Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 58 : เตือนสติ
[::D-Sam’s Part::]
สิ่งที่ตามมาจากความผิดของผมในครั้งนั้น...ทำให้มะลิกำลังหลบหน้าผม...
แน่ล่ะว่าเธอโกรธขนาดนั้นจะอยากเห็นหน้าผมได้ยังไง...
เย็นนี้ผมไปรอมะลิที่บ้าน ไม่ว่าผมจะรอนานเท่าไหร่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาสักทีจนผมเป็นห่วงเลยขับรถตระเวนตามหา แต่หาเท่าไหร่ผมก็ไม่เจอ จนขับรถย้อนกลับไปบ้านมะลิอีกครั้ง...พอดีกับที่เธอปิดไฟนอนแล้ว
ใจผมอยากจะย่องเข้าบ้านเธอให้รู้แล้วรู้รอด ผมอยากคุยกับมะลิให้รู้เรื่องสักที ผมไม่อยากทนอยู่แบบนี้แล้ว มันรู้สึกแย่มากนะ แย่มากจริง ๆ โดยเฉพาะยิ่งประโยคนั้นของน้ำใสที่ตามมาหลอกหลอนผมไม่ห่างหาย
‘มะลิบอกว่าไม่มีวันจะรักคนที่ทำลายชีวิตมัน’
ผมอยากจะเข้าไปถามมะลิตรง ๆ ว่าคนอย่างผม...ไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในหัวใจเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียวเลยอย่างนั้นเหรอ?
ทำไมมะลิถึงไม่ให้โอกาสผมได้พูดอะไรสักครั้ง เธอไม่ให้โอกาสผมได้รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย...แม้แต่จะมองหน้าหรือพูดคุยเธอก็ยังให้โอกาสกับผมไม่ได้
ผมนั่งพิงหัวเตียงในห้องตัวเอง ในมือมีรูปของใครคนหนึ่งในวันที่เราไปเที่ยวสวนสนุกกัน รูปที่ผมแอบถ่ายเธอในวันที่ผมพาเธอมาบ้านครั้งแรก ผมไปอัดรูปพวกนี้มา...ผมชอบมองรอยยิ้มของมะลิ ชอบมองดวงตากลมโตมีเสน่ห์ของเธอ ชอบลักยิ้มตรงมุมปากที่ผมชอบเอามือไปจิ้มเล่น ชอบ...และหลงรักทุกอย่างในตัวผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนี้
ไม่มีวันไหนเลยที่ผมกลับบ้านมาแล้วจะไม่มานั่งมองรูปพวกนี้ มะลิทำให้ผมคลั่งเธออย่างกับคนบ้า
ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ผมมองรูปพวกนี้แล้วจะทำให้ผม...น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
ผมเก็บรูปพวกนั้นไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงตามเดิมก่อนนะล้มตัวนอนฟุบกับหมอนอย่างเหนื่อยล้า ในหัวมีแต่ภาพมะลิกับคำพูดของน้ำใสสลับกันไปมาไม่หยุด
ให้ตายสิพระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอเพราะผู้หญิงแค่คนเดียว
“เอาตีนเขี่ยดูซิว่ามันตายรึยังคอปเตอร์” น้ำเสียงคุ้น ๆ และปากหมาประจำแบบนี้ดังขึ้นหลังจากเสียงเปิดและปิดประตูไม่กี่วินาที
ผมสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างสัมผัสที่ขาผมเบา ๆ ไอ้คอปเตอร์มันเอาเท้ามาเขี่ยผมตามที่ไอ้ไบรอันบอกจริง ๆด้วย -_-;; ผมนี่ถึงกับไปไม่เป็นเลยกับความเถื่อนของไอ้พวกเพื่อนสารเลว มาบ้านคนอื่นแล้วยังมีหน้าบุกห้องโดยไม่เคาะประตูอีก
“เสนอหน้ามาถึงนี่เลยนะ” ผมพลิกตัวกลับมานั่งพิงหัวเตียงเหมือนเดิมหลังจากมั่นใจแล้วว่าพวกมันจะไม่เห็นน้ำตาเพราะมันคงซึมไปกับหมอนแล้ว
เสียศักดิ์ศรีนะถ้าพวกมันเห็นว่าผมนอนร้องไห้ขี้แยแบบนี้ (._.)
“ยังไม่ตาย” ไอ้หน้าตายคอปเตอร์พูด มันยกไหล่ขึ้นนิดๆ แล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งพิงหัวเตียงข้างๆผมโดยมีไอ้เสือยิ้มยากอย่างไอ้ไบรอันยืนมองหน้าผมอยู่ปลายเตียง
“บุกห้องคนอื่นแล้วยังมาพูดจาหมา ๆ แบบนี้อีกนะพวกแกนี่” ผมแขวะพวกมันพลางมองไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองตาขวาง “รู้ได้ไงว่าฉันอยู่บ้าน”
“หน้างอเป็นทัพพีทุกวันอย่างแกคงมีกระจิตกระใจไปเที่ยวผับหรอกมั้ง” ไอ้ไบรอันว่า ดวงตาคมจ้องมาอย่างถากถาง
ไอ้เวรนี่น่ะถึงมันจะนิ่ง ๆ เหมือนไม่สนใจโลกแต่มันเป็นคนเก็บรายละเอียดนะ เจอหน้ากันเวลาไปเรียนเหมือนมันไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่แต่มันก็รู้ว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจ ถ้าไม่มีเรื่องเดือดร้อนอะไรจริง ๆ มันไม่เข้ามายุ่งหรอก ก็เหมือนอย่างตอนนี้ เพื่อนผมคงทนอยู่เฉยไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง...ดวงตาคมคู่นั้นมองผมอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผมกลัวสายตาไอ้ไบรอันจริง ๆ มันจะมองคนเทพเกินไปแล้ว
“ไม่คิดว่าจะมาบ้านแล้วเจอคนนอนร้องไห้” ไอ้คอปเตอร์ว่า ไม่พอแค่นั้นมันกับไอ้ไบรอันยังขำพรืดเยอะเย้ยผมอีก
“ใครร้องไห้ ไอ้บ้า!” ผมทนมองไม่ได้เลยตะคอกเพื่อนลั่นห้องก่อนจะพาลโดยการถีบไอ้คอปเตอร์จนมันเกือบตกเตียง “เอาดีๆสิวะ”
“ไอ้เวรคนหนึ่งมันไม่ไปเรียนสองวันแล้ว เป็นห่วงกลัวมันตายเลยมาถามกับแม่มันว่าศพมันอยู่วัดไหน ศาลาไหน แล้วก็ได้คำตอบว่ามันยังไม่ตาย แต่ตอนซมเป็นคนอกหักอยู่บนห้อง”
ผมคิ้วกระตุกกับคำพูดที่ชวนให้เท้ากระตุกของไอ้ไบรอันมาก ๆ ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วง แต่ฟังที่ไอ้เวรนี่พูดสิ =__=**
“ทะเลาะกับมะลิเหรอวะ” ไอ้คอปเตอร์เปิดเรื่อง ผมนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้
ถึงผมไม่ตอบเพื่อนผมมันก็คงจะเดาคำตอบของผมได้อยู่แล้วล่ะ เฮ้ออออ~ ชีวิตผมมันจะมีสักกี่เรื่องกันที่ทำให้ผมเครียดถ้าไม่ใช่เรื่องรถกับเรื่องคนที่ผมรัก
“เงียบแบบนี้แสดงว่าจริง” ไอ้ไบรอันพูดเองเออเองเสร็จสรรพ
“ชีวิตแกนี่น่าสงสารเนาะ นี่สรุปว่ายังจัดการผู้หญิงที่ชื่อน้ำขุ่นน้ำใสอะไรนั่นไม่ได้อีกเหรอ” คอปเตอร์ถามด้วยความเป็นห่วง ฟังจากน้ำเสียงมันก็เซ็งไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่กับปัญหาคาใจนี้
“ยัง เมื่อวานไปคุยแล้ว” ผมถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ
“ยัยนั่นว่าไง”
“น้ำใสบอกให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอน แกคิดเหรอว่าถึงฉันทำยัยนั่นจะหยุดทำร้ายมะลิ นี่ขนาดฉันยอมลดศักดิ์ศรีไปคบด้วยแล้วยังไม่ยอมหยุดเลย” พูดแล้วมันก็อดจะนึกแค้นใจไม่ได้
“แล้วที่แกนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่นี่เพราะเรื่องนี้?” ไอ้ไบรอันถามบ้าง น้ำเสียงมันฟังดูเรียบเฉยแต่สายตาที่มองมานั่นดูไม่เฉยเลย
อย่ามองตาได้ไหมถ้าเธอไม่แคร์ T^T ผมเริ่มกลัวมันแล้วสิ
“เปล่า”
“แล้วตกลงเรื่องอะไร??”
“...”
“ทะเลาะกันเรื่องผู้ชายมาเจ๊าะแจ๊ะยัยนั่นอีกล่ะสิ คราวที่แล้วเห็นแกบอกว่าทะเลาะกันไปทีนึง” ไอ้คอปเตอร์คาดการณ์เพราะผมเอาแต่นั่งนิ่ง
ไม่ใช่ว่าผมอายที่จะบอกความจริงในสิ่งที่ผมกระทำหรอกนะ แต่ผมละอายใจมากกว่าที่จะเอาเรื่องแบบนั้นมาพูดให้มะลิดูเสียหาย แค่นี้เธอก็โกรธผมจนผมไม่รู้จะขอโทษยังไงแล้ว
“ไม่ใช่ว่าหึงจนจับยัยนั่นปล้ำนะ ฮ่าๆๆๆ”
ไอ้ไบรอันขำอย่างนึกสนุก ไอ้คอปเตอร์ก็ด้วยอีกคน พวกมันคงไม่คิดว่าผมจะทำอย่างที่มันพูดจริง ๆ
“...”
ผมนั่งเงียบ...ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่ายังไงดี จะให้ผมโกหกไปมันก็ไม่ได้อะไรเพราะความจริงมันชัดเจนจากการกระทำของมะลิแล้ว และอีกอย่าง...ถึงโกหกไปคนฉลาด ๆ อย่างไอ้สองตัวนี้ก็คงจะจับพิรุธผมได้อยู่ดี
“ไอ้ดีแซม!!!”
เพื่อนระยำทั้งสองโพล่งขึ้นพร้อมกัน พวกมันคงคาดไม่ถึงหลังจากที่พวกมันได้คำตอบจากความเงียบของผมแล้ว วินาทีต่อมาพวกมันก็คว้าหมอนคนละใบมาฟาดผมไม่ยั้งแรง
“ไอ้สารเลว แกทำอย่างนั้นกับผู้หญิงไม่มีทางสู้ได้ไงวะ” ไอ้ไบรอันแทบจะตะคอกใส่หูผม มันสองคนออกแรงใช้หมอนฟาดผมไม่หยุด ผมจึงต้องใช้มือปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน
“ไอ้เลวเอ๊ย ไม่สงสารยัยนั่นบ้างหรือไง” ไอ้คอปเตอร์ด่าผมอีกคน
ผมเหมือนคนไม่มีทางสู้เมื่อโดนรุมแบบนี้ ไม่ว่าผมจะปัดป้องยังไง จะบอกให้พวกมันหยุดยังไงพวกมันก็ยังไม่ยอมหยุด จนกระทั่ง...
“โว๊ยยยยยย!! หยุดได้แล้ว” ผมตะโกนลั่นห้องหลังจากที่ฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่งได้อีกครั้ง “ทำอย่างกับว่าพวกแกไม่เคยหึงแล้วคิดจะจับยัยพวกนั้นปล้ำงั้นแหละ”
โดนประโยคนี้ของผมเข้าไปไอ้เวรทั้งสองถึงกับหยุดยืนนิ่งกันเลยทีเดียว ไอ้ไบรอันกับไอ้คอปเตอร์สบตากันแวบหนึ่งก่อนที่พวกมันจะปาหมอนมาบนเตียงแล้วกลับไปยังจุดเดิมของตัวเอง
“แหม ทำอย่างกับฉันไม่รู้ พอจับไต๋ได้นี่เงียบเลยนะ” คราวนี้ทีผมบ้างล่ะ ผมมองหน้าพวกมันสลับกันไปมาอย่างคนเหนือกว่า
คิดเหรอว่าไอ้ผู้ชายขี้หึงอย่างไอ้สองตัวนี้มันจะไม่คิดครอบครองคนรักด้วยวิธีเห็นแก่ตัวเหมือนผม ผมเชื่อว่าผู้ชายคนไหนได้รักผู้หญิงคนหนึ่งมาก ๆ แล้วก็คงไม่อยากจะปล่อยเธอไปให้ผู้ชายคนอื่นหรอก ผมก็เช่นกัน...ผมเลยใช้วิธีเห็นแก่ตัวโดยการผูกมัดมะลิทางร่างกายยังไงล่ะ
ผมปาหมอนใส่ไอ้คอปเตอร์กับไอ้ไบรอันเอาคืนที่พวกมันประทุษร้ายผมเมื่อกี้ นี่ถือว่ายังน้อยไปนะ
“แต่ฉันไม่ได้ทำนี่หว่า ก็แค่เกือบ” ไอ้ไบรอันสวนกลับเสียงหนักแน่น แต่ทำไมมันต้องมาแผ่วตรงประโยคสุดท้ายด้วย
“ฉันก็เหมือนกัน” ไอ้คอปเตอร์ก็ยอมรับมาอีกคน
“ไม่ต้องมานอกเรื่องเลยไอ้เวร” ไอ้ไบรอันพูดดักคอผมในตอนที่ผมกำลังจะอ้าปากด่าพวกมันต่อยังผลให้ผมต้องกลับมาสงบปากสงบคำเหมือนเดิม ตอนนี้ทุกคนเริ่มเครียดกับเรื่องของผมแล้ว “แกจะทำยังไงถ้าเกิดว่ามะลิท้องขึ้นมา”
“แน่นอนว่าฉันต้องรับผิดชอบสิวะ” ผมตอบกลับโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลากับคำถามที่แม่ผมเคยถามไว้
สิ่งที่ผมทำไปวันนั้นผมบอกอย่างหน้าไม่อายเลยว่ามันเกิดจากความตั้งใจของผม ถ้าเกิดว่ามะลิท้องขึ้นมาจริงๆ ผมคงรู้สึกทั้งดีใจที่เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแม้ว่าเขาจะเกิดมาจากเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเอาซะเลย ผมคงเสียใจและคงจะเกลียดตัวเองอย่างถึงที่สุดที่ทำให้อนาคตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องพัง อย่าลืมว่ามะลิกำลังเรียนอยู่
“มันก็คงเป็นอย่างนั้น” ไอ้ไบรอันพูดปลง ๆ มันถอนหายใจยาวแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง มือหนาเอื้อมมาหยิบรูปมะลิบนโต๊ะข้างเตียงไปดูด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าแม่แกรู้เรื่องนี้มีหวังบ้านแตก” คอปเตอร์พูดขึ้น มันรู้นิสัยแม่ผมดี
อย่างที่รู้กันว่าผมสนิทกับเพื่อนรักสองคนนี้มาก พวกมันมาบ้านผมเป็นว่าเล่น เหมือนกับที่ผมก็ไปบ้านพวกมันได้แบบที่จะเข้าไปหยิบของในบ้านพวกมันมาโดยไม่โดนด่าอะไร จะว่ายังไงดีล่ะ ครอบครัวพวกเราสนิทกันจนเหมือนเป็นญาติกันไปแล้ว
“ก็รู้แล้วน่ะสิ” ผมบอกเสียงเครียด เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดไม่ตก
ตั้งแต่วันที่มะลิมาบ้านผมวันนั้นแม่ผมก็แทบไม่มองหน้าผมเลย มาจนถึงทุกวันนี้เราก็พูดกันแทบจะนับคำได้ แม่ผมโกรธผมมากจนไม่ให้อภัยแล้วล่ะมั้ง
สมควรที่ผมจะโดนแล้ว...
“ถึงว่า ตอนถามถึงแกคุณป้าดูนิ่ง ๆ” ไบรอันบอกแค่นั้นก่อนจะกลับมาพูดเรื่องของผมกับมะลิอีกครั้ง “ให้ฉันเดามะลิคงโกรธแกมากจนไม่ให้อภัยเลยล่ะสิ”
“ยัยนั่นไม่ยอมคุยกับฉันเลยล่ะ แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมอง” ผมพูดเสียงเบา ในใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อต้องกลับมาพูดถึงความจริงในข้อนี้
“ดูท่ามะลิจะเป็นคนใจแข็งอย่างที่เมลล์ว่า” ไบรอันพูดเสียงเรียบ มันนั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
แล้วเหตุการณ์บางเหตุการณ์ก็แล่นเข้ามาในหัว...
‘เมลล์ขอเตือนพี่ดีแซมไว้อย่างนึงนะคะเกี่ยวกับพี่มะลิ’
‘อะไรเหรอ?’
‘อย่าทำให้พี่มะลิโกรธเชียว ไม่งั้น...’
ผมจำท่าเอานิ้วปาดคอที่เมลล์ทำได้ติดตา และประโยคนั้นก็แว่วเข้ามาในหัวดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะตอกย้ำให้ผมได้รู้ว่างานนี้...ยากกว่าที่ผมหวัง
“ฉันรู้ ตอนนี้น่ะ...” ผมหยุดพูดไปเพราะความรู้สึกบางอย่างในใจกำลังสุมอยู่ในอก “ฉันกลัวว่ะ กลัวว่ามะลิไม่มีวันให้อภัยฉันแล้วไปรักคนอื่น”
ในที่สุดผมก็แสดงความอ่อนแอออกไปให้เพื่อนได้เห็น ผมไม่รู้ว่าจะซ่อนความรู้สึกของตัวเองไปทำไมในเมื่อทุกคนก็รู้หมดแล้ว
“ฉันว่าในบรรดาผู้หญิงสามคน น้ำว้าเป็นคนที่ดูยากที่สุด” ทำไมผมฟังเสียงไอ้ไบรอันมันเหมือนเอือมระอาก็ไม่รู้สิ มันหันมาจ้องหน้าผมนิ่งแล้วพูดต่อ “มะลิเป็นคนเปิดเผย แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่ายัยนั่นคิดยังไง?”
ไอ้ไบรอันทำให้ผมต้องนั่งคิดทบทวนกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา มันพูดถูก มะลิเป็นคนเปิดเผย ดวงตากลมโตใสซื่อมักจะแสดงสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในใจออกมาให้ผมได้รู้ เพราะอย่างนี้บางทีเธอก็ทำให้ผมสับสนว่าบางครั้งเรามีใจให้กัน หรือผมก็อาจจะคิดไปเองคนเดียว ถ้าเธอรักผมทำไมมะลิถึงพยายามจะออกไปจากชีวิตผมด้วยล่ะ
“นี่ไอ้เพื่อนโง่ บางทีผู้หญิงน่ะเขาก็ต้องการฟังคำว่ารักจากคนที่เขารักเหมือนกันนะเว้ย บางทีการแสดงออกอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ผู้หญิงเป็นเพศที่ sensitive นะ sensitive น่ะ แกรู้จักป่ะ”
ราวกับถูกไอ้ไบรอันเอาเท้ามายันหน้า นี่มันประโยคที่ผมเคยพูดกับมันนี่!! นี่มันความจำดีเกินไปแล้วนะ จำได้ทุกคำอย่างกับ Copy Paste อยางนั้นแหละ ไอ้เวรพวกนี้! ชอบเอาคำพูดผมมาย้อกย้อนแบบนี้ตลอด
คราวหน้าถ้าคิดจะพูดอะไรผมควรจะไตร่ตรองให้ดีก่อนซะแล้ว จะได้ไม่โดนตอกหน้าหงายแบบนี้อีก T^T
เดี๋ยวนะ! ตั้งแต่รู้จักมะลิมาผมไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองให้เธอรู้เลยนี่ และที่ไอ้ไบรอันเอาคำพูดผมมาพูดอ่ะ...บางทีผู้หญิงน่ะเขาก็ต้องการฟังคำว่ารักจากคนที่เขารักเหมือนกัน...คือเรื่องจริงหรือเปล่า
“แล้วอีกเรื่องน่ะ” อยู่ ๆ ไอ้ไบรอันก็เกริ่นเรื่องบางเรื่องขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมกับไอ้คอปเตอร์จ้องหน้ามันตั้งใจฟังเต็มที่ “ถ้าอยากสมหวังซะทีแกต้องกำจัดสิ่งที่มันตำหัวใจแกออกไปให้พ้น”
“...”
“จากที่ดู ๆ มา ไม่ว่าแกจะพูดยังไงน้ำใสก็ยังไม่ยอมถอยให้แกง่าย ๆ แกยอมไปคบด้วยยัยนั่นเลยทำตามข้อตกลงที่ไม่ไปยุ่งกับมะลิแค่นั้น แต่พอแกไปอยู่ใกล้มะลิยัยนั่นก็จะทำร้ายมะลิ มันจะเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้เรื่อย ๆ เพราะงี้แกต้องไปเคลียร์ที่ตัวน้ำใสก่อน”
“...”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาแกใช้ไม้แข็งกับน้ำใสมาตลอด บางทีแกอาจลองย้อนกลับไปใช้ไม้อ่อนดูสักครั้ง”
“...”
“บางอย่าง อะไรยอมทิ้งได้ก็ทิ้ง แลกได้ก็แลก ยังไงแกก็ลองเก็บไปคิดๆดูก็แล้วกันนะ”
“...”
“เพื่อรักครั้งนี้ แกจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองได้รึเปล่า”
[::End : D-Sam’s Part::]
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย