถอะ ทำให้ดีล่ะ!”
คังเจี้ยนเฟยเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ทำไมล่ะ?”
“เพราะแกมันไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของฉัน!” คังหมิงโป๋เอ่ย “แม่แกมันเอาไม่เลือก มันก็แค่นี้แหละ!”
ฉันเนี่นนะ...เป็นลูกเศรษฐี