Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 60 : เดินหน้าตามง้อเต็มพิกัด
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะเฮีย เดี๋ยวหนูจะรีบกลับมาช่วยนะคะ ___ลงวอร์ดแล้วตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะกลับบ้านทันทีเพราะเป็นห่วงกะทิ แต่มันคงจะเป็นโชคของฉันจริงๆเพราะระหว่างทางกลับบ้านฉันตาดีเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟร้านบะหมี่ร้านนี้เข้าพอดี ฉันไม่รอช้ารีบบอกให้ลุงคนขับรถเมล์จอดรถทันทีถึงแม้จะโดนกระโกนด่าไหล่หลังมาก็ตาม
ฉันเข้าไปถามรายละเอียด ค่าตอบแทนที่ได้คิดเป็นชั่วโมงละหนึ่งร้อยบาท ฉันว่ามันน่าจะสมน้ำสมเนื้ออยู่นะ รวมทั้งเสิร์ฟ รับออร์เดอร์และล้างจาน ร้านนี้น่ะฉันเคยนั่งรถเมล์ผ่านมาก็เห็นมีคนเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดเลย
“อ่าๆๆ ล่าย ๆ อีกชั่วโมงนึงอั๊วะจะเปิกร้างเลี้ยว ลื้อรีบ ๆมาแล้วกาง” เฮียบอกอย่างใจดีขณะหั่นผักแช่น้ำในกาละมังไว้ พอดีฉันขอตัวกลับบ้านเอาข้าวไปให้กะทิก่อนน่ะ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปเปลี่ยนชุดมาด้วยเลย ใส่ชุดนิสิตเสิร์ฟบะหมี่แบบนี้มันไม่ค่อยสะดวกสำหรับฉันเท่าไหร่
รอช้าอยู่ไย รีบกลับบ้านไปจัดการธุระตัวเองให้เสร็จจะได้รีบกลับมาช่วยเฮีย แกอยู่กับภรรยาแกแค่สองคนคงจะเหนื่อยแย่
ฉันรีบขึ้นรถเมล์ไปลงป้ายประจำ รีบสาวเท้าเข้าซอยบ้านตัวเองอย่างเร่งรีบ
ทว่า...
จังหวะก้าวเท้าฉันค่อย ๆ ชะลอลงเมื่อเห็นรถแอสตัน มาร์ตินจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน
คุณดีแซม...
ฉันนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีกนะ เขาหายไปตั้งแต่วันที่เขากอดฉันร้องไห้อยู่หน้าบ้านวันนั้น ทำไมวันนี้เขาถึงมาที่นี่อีกนะ ตำรวจคงไม่ทำให้เขารู้สึกหลาบจำเลยใช่มั้ย
นั่นสินะ...ฉันก็ลืมไป คนอย่างคุณดีแซมหัวแข็งแค่ไหนฉันลืมไป
“กลับมาแล้วเหรอ ฉันไปหาเธอที่คณะแต่ไม่เจอเลยคิดว่าเธอน่าจะขึ้นวอร์ดเลยมาหาเธอที่บ้าน” นี่คือประโยคทักทายอันยาวเหยียดของคุณดีแซมทันทีที่เขาเห็นฉันเดินเข้าไปในเขตบ้านตัวเอง
คุณดีแซมส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้ เขาอุ้มกะทิไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจ ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยืนมองเขาเงียบ ๆ
เมื่อกี้เขาบอกว่าไปหาฉันที่คณะงั้นเหรอ เขากล้าโผล่ไปหาฉันถึงที่นั่นเลยหรือยังไงกัน เขาไม่กลัวน้ำใสอาละวาดแล้วเหรอ ในหัวฉันมีคำถามมากมายแต่ฉันก็เลือกที่จะไม่เอ่ยอะไรออกไป
วันนี้น้ำใสแปลก ๆ ไปมาก เธอไม่พูดไม่จากับใครเลยแม้กระทั่งเพื่อนสนิทกลุ่มใหม่ของเธอ น้ำใสดูใจลอย เหม่อตลอดเวลาเหมือนมีเรื่องบางอย่างในใจ
พวกเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะ...
“นี่หมาเธอเหรอ น่ารักดีนะ เพิ่งเอามาเลี้ยงเหรอฉันไม่เคยเห็นเลย”
ฉันไม่ตอบคำถามใด ๆ แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปจัดการอาหารของกะทิ ทำเป็นที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากฉันกับกะทิ ฉันวางจานอาหารให้กะทิใกล้ๆที่นอนของมันเหมือนเช่นทุกครั้ง แค่ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่ฉันไม่มีเวลามานั่งดูไอ้ตัวเล็กกินข้าว เมื่อจัดการเรื่องกะทิเสร็จฉันก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันอยากออกจากบ้านเร็ว ๆ คือฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณดีแซม นี่เขาคิดยังไงถึงมาบุกบ้านคนอื่นเขาแบบนี้กัน ดีหน่อยที่เขาไม่ถึงขั้นบ้าตามฉันขึ้นมาบนบ้านด้วย
“เธอเพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ แล้วนี่กำลังจะออกไปไหน?” คุณดีแซมที่ยืนรออยู่ใต้ถุนบ้านทักขึ้นทันทีที่ฉันเดินลงบันไดบ้านมาในชุดเสื้อยืดธรรมดา ๆ กับกางเกงยีนส์สีซีด ชุดทะมัดทะแมงพร้อมทำงาน
ฉันไม่คิดจะตอบคุณดีแซมแล้วหวังจะเดินผ่านเขาไป แน่นอนว่าคนดื้อด้านอย่างเขาไม่มีวันยอมแน่
คุณดีแซมเดินมาดักหน้าไว้ ไม่ว่าฉันจะเบี่ยงตัวเดินไปทางไหนเขาก็ดักไว้หมดทุกทาง ถ้าฉันไม่ตอบเขาดี ๆ ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะได้ไปไหน
“ไปข้างนอกค่ะ” ฉันถอนหายใจยาวก่อนจะตอบ ฉันรีบนะ ฉันไม่มีเวลามาเล่นยักแย้ยักยันกับเขาหรอก
“แล้วไปไหนล่ะ”
“ไปทำธุระ”
“นี่ไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ” คุณดีแซมกลับมาเผด็จการอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งขรึม
“ไปทำงานหาเงินมาคืนคุณไงคะ” ฉันจ้องหน้าคุณดีแซมอย่างไม่กลัว หมาจนตรอกอย่างฉัน...ยังจะต้องกลัวอะไรอีก “ชัดเจนหรือยัง ทีนี้คุณจะให้ฉันไปได้รึยังคะ?”
“เธอทำแบบนี้ทำไมมะลิ แค่เรียนเธอก็หนักจะแย่แล้ว ไหนจะขึ้นวอร์ดอีกล่ะ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่ให้ไป เงินก้อนนั้นฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการ” น้ำเสียงคุณดีแซมฟังดูโกรธฉันไม่น้อย
“แล้วไงคะ เหนื่อยแค่ไหนมันก็ตัวฉันหรือเปล่า ฉันติดหนี้คุณฉันก็ต้องหาเงินมาคืนคุณสิ หลีกไปค่ะ ฉันรีบ” ฉันพูดเสียงแข็งและเริ่มจะเคืองผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอีกแล้ว โอกาสได้งานของฉันมันไม่ง่ายนะ ฉันไม่อยากเสียมันไปเพราะต้องมาทะเลาะกับเขา เขากำลังทำให้ฉันไปทำงานสาย
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ให้ไป ไม่ต้องทำ!” คุณดีแซมขึ้นเสียง เขาคิดว่าตัวเองยังจะขู่ฉันได้อย่างนั้นเหรอ
ในเมื่อเขาไม่ยอมให้ฉันไปดี ๆ ก็ได้...
ฉันเดินกระแทกไหล่คุณดีแซมออกมา แต่เดินมาได้ไม่กี่ก้าวมือหนาก็คว้าข้อมือฉันเอาไว้รั้งไม่ให้ไปไหน
“อย่าดื้อนะมะลิ พูดให้รู้เรื่องบ้างสิ!”
“ปล่อยฉัน!!” ฉันสะบัดข้อมือตัวเองแรง ๆ จนมันหลุดจากมือเขา ฉันจ้องหน้าคุณดีแซมนิ่ง อยากให้เขารู้เหมือนกันว่าฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยกับสิ่งที่เขาทำอยู่ “คุณต่างหากล่ะที่พูดไม่รู้เรื่อง ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับฉันสักที”
ฉันไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับคุณดีแซมให้เสียเวลา พูดจบฉันก็จ้ำพรวดออกมาจากบ้านตัวเองทันที ไม่สนใจว่าคุณดีแซมจะพูดอะไรไล่หลังมา
“มะลิ! โธ่เว้ย!!!”คุณดีแซมสบถดังลั่นเมื่อฉันขัดใจไม่ทำตามเขา ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาเดินข้าง ๆ กัน “โอเค! ในเมื่อเธอดื้อนักฉันก็จะไปกับเธอ”
“ทำไมคุณถึงพูดไม่รู้เรื่อง” ฉันต่อว่าคนข้างกายอย่างอารมณ์เสีย ฉันพูดขนาดนี้แล้วยังจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก
ฉันเลิกสนใจคุณดีแซมแล้วออกตัววิ่งทันที ในใจนึกอยากจะวิ่งหนีเขาไปไกล ๆ ไม่อยากให้เขาตามทัน แต่ฉันลืมคิดไป...เขาตัวสูงกว่าฉันมาก แน่ล่ะว่าขาเขาก็ยาวด้วยเช่นกัน T^T
ฉันวิ่งขึ้นรถเมล์ที่เพิ่งวิ่งเข้ามาจอดและกำลังจะออกไปเมื่อรับผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว ฉันเลือกที่จะนั่งเบาะเดี่ยว หลีกเลี่ยงไม่ให้คุณดีแซมมานั่งใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้หย่อนตัวนั่งลง คุณดีแซมก็ดันฉันให้ไปนั่งตรงเบาะคู่ก่อนที่เขาจะนั่งเบียดลงข้าง ๆ
“นั่งตรงนี้แหละ” คุณดีแซมบอกหน้าตาย เขาพูดดักก่อนที่ฉันจะได้อ้าปากด่าเขาซะอีก
ฉันตั้งใจจะลุกไปนั่งที่อื่น คุณดีแซมก็ตวัดแขนมาโอบเอวฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้
“อย่าทำแบบนี้นะคะคุณดีแซม นี่มันที่สาธารณะนะ!” ฉันขึงตาใส่คนนิสัยเสียพร้อมกับกัดฟันพูดเสียงเบา ใจฉันอยากจะตะโกนกรอกหูเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่สมควร ขืนมีคนเห็นเขาจะมองเรายังไง อีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงนะ
เมื่อคุณดีแซมยังคงตีหน้าซื่อไม่สะทกสะท้านใด ๆ ฉันจึงหยิกมือเขาแรง ๆให้เขาปล่อยฉัน และมันก็สำเร็จ คุณดีแซมชักมือกลับไปลูบหลังมือตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย! เจ็บนะ”คุณดีแซมโวย ดวงตาคมตวัดมาจ้องหน้าฉันอย่างต่อว่าในที ใครสนกันล่ะ ทีเขายังไม่สนใจเลย “ยัยบ้า นิสัยไม่ดี!”
“เก็บตังค์ค่า” ป้ากระเป๋ารถเมล์เดินมาทางเรา เธอบอกด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ไม่รู้ว่าป้าแกไปอารมณ์เสียที่ไหนมา ฉันว่าอากาศร้อนๆแบบนี้คงจะทำให้แกอารมณ์เสียก็ได้
ฉันปิดฉากสงครามกับคุณดีแซมแค่นั้นแล้วควักเงินให้ป้าแกสิบบาท ทีนี้ป้าก็หันไปมองหน้าคุณดีแซมบ้างเพื่อให้เขาจ่ายเงิน เมื่อถูกกดดันด้วยสายตาคนข้างกายก็รีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้ม และพบว่า...
เขามีแต่บัตรเครดิต...
คุณดีแซมหันมาสบตากับฉัน บอกเป็นนัยให้ฉันช่วยจ่ายค่าโดยสารให้เขาหน่อย วินาทีนี้ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าฉันจะสลัดคุณดีแซมไปได้ยังไง...ป้ายหน้าก็จะถึงที่หมายของฉันแล้ว ให้เขาจัดการค่าโดยสารไปก็แล้วกันนะ
_____________________________
[::D-Sam’s Part::]
เห็นหงิม ๆ ไม่ชอบเถียงแบบนี้ มะลิก็แสบเหมือนกันนะครับ - -‘ จะอะไรซะอีกล่ะ ยัยนั่นชิ่งหนีผมลงรถไปเลยน่ะเซ่!!! T^T ยัยป้ากระเป๋ารถเมล์ก็อารมณ์เสียจากไหนมาไม่รู้ ด่าผมจังเลย หาว่าผมจะโกงค่าโดยสาร แค่สิบบาทเนี่ยนะ!!
ยัยป้านั่นไม่ยอมให้ผมลงจากรถด้วยซ้ำ ผมต้องนั่งรถเลยป้ายที่มะลิลงตั้งสองป้าย โชคดีที่ลุงคนหนึ่งเห็นผมต่อรองกับป้าคนนั้นอยู่เลยใจดีออกเงินให้ ไม่งั้นผมคงลงมาไม่ได้หรอก คราวหน้าผมคงต้องพกเงินสดติดตัวแล้ว ฮึ่ย!!!
ผมเดินย้อนกลับมายังป้ายที่มะลิลง ไม่รู้หรอกมะลิจะไปไหนน่ะ
“บ้าเอ๊ย!!” ผมสบถอย่างหัวเสียงแล้วเตะก้อนหินก้อนหนึ่งบนพื้นระบายอารมณ์
เคร้งงงง!!
เสียงก้อนหินกระทบถังน้ำเสียงดังดึงดูดสายตาผมให้หันไปมองยังที่เกิดเหตุ ผมตกใจและหวั่นอยู่ไม่น้อยกลัวว่าก้อนหินเมื่อกี้จะไปโดนหัวใครเข้าอีกหรือเปล่า
“ทำอะไรของลื้อวะ!!” เสียงตะโดนด่ากลับมาทันที
“ขอโทษครับ...” เสียงของผมเหือดหายไปในคอทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่ยืนมองผมอย่างเคือง ๆ
ผมเตะก้อนหินโดนถังน้ำร้านบะหมี่เข้า ทุกคนในร้านหันมามองผมเป็นตาเดียว รวมถึงคุณภรรยาคนสวยของผมด้วย บอกเลยสายตาเคืองๆของมะลิไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลย ผมเผยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ยังไงมะลิก็ไม่มีวันหนีผมพ้น
ผมเดินเข้าร้านไปนั่งยังโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่ง เอาสิ! มะลิดื้อกับผมดีนัก ผมก็จะมานั่งเฝ้านี่แหละ
เห็นยัยตัวดีเงียบ ๆ อย่างนี้นะ เรื่องดื้อต้องยกให้มะลิเลยจริง ๆ ผมไม่ได้ต้องการให้มะลิต้องลำบากหางานแบบนี้เลย ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงในเมื่อบอกไปจนปากจะฉีกอยู่แล้วมะลิก็ยังดื้อไปหางานจนได้ แล้วดูนี่สิ!! มาเป็นเด็กเสิร์ฟเนี่ยนะ รายได้มันจะสักแค่ไหนกันเชียว ผมไม่ได้ดูถูกเงินนิดเงินน้อยหรอก ผมแค่สงสารมะลิก็แค่นั้น
มะลิเลิกสนใจผมแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เธอทำงานด้วยรอยยิ้มจริง ๆ เธอทำให้ผมอิจฉาลูกค้าคนอื่น ๆ แล้วนะ แล้วดูที่เธอทำกับผมสิ มะลิไม่มองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ ขนาดเธอเดินมาเสิร์ฟบะหมี่โต๊ะข้างๆผม
“น้องครับ ขอเมนูหน่อย” ผมตะโกนบอกมะลิพลางโบกมือเรียกร้องความสนใจเต็มที่ โอเค อยากเมินดีนักใช่มั้ย ผมจะทำให้เธอสนใจผมเอง
มะลิหันขวับกลับมาจ้องหน้าผมแวบหนึ่งแล้วเดินไปรับออร์เดอร์โต๊ะอื่นหน้าตาเฉยปล่อยให้ผมมองตามตาปริบ ๆ ยัยบ้าเอ๊ย! ใจแข็งจริง ๆเลยนะ
“น้องครับ ขอเมนูหน่อย” ผมตะโกนบอกเสียงดังขึ้นอีก เอาให้รู้กันไปข้างเลยว่าผมฤทธิ์เยอะแค่ไหน
“อามะลิ โต๊ะสิบห้า” ในที่สุดฟ้าก็มีตา เฮียเจ้าของร้านหันไปตะโกนบอกมะลิอีกทอดหนึ่ง เป็นงี้ยัยมะลิไม่กล้าขัดแน่ ๆ
ผมลอบยิ้มพอใจ...
“ค่าาาาา -O-” มะลิลากเสียงยาวเพราะจำใจก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าผมด้วยใบหน้าบึ้งตึง เฮ้! แสดงสีหน้าชัดเจนเกินไปมั้ยฮะ “รับอะไรดีคะ?”
“อย่าสองมาตรฐานนักสิ ทีคนอื่นเธอยังยิ้มให้เลย ทีกับฉันล่ะหน้างอเป็นช้อนเลยนะ” ผมตัดพ้อ
“รับอะไรดีคะ?” มะลิถามย้ำอีกครั้ง เธอพูดเสียงเข้มขึ้นเหมือนต้องการจะจดออร์เดอร์แล้วจะได้รีบไป
ไม่เอาน่า ผมชอบเสียงโทนอบอุ่นของมะลินะ ผมอยากคุยกับเธอนานๆ คนเอาแต่ใจอย่างผมจะหาเรื่องถ่วงเวลามันคงไม่แปลกใช่มั้ย
“ไหนล่ะเมนู”
“ถ้าเมนูเป็นงู คุณคงจะโดนมันฉกจนตาบอดไปแล้วนะคะ” มะลิว่าพลางหยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะมาวางไว้ตรงหน้าผม
“ก็ฉันไม่เห็นนี่ =[ ]=” ผมแก้ตัว ผมจะไม่เห็นได้ยังไงในเมื่อมันวางอยู่ใกล้มือผมแค่ไม่กี่เซ็นต์เอง
“รีบสั่งเถอะค่ะ วันนี้ลูกค้าเยอะ ฉันจะรีบไปเสิร์ฟให้โต๊ะอื่นด้วย” มะลิเร่งยิก ๆ เห็นอย่างนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง
“แล้วมีอะไรอร่อยบ้าง” ผมถามพร้อมกับจ้องหน้ามะลิแทนที่จะเป็นเมนู
“อะไรก็อร่อยหมดนั่นแหละค่ะร้านนี้น่ะ”
“ทำไมพูดกับลูกค้าแบบนี้ เฮียยยย!” ผมตะโกนบอกเฮียกะจะฟ้องให้เข็ดว่าลูกจ้างทำนิสัยไม่น่ารักกับลูกค้า
“คุณดีแซม!!” มะลิแทบจะกระโดดเข้ามาตะครุบปากผม ท่าทางของเธอตอนนี้ทำให้ผมอยากระเบิดหัวเราะออกมาจริง ๆ ผมล้อเล่นหรอก โด่ววววว
“ว่าไงล่ะ” ผมกระตุกยิ้มอย่างคนถือไผ่เหนือกว่า ยัยตัวดีจิกตามองผมแล้วทำเสียงจึ๊กจั๊กไม่พอใจ “จิ๊ปากทำไม เฮียยยยย!”
“ก็ได้ค่ะ!” มะลิกระแทกเสียงใส่ ยัยตัวดีมองค้อนขวับแล้วแนะนำรายการอาหารให้ผมฟัง
ให้ตายสิ ผมไม่ได้ฟังที่มะลิพูดเลย ผมเอาแต่มองหน้ามะลิอยู่แบบนั้น ผมไม่สามารถถอนสายตาออกจากดวงหน้าใสนี้ได้เลย
“สรุปว่าคุณจะสั่งอะไรคะ?” เมื่ออธิบายจบมะลิก็รีบถามอีกครั้ง ในมือมีกระดาษเตรียมจด
“อะไรก็ได้ที่อร่อยที่สุดในร้าน” ก็ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงนี่นา ผมไม่ได้ฟังเลยน่ะสิ
“ค่ะ” รับคำเสร็จก็รีบสะบัดหน้าหนีไปทันที
ระหว่างรอบะหมี่ที่สั่งไปผมก็มองตามมะลิไม่วางตาไม่ต่างจากโรคจิต ร่างบางสมส่วนสะดุดตาไม่ว่าเธอจะเดินไปตรงไหน ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่มองตามมะลิ ยังมีผู้ชายอีกหลายโต๊ะที่มองตามมะลิไม่วางตา
มองเมียชาวบ้านนี่อยากมีเรื่องใช่มั้ย?
ผมคิ้วกระตุกเมื่อเหลือบไปเห็นไอ้หน้าเถื่อนสามคนโต๊ะเยื้องๆกัน ไอ้เวรพวกนั้นมองตามมะลิไม่ว่ายัยนั่นจะทำอะไร ไม่ใช่แค่มองนะ ไอ้พวกนั้นยังลวนลามเมียผมทางสายตาอีก
“มาแล้วค่ะ”
ก่อนที่ผมจะทันได้เดินไปถามไอ้หน้าเถื่อนพวกนั้นว่ามองมะลิทำไม คนที่ผมหวงนักหวงหนาก็เอาบะหมี่พร้อมกับน้ำหนึ่งแก้วมาวางไว้ตรงหน้า
“นี่ค่ะบะหมี่ของคุณ” มะลิพูดจบก็ตั้งท่าว่าจะเดินไปอีกแล้ว
“เดี๋ยว” ผมรั้งข้อมือมะลิไว้ได้ทัน ยัยตัวดีถึงกับหันมาค้อนขวับกับการกระทำของผม มะลิจะบิดข้อมือตัวเองออกอย่างรวดเร็วเหมือนไม่อยากให้ใครเห็น “ฉันไม่กินผัก”
ผมหาข้อติเพื่อให้มะลิอยู่ใกล้สายตาผมมากที่สุด บอกตรง ๆผมไม่ไว้ใจไอ้สามตัวนั่นเลย
“แต่ทุกทีคุณก็ทานผักนี่คะ” มะลิท้วง อ่า แสดงว่าเธอก็จำอะไรเกี่ยวกับตัวผมได้
“ก็วันนี้ฉันไม่อยากกินอ่ะ”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกล่ะว่าไม่เอาผัก ถ้าคุณไม่ทานก็เขี่ยออกสิคะ” คิ้วเรียวของมะลิขมวดกันเป็นปม บอกให้รู้ว่าเธอเริ่มมีน้ำโหกับความเรื่องมากของผมแล้ว
“ไม่เอา มันไม่เหมือนกัน น้ำซุปมันก็เหม็นเขียวสิ”
“มันจะเหม็นได้ยังไง...”
“เฮียยยยย!”
“ก็ได้ค่ะ แล้วคุณไม่ทานอะไรอีกบอกมาสิคะ ฉันจะได้บอกเฮียได้ถูก”
“ก็แค่นั้น ฮึๆๆๆ”
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย