Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 54 : ผิดหวัง...หมดใจ
ตี่สี่...
มีไม่กี่อย่างบนโลกใบนี้ที่ฉันเกลียด หนึ่งในนั้นคือความไม่เท่าเทียม...ทำไมผู้ชายถึงมีกำลังมากกว่าผู้หญิง
ถ้าผู้ชายใช้แรงปกป้องผู้หญิงมันคือสิ่งที่ดี แต่เมื่อพวกเขาใช้มันในทางที่ผิด เอาสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มาทำลายผู้หญิง...มันคือสิ่งเลวร้าย...ไม่ดีเลยสักนิด
และฉัน...ก็เกลียดตัวเองที่ยอมแพ้ให้แก่สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในตัวฉันที่คุณดีแซมปลุกมันขึ้นมา
ฉันนอนร้องไห้ตั้งแต่สะดุ้งตื่น ร่างกายบอบช้ำจากการสู้รบกับร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังนอนกอดฉันอยู่ตอนนี้ แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันแนบชิดกับอกกว้างทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงการผ่อนลมหายใจเข้าออกของเขาอย่างสม่ำเสมอเพราะคุณดีแซมกำลังหลับ
ระหว่างเรา...ไม่มีปราการใด ๆ กั้นขวาง มีเพียงแค่ผ้าห่มปกคลุมร่างของเราไว้เท่านั้น
ฉันนอนร้องไห้จนตาบวม และมันคงจะบวมมากเพราะฉันรู้สึกปวดตาเหลือเกิน ฉันปาดน้ำตาทิ้งหลังจากคิดได้ว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับสิ่งที่ฉันสูญเสียไป
ฉันค่อย ๆ เอามือหนาที่วางพาดเอวฉันออกเบา ๆ โดยไม่ให้คนที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ตื่นขึ้นมา ฉันเดินไปเอาเสื้อผ้าของตัวเองจากตู้เสื้อผ้าแล้วไปจัดการตัวเองในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เป็นไปได้...ฉันไม่อยากให้คุณดีแซมตื่นขึ้นมาเจอหน้ากันตอนนี้ มันคงจะดีมากถ้าเราไม่เจอหน้ากันอีกเลย
_____________________________
[::D-Sam’s Part::]
แสงแดดลอดผ่านม่านในห้องนอนที่เปิดทิ้งไว้เข้ามาแยงตาทำให้ผมรู้สึกตัว ผมหยีตาสู้แดดอย่างรำคาญก่อนจะผลิกตัวมาอีกด้านหวังจะกอดร่างบางตัวหอมๆแสนคุ้นเคย แต่ผมก็คว้าได้เพียงแค่ความว่างเปล่าข้างกายเท่านั้น
ผมลืมตาโพลงมองหามะลิไปรอบห้อง สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงไปกลับเข้าร่างแทบจะในทันที ความงัวเงียหายไปหมดสิ้นเมื่อผมเห็นเสื้อผ้าที่ผมใส่เมื่อคืนกองอยู่บนพื้น...รวมถึงชุดฟินาเร่ที่มะลิใส่ในงานเมื่อคืนด้วย
ผมลำดับความคิดในหัว...ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสายราวกับฉายหนังซ้ำ
เมื่อคืนผมไปงานเปิดตัวเครื่องเพชรกับน้ำใสเพราะเธอเป็นคนลากผมไปด้วยเหตุผลที่ว่าคุณหญิงขวัญตาเป็นเพื่อนแม่ของเธอ และแม่เธอให้เธองานนี้เพราะท่านไม่สบาย แล้วผมก็ไม่คิดเลยว่าผมจะได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนม.ต้นตอนอยู่อเมริกาก่อนผมจะย้ายมาอยู่กับแม่ที่เมืองไทย
ผมกับแซนแทนเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตั้งแต่เข้าเรียนวันแรก ผมฮอตและมันก็ฮอตไม่ต่างกัน เราเหมือนคู่แข่งกันในทุกเรื่อง เรื่องเรียน กีฬา เพื่อนฝูง รวมถึงเรื่องผู้หญิง ผู้หญิงที่ผมสนใจทุกคนจะถูกมันคาบไปกินแทบทั้งสิ้นอย่างกับว่ามันรู้ว่าผมเล็งสาวคนไหนไว้ ผมกับมันเกือบมีเรื่องชกต่อยกันบ่อยครั้งด้วยความคึกคะนองในวัยเด็ก
แซนแทนเป็นลูกชายคนเล็กของเศษรฐีเหมืองเพชร เพราะความเกเรของมันจึงทำให้มันถูกพ่อแม่ส่งตัวไปเรียนและไปอยู่กับญาติที่เมืองนอก ตั้งแต่ผมกลับมาอยู่เมืองไทยผมก็ไม่ได้รู้ข่าวสารอะไรเกี่ยวกับมันเลย มันคงอยู่อเมริกาจนเรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทย เพราะมันไม่ใช่ลูกรักของพ่อแม่เท่าไหร่สื่อต่าง ๆ ถึงไม่สนใจจะทำข่าวเหมือนพี่ชายของมันที่ไม่ว่าจะไปไหน จะทำอะไรก็เป็นข่าวไปซะหมด อีกอย่าง...มันเป็นคนลึกลับด้วยแหละมั้ง มันไม่ชอบอะไรคึกโครมน่ะ
ผมไม่รู้หรอกว่ามันไปเป็นเด็กวัดนั่นได้ยังไงและไปเจอกับมะลิได้ยังไง และทำไม...มะลิถึงไปโผล่ในงานเมื่อคืนกับมันได้
บอกเลยว่าเมื่อคืนผมโมโหมาก มากจนพูดหลายสิ่งหลายอย่างออกไปทำร้ายจิตใจมะลิ ผมไม่เข้าใจมะลิ ในเมื่อผมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ ทำไมเธอถึงอยากจะไปจากผม...
ความโมโหจนหน้ามืดทำให้ผมเผลอทำในสิ่งที่ไม่ควรลงไป...ผมขืนใจมะลิ!!
ไอ้สารเลวเอ้ย!
ทีนี้จะทำไง ตอนนี้มะลิหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!!
วินาทีที่รู้ตัวว่าตัวเองทำสิ่งที่เลวมหันต์ ผมก็ไม่อาจทนนอนรออยู่บนเตียงได้อีกต่อไป ผมรีบลุกจากเตียงไปจัดการตัวเองทันที
ผมต้องตามหามะลิและพูดกับเธอให้รู้เรื่อง...ผมอยากจะขอโทษกับสิ่งเลว ๆ ที่ผมทำกับเธอไว้ ผมจะรับผิดชอบกับความสารเลวที่ตัวเองก่อไว้
[::End : D-Sam’s Part::]
_________________________
สถานที่อีกแห่งที่ฉันอยู่แล้วสบายใจนอกจากบ้านสวนคือวัด...หน้าเจย์ดีเก็บอัฐิของครอบครัวฉัน
ฉันนั่งอยู่ที่นั่นจนฟ้าสาง น้ำตาไม่ไหลสักหยดเพราะฉันร้องไห้จนร้องไม่ออกแล้ว การนั่งนิ่งๆ เงียบๆ อยู่ใกล้ๆครอบครัวทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น สายลมพัดผ่านร่างกายเบา ๆราวกับพวกท่านกำลังกอดปลอดใจฉันและให้สายลมปัดเป่าความรู้สึกเศร้าหมองออกไป
ตอนนี้...ฉันมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังงามแสนคุ้นตาแล้ว
ฉันตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าฉันอยากจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันจบไป เรื่องแรกที่ฉันต้องทำคือฉันอยากจะพบคุณหญิง อยากจะคุยกับท่านเรื่องของเราว่าต่อไปนี้ฉันไม่สามารถทำในสิ่งที่ท่านหวังไว้แล้ว...และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมาเหยียบที่นี่อีก
ฉันยืนมองคฤหาสน์หลังงามผ่านประตูรั้วลวดลายสวยงามด้วยความรู้สึกหลากหลาย ที่นี่ฉันมีแต่ความทรงจำดี ๆ ครั้งแรกที่มาฉันรู้สึกตื่นกลัวและประหม่าที่จะได้เจอกับคุณหญิงหมื่นกะรัต แต่เมื่อฉันได้รู้จักท่านแล้ว ถึงแม้ท่านจะดูโหดแต่ความรู้สึกที่ฉันมาที่นี่ในวันแรกกลับไม่มีอีกแล้ว
คุณหญิงหมื่นกะรัตท่านใจดีและมีเมตตากับฉันมาก ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ เหตุผลหนึ่งที่ฉันมาที่นี่นอกเหนือจากเรื่องคุณดีแซมแล้วฉันก็อยากจะมาบอกลาท่านด้วย
ลุงยามคนเดิมพอเห็นฉันยืนอยู่หน้าประตูรั้วก็เดินมาเปิดประตูให้อย่างรู้งาน เขายังไม่รู้ความจริงที่ว่า...ฉันไม่ใช่คุณหนูจัสมินอย่างที่ทุกคนในบ้านนี้รู้จัก
“สวัสดีครับคุณหนูจัสมิน” ลุงยามยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะลุง คือหนูมาหาคุณหญิงน่ะค่ะ ท่านอยู่มั้ยคะ?” ฉันถามเข้าเรื่องทันที
ถ้าถามว่าฉันมาที่นี่ตอนสายของวันแบบนี้ไม่กลัวเจอคุณดีแซมเหรอในเมื่อฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา ฉันตอบได้ทันทีเลยว่า ณ วินาทีนี้ฉันไม่มีอะไรจะเสียและไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกแล้ว
“คุณท่านอยู่ข้างในครับคุณหนูจัสมิน” ลุงตอบพร้อมกับยิ้มหวานอย่างใจดี
“ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดแล้วเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป แต่ก่อนจะเข้าไปหาคุณหญิง ฉันอยากจะบอกอะไรกับลุงยาวสักอย่างหนึ่ง “หนูไม่ได้ชื่อจัสมินค่ะลุง หนูชื่อมะลิ”
ฉันยิ้มน้อย ๆ ให้ลุงยามที่ยืนเกาหัวทำหน้างงแล้วเดินตามทางทอดยาวเข้าไปยังตัวคฤหาสน์แสนสวย ราวกับเหตุการณ์เดิม ๆ ฉายซ้ำให้ฉันดู แม่บ้านทุกคนแห่กันมาต้อนรับฉันด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณหนูจัสมิน” ทุกคนพูดพร้อมกันแล้วยกมือไหว้ฉัน ฉันส่งยิ้มให้ทุกคนพลางรับไหว้อย่างเกรงใจ
“หนูมาหาคุณหญิงน่ะค่ะ” ฉันบอก
“คุณท่านนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” ป้าสายพินเป็นคนบอก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคำถามของฉัน
ฉันบอกขอบคุณทุกคนแล้วเดินไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งมีป้าสายพินเดินนำไป ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ทำค้างไว้อยู่...ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือความรู้สึกของฉัน
ป้าสายพินมาฉันมาส่งถึงที่แล้วเดินจากไป ฉันเดินเข้ามายังห้องนั่งเล่นที่คุณหญิงหมื่นกะรัตกำลังนั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมอังกฤษเล่มหนาอยู่บนโซฟาสุดหรูตัวยาว
“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ฉันยกมือไหม้ผู้ทรงอำนาจในบ้านอย่างนอบน้อม ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันช่างกระอักกระอ่วนเหลือเกิน แต่ฉันต้องทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้คุณหญิงเห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวฉัน คุณหญิงฉลาดมากยิ่งทำให้ฉันต้องยิ่งทำตัวให้ปกติที่สุดเพื่อที่จะเป็นการง่ายกับเรื่องที่ฉันจะคุยวันนี้
หวังว่ารอยยิ้มที่ฉันปั้นขึ้นมานี้จะเป็นเกราะกำบังสายตาคมของผู้หญิงคนนี้ได้...
“ว่าไงเรา” คุณหญิงหมื่นกะรัตพับเก็บหนังสือไว้บนโต๊ะ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าฉันนิ่ง ๆ
“คือหนูมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหญิงสะดวกคุยรึเปล่าคะ?”
“ได้สิ นั่งลงก่อนสิ” คุณหญิงอนุญาต ก่อนที่ฉันจะทันได้หย่อนก้นนั่งยังโซฟาเดี่ยวข้าวโซฟายาวที่ท่านกำลังนั่งอยู่ คุณหญิงก็เรียกไว้ซะก่อน “มานั่งนี่มา”
ฉันลอบกลืนน้ำลาย สมองเริ่มทำงานหนักหาทางเอาตัวรอดแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ คุณหญิงอย่างว่าง่าย
“นี่ลูกชายฉันมันกินเลือดกินเนื้อเธอหรือยังไงทำไมถึงผอมลงเรื่อย ๆ แบบนี้ล่ะ” คุณหญิงว่า น้ำเสียงของท่านแสดงความเป็นห่วงชัดเจน
“เครียดเรื่อง...”
“จะตอบว่าเครียดเรื่องเรียนอีกล่ะสิ” คุณหญิงดักคอฉันก่อนที่ฉันจะทันได้ตอบจบประโยคอย่างรู้ทัน ฉันคงจะใช้มุกนี้บ่อยเกินไปแล้วสินะ “เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันใช่มั้ย มันคงเป็นเรื่องเครียดมากสินะ หน้าตาเธอดูไม่ดีเลย”
ฉันคงไม่เก่งเรื่องการแสดงสีหน้าสินะ คุณหญิงถึงมองออกว่าฉันมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
ฉันก็แอบคิดเหมือนกันนะว่าถ้าพูดเรื่องที่ตั้งใจไว้ออกไปคุณหญิงจะว่าอะไรฉันมั้ย ท่านคงผิดหวังไม่น้อยที่วางใจให้ฉันดูแลลูกชายแต่ฉันกลับไม่สามารถทำตามคำร้องขอของท่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนออกมาคลายความเครียดที่สุมอยู่ในอก มาถึงขั้นนี้แล้ว...ฉันไม่กลัวอะไรแล้ว
“หนูจะมาคุยกับคุณหญิงเรื่องคุณดีแซมน่ะค่ะ เรื่องที่คุณหญิงไหว้วานให้หนูทำ หนูทำไม่ได้จริง ๆ”
“...” คุณหญิงนั่งมองหน้าฉันเงียบ
“หนูขอโทษสำหรับเรื่องที่หนูสมรู้ร่วมคิดกับคุณดีแซมมาหลอกคุณหญิง และหนูก็ขอบคุณคุณหญิงจริง ๆ ค่ะที่เมตตาคนอย่างหนูและไม่โกรธหนู”
“ระหว่างพวกเธอมันเกิดอะไรขึ้นใช่มั้ยมะลิ พวกเธอทะเลาะเรื่องอะ...”
ในนาทีนั้นเอง ดวงตาคมของคนตรงหน้าก็เหลือบไปเห็นร่องรอยบางอย่างบนคอฉัน ไม่ว่าฉันจะปล่อยผมยาวสยายและให้ผมมาปกปิดรอยแดงที่คุณดีแซมทำเอาไว้ก็ไม่อาจบังสายตาคมกริบคู่นี้ได้
ดวงตาคมแสดงถึงความตกใจอย่างชัดเจนเมื่อเห็นสิ่งนั้น นัยน์ตาสั่นระริกด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ฉันมองคนตรงหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าคุณหญิงสามารถเดาเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายของท่านกับฉันได้แล้ว
ในที่สุด...น้ำตาที่ฉันคิดว่ามันเหือดแห้งไปจนหมดแล้วก็ไหลลงมาอาบแก้มด้วยความอดสู ฉันพยายามจะเช็ดน้ำตาออก แต่เหมือนยิ่งเช็ดมันจะยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิมจนคุณหญิงทนมองไม่ไหวท่านจึงเป็นคนเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ
“หนูขอโทษนะคะที่ทำตามที่คุณหญิงหวังไม่ได้ หนูจะไม่เสียใจเลยถ้าคุณหญิงจะโกรธหนูหรือเกลียดที่หนูหลอกคุณหญิงแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ
มันคงเป็นบาปกรรมที่ฉันโกหกผู้ใหญ่ล่ะมั้งกับสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่...
“ฉันไม่โกรธเธอหรอกมะลิ ไม่แปลกสักนิดที่เธอเลือกทำแบบนี้” คุณหญิงพูดเสียงอ่อน ท่านมองฉันด้วยความสงสารเห็นใจ
“คุณหญิงดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ ต่อไปนี้หนูคงไม่มีโอกาสได้มาที่นี่อีกแล้ว หนูลาก่อนนะคะ”
พูดจบฉันก็ยกมือไหว้ลาคุณหญิงทั้งน้ำตาแล้วเดินหนีออกมาอย่างผู้หญิงความอ่อนแอ ถึงจะเป็นการเสียมารยาทแต่ฉันไม่อยากเห็นสายตาที่คุณหญิงมองฉันอีกแล้วเพราะนั่นจะทำให้ฉันยิ่งอ่อนแอ
ฉันเดินออกจากห้องนั่งเล่น เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับฉัน...ฉันสบตาเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินน้ำทะเลมีเสน่ห์ซึ่งเจ้าของดวงตาคู่นั้นกำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“มะลิ...” คุณดีแซมเรียงฉันเสียงเบา นัยน์ตาสีไพลินสั่นระริกอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
ผู้ชายคนนี้...เพิ่งมีความรู้สึกเอาตอนนี้หรือไง บอกไว้เลยว่าฉันเจ็บกว่าเขาพันเท่า!
___________________________
[::D-Sam’s Part::]
ผมขับรถตระเวนหามะลิไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสวน บ้านเมลล์ ร้านขายดอกไม้ ทุก ๆ ที่ที่ผมคิดว่ามะลิจะไป แต่กลับไร้ร่องรอยร่างบางที่ผมหวงแหน ผมตั้งใจกลับบ้านมาตั้งหลักและคิดทบทวนสิ่งต่าง ๆ ว่าผมควรจะทำอะไรต่อไป
ผมไม่คิดว่าผมจะมาเจอมะลิที่บ้านของตัวเอง...
มะลิเดินเช็ดน้ำตาออกมาจากห้องนั่งเล่น ทันทีที่สบตากัน มะลิตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผมที่นี่
“มะลิ...” ผมเรียกคนตรงหน้าเสียงเบาราวกระซิบ ความรู้สึกผิดและเจ็บปวดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนพุ่งเข้ามาจู่โจมผมทันทีที่พบหน้าสวยหวานของผู้หญิงคนนี้
ผมเดินเข้าไปหามะลิหวังจะพูดหลายอย่างที่อยู่ในใจกับเธอ ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่ใจคิด...
“อย่าเข้ามานะ” ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าด้วยซ้ำมะลิก็พูดเสียงเย็นขึ้นมาซะก่อน
“เรื่องเมื่อคืน...”
“ลืมมันไปเถอะค่ะ มันไม่สำคัญอะไรสำหรับคุณหรอกค่ะ ส่วนเรื่องเงินนั่นน่ะ...” มะลิหยุดพูดแล้วเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าจนหมดก่อนจะพูดประโยคต่อมาเสียงแข็งอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน “ฉันจะหามาคืนคุณ มันอาจจะช้าหน่อยเพราะตอนนี้ฉันยังไม่มี ฉันคิดว่าคงไม่นานหรอกค่ะ เมื่อฉันคืนเงินให้คุณครบแล้วเรื่องของเราคงจบเพียงเท่านี้”
คำว่าจบของมะลิทำเอาผมเจ็บจนพูดไม่ออก หัวใจเจ็บหน่วงเหมือนโดนทุ่มลงเหวไม่มีผิด
“ฉันยินดีรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างด้วยชีวิตฉันนะมะลิ” ผมพูดเสียงเครียด คนตรงหน้ายิ่งเพิ่มความเครียดให้ผมเข้าไปอีกเพราะเธอไม่ยอมฟังอะไรเลย
“คุณไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตตัวเองมารับผิดชอบผู้หญิงที่มีศักดิ์ศรีแค่ห้าหมื่นหรอกค่ะ”
“...!!!”
ประโยคนั้นของมะลิทำให้ผมอยากยิงหัวตัวเองทิ้งไปซะตรงนั้น ความโกรธจนหน้ามืดเผลอพูดคำโง่ ๆ ออกมาทำร้ายจิตใจของผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งกำลังแล่นกลับมาทำร้ายผมแล้วในตอนนี้
มะลิเดินหนีออกจากบ้านไป ผมจะตามเธอไปเพราะอยากคุยกันให้รู้เรื่อง ทว่า...
“ห้ามแกตามผู้หญิงคนนั้นไปนะดีแซม”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้นด้านหลัง ผมรู้ได้ทันทีว่ามะลิมาที่นี่ทำไมจากน้ำเสียงโกรธจัดของแม่ ผมไม่คิดว่ามะลิเป็นคนขี้ฟ้อง มันคงไม่ผิดที่เธอจะมาพูดสิ่งเลว ๆ ที่ผมทำไว้กับเธอให้แม่ผมฟัง
เพี้ยะ!!
ทันทีที่ผมหันไปประจันหน้ากับแม่ท่านก็ตบหน้าผมเต็มแรงจนชาดิก เจ็บเท่านี้มันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับหัวใจผม
“แกทำอะไรเธอฮะ!! ไอ้ลูกไม่รักดี” แม่ตวาดลั่นบ้าน ไม่เพียงแค่นั้นท่านยังทุบตีผมไม่ยั้ง ผมไม่ป้องกันตัวอะไรทั้งนั้นและยืนให้แม่ตีอยู่แบบนั้นโดยไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ
ใช่...แม่ผมไม่เคยสอนให้ผมรังแกผู้หญิง ตอนนี้ท่านกำลังผิดหวังในตัวผมมาก น้ำตาจากผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดสองคนทำให้ผมรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
“ฉันไม่เคยสั่งเคยสอนให้แกทำแบบนี้ ไอ้ลูกชั่ว! แกจะรับผิดชอบเธอยังไง ถ้าเธอท้องขึ้นมาแกจะรับผิดชอบยังไง แกจะทำลายอนาคตเธอเหรอ ฮะ!!!” แม่กรีดร้องและกระชากเสื้อผมไปมาระบายความเจ็บแค้นในใจ
สิ่งที่แม่พูดมาผมไม่ปฏิเสธว่าผิด...แม่พูดถูก และผมจะทำให้ทุกคนรู้นับแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะรักษามะลิไว้ด้วยชีวิตทั้งชีวิตของผมเอง
[::End : D-Sam's Part::]
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย