Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 61 : ให้โอกาสแก้ตัวสักครั้งได้ไหม?
เอาจริงๆมั้ย...ตอนนี้ผมไม่มีเงินสดติดตัวเลยสักบาท ตอนมาไม่ได้คิดเลยว่าจะจ่ายเงินยังไง T^T ถ้าให้มะลิจ่ายยัยตัวดีคงไม่ยอมแน่ เอาเถอะครับ เดี๋ยวคงมีทางออก
ผมรีบกินบะหมี่ที่สั่งมาจนแทบสำลักเส้นออกจากจมูก ถ้าบะหมี่ชามนี้หมดผมจะได้มีเรื่องเรียกมะลิมาหาได้ยังไงล่ะ
“น้องครับ” ผมตะโกนเรียกมะลิพร้อมกับโบกมือเรียก ผมสั่งบะหมี่มากินหมดไปแล้วสองชาม ผมว่ามันอร่อยดีนะ
อาจเป็นเพราะสถานการณ์บังคับเพราะการเป็นลูกจ้างเขาทำให้มะลิเมินผมไม่ได้ ยัยตัวดีเลยเดินหน้าตึงเข้ามาหา
“ทั้งหมดแปดสิบบาทค่ะ”มะลิว่า ทำเอาผมหน้าตั้งเลยทีเดียว
“เฮ้! นี่เธอจะรีบไล่กันไปไหนอ่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ที่เรียกมาฉันไม่ได้ให้เธอมาเช็คบิลซะหน่อย”ผมตัดพ้ออย่างน้อยใจ ยัยบ้าเอ๊ย! นี่ไม่อยากให้ผมอยู่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดต่อ รถยนต์ยี่ห้อดังสีดำมันปลาบก็แล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ วินาทีต่อมายังไม่ทันที่รถจะได้จอดสนิท เมลล์ก็เปิดประตูพรวดวิ่งหน้าบานเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยความดีใจ ยัยตัวเล็กคงไม่คิดว่าจะเจอพวกผมอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง
“หวัดดีค่ะพี่ดีแซม พี่มะลิ ดีใจจังที่เจอพวกพี่ ^[ ]^”เมลล์ซึ่งไม่ได้รู้สถานการณ์ระหว่างผมกับมะลิเลยพูดเสียงร่าเริงพร้อมกับมองหน้าผมกับมะลิสลับกันไปมา
“หวัดดีจ้ะเมลล์ ไม่เจอกันนานเลยนะ ^^”มะลิยิ้มทักทายเมลล์ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นตามแบบฉบับของเธอ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันดี
มะลิหันไปทักทายไอ้เพื่อนปากหมาของผมที่กำลังเดินปั้นปึ่งเข้ามานั่งข้างๆคู่หมั้นตัวเองหลังจากที่มันเอารถไปจอดเรียบร้อยแล้ว
นี่ไง...กระเป๋าตังค์ผมมาแล้ว
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่ารอให้รถจอดสนิทก่อนค่อยลง”
“ก็เมลล์ดีใจที่เจอพี่มะลิกับพี่ดีแซมนี่นา”ยัยตัวแสบยังคงเถียง ไม่ได้รู้เลยว่าที่ไอ้ไบรอันชอบบ่นเรื่องนี้ก็เพราะเป็นห่วง
คู่นี้ก็เป็นคู่หนึ่งที่น่าอิจฉา T_T แล้วเมื่อไหร่ผมจะง้อมะลิได้สำเร็จละเห้ย
“ว่าแต่ว่าทำไมพี่มะลิใส่ผ้ากันเปื้อนแบบนี้ล่ะคะ อย่าบอกนะว่าพี่มะลิ...”เมลล์จ้องหน้ามะลิตาปริบๆ เธอคงจะเดาออกแล้วล่ะว่าทำไม
“พี่หางานพาร์ทไทม์ทำน่ะจ้ะ” มะลิตอบด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เคยคิดจะอายเรื่องทำงานได้เงินเล็กเงินน้อยแบบนี้เลย
“ปีสามคณะพยาบาลฯ ต้องขึ้นวอร์ดด้วยนี่คะ แล้วแบบนี้พี่มะลิจะไหวเหรอ เรียนก็หนักแล้วมาทำงานแบบนี้ด้วย” เมลล์ถามเพราะเป็นห่วงพี่สาว
“คือตอนนี้พี่มีปัญหานิดหน่อยต้องรีบใช้เงินน่ะจ้ะ เวลาพักจะน้อยลงก็ไม่เป็นไร”
ผมลอบสบตากับไอ้ไบรอันเงียบๆ มันรู้สถานการณ์ระหว่างผมกับมะลิดีทุกอย่าง บทสนทนาระหว่างเมลล์กับมะลิทำเอาผมไม่มีกระจิตกระใจจะกินอะไรต่อทั้งนั้น ผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ หัวใจบีบแน่นเพราะรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
เมลล์เงียบไป ดวงตากลมโตหันกลับมามองหน้าผมแวบหนึ่ง...ยัยตัวแสบคงพอจะเดาออกแล้วล่ะนะว่าผมกับมะลิมีปัญหากัน
“งั้นเมลล์ขอ...”เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้เมลล์จึงเลี่ยงไปสั่งบะหมี่กับมะลิแทน สั่งคล่องขนาดนี้แสดงว่าเป็นขาประจำร้านนี้สินะ
“เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ”เมื่อรับออร์เดอร์เรียบร้อยแล้วมะลิก็ส่งยิ้มหวานเผยลักยิ้มตรงมุมปากน่ามองให้ลูกค้ามาใหม่ทั้งสองคน เว้นก็แต่ผมคนเดียว
“พี่ดีแซมกับพี่มะลิทะเลาะกันเหรอคะ พี่มะลิไม่มองหน้าพี่ดีแซมเลยอ่ะ”
นั่นไง ผมว่าแล้วว่าเมลล์ต้องจับความรู้สึกบางอย่างระหว่างผมกับมะลิได้ เมลล์ไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางหรอก...ไอ้ไบรอันไม่มีวันเอาเรื่องแบบนั้นไปพูดแน่ๆ มีครั้งหนึ่งเหมือนกันที่เพื่อนผมต้องเก็บความลับของแฟนเก่ามันไว้ มันไม่บอกใครแม้กระทั่งเมลล์ ทั้งคู่ทะเลาะกันจนเกือบไม่สมหวังอย่างทุกวันนี้
“นิดหน่อยน่ะ”ผมก็อยากให้นิดหน่อยเหมือนที่พูดเหมือนกัน
“ดูเหมือนจะไม่นิดหน่อยนะคะ เมลล์บอกพี่ดีแซมแล้วนะว่าอย่าทำให้พี่มะลิโกรธ เห็นเรียบร้อยพูดน้อยอย่างนี้ใจแข็งมากนะคะ”
“ครับ”ผมได้แต่รับคำเสียงเบาแค่นั้น ก็เพราะรู้น่ะสิผมเลยไม่เถียง
เสียงหัวเราะเบาๆหลุดจากได้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ท่าทางเหมือนหมาหงอยอย่างผมนี่มันน่าขำมากรึไง - -* ผมเตะขาไอ้ไบรอันให้หายเคือง ไอ้เวรนี่ นี่เพื่อนกำลังเผชิญปัญหาง้อสาวไม่ได้อยู่นะโว๊ยยยย! เกิดมาไม่เคยง้อหญิง ผมต้องมาตกม้าตายเพราะยัยมะลิ ผู้หญิงที่ไม่ใช่สเป็คผมเลยสักนิด เพราะอะไรล่ะที่ทำแบบนี้ถ้าไม่ได้รัก และรักมากด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผมกันแน่ที่เผอิญมองไปทางมะลิด้วยความเคยชินแล้วเห็นไอ้หน้าหื่นสามคนนั้นกำลังสั่งบะหมี่กับมะลิเป็นรอบที่สาม ถ้ามันจะสั่งดีๆผมคงไม่ว่าหรอก แต่นี่มันเล่นหน้าเล่นตามะลิด้วยนี่สิ
ผมลุกพรวดจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็วเพราะไอ้หน้าเถื่อนหนึ่งในสามคนนั้นกำลังจะเอื้อมมือไปจับบั้นท้ายมะลิ ผมตรงเข้าไปถีบไอ้สารเลวคนนั้นจนมันตกเก้าอี้และไถลไปชนกับโต๊ะข้างๆจนล้มระเนระนาด
“ไอ้หน้าเถื่อน แกจะทำอะไรเมียฉัน!”ผมตะคอกไอ้หน้าเถื่อนที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นเสียงดัง
“เฮ้ย!! อะไรวะ”พวกมันอีกสองคนรีบปรี่เข้าไปช่วยเพื่อนมันทันที พวกมันคงตกใจไม่น้อย
“ทำอะไรของคุณน่ะคุณดีแซม”มะลิที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าตัวเองกำลังจะโดนลวนลามหันมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมโตที่มองมาเต็มไปด้วยความโกรธ ร่างบางทำท่าจะเดินไปช่วยพยุงไอ้หน้าเถื่อนนั่นอีกแรง แต่ผมก็รั้งต้นแขนของเธอไว้ก่อน
“ไม่ต้องไปช่วยมัน ไอ้เวรนั่นมันจะลวนลามเธอ”ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้สารเลวนั่น
ทุกสายตาที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายต่างก็หันมามองทางเราเป็นตาเดียว เฮียเจ้าของร้านบะหมี่รีบว่างมือจากการลวกเส้นมาเคลียร์สถานการณ์เพราะลูกค้าหลายคนเริ่มกลัวจะโดนลูกหลง บางคนถึงกับฉวยโอกาสนี้หนีไปไม่จ่ายเงิน
มะลิหันไปจ้องหน้าไอ้เถื่อนที่พอลุกขึ้นได้ก็ตั้งใจจะเข้ามาเอาเรื่องผม คิดว่าผมจะยอมรึไง! ผมผลักอกมันให้ออกห่างอย่างแรง หวังจะเดินเข้าไปซัดหน้ามันสักหมัดให้หายแค้น ไอ้ไบรอันเห็นท่าไม่ดีเลยรั้งแขนผมไว้ มะลิก็อีกคน ส่วนไอ้เวรนั่นก็มีเพื่อนมันรั้งไว้เช่นกัน
“นี่มังเรื่องอะรายกาง”เฮียเดินเข้ามาตรงกลางเพื่อขวางผมกับไอ้หน้าปลาซิวไว้ แกมองหน้าผมกับมันสลับกันไปมาเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“ก็ไอ้ฝรั่งเนี่ยดิเฮีย เป็นบ้าไรไม่รู้มากระโดดถีบผมเฉยเลย”ไอ้หน้าโหดตัวเดิมได้ทีรีบฟ้องใหญ่ มันพูดได้หน้าไม่อายเลยแฮะ
“ก็แกจะลวนลามเมียฉันนี่หว่า”ผมว่าแล้วจะพุ่งจะเข้าไปเอาเลือดปากหมาๆมันออกสักหน่อย พูดมาได้ยังไงว่าอยู่ๆผมไปกระโดดถีบมัน ผมคงไม่บ้าไปทำร้ายคนที่ไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ
“คุณดีแซม!!”มะลิปรามผมเสียงดัง ร่างบางสมส่วนกอดแขนรั้งผมไม่ให้เข้าไปเอาเรื่องไอ้หมอนั่นไว้แน่น
“ไหนล่ะหลักฐาน โธ่เอ้ย! อยู่ๆก็มากล่าวหา”
“เออ นั่นน่ะสิ อยู่ๆมาทำแบบนี้ ทำร้ายร่างกายกันชัดๆ”เพื่อนไอ้หน้าปลาซิวเสริม
“ไหนล่ะหลักฐาน ใครจะลวนลามเมียแก พูดดีๆนะโว้ย เดี๋ยวก็แจ้งตำรวจจับซะหรอก”เพื่อนอีกคนเสริมยกใหญ่ พวกมันพยายามข่มผมเต็มที่ นี่มันรวมหัวกันเป็นขบวนการนี่หว่า
“ลื้อว่างาย”คราวนี้เฮียหันมาถามผม
“ผมจะมีหลักฐานได้ยังไง แต่เมื่อกี้ผมเห็นกับตาว่ามันกำลังจะลวนลามมะลิ”ผมแย้งสียงแข็ง ผมพูดความจริงไม่มีอะไรที่ผมจะต้องกลัว ตำรวจก็ตำรวจสิ เรียกมาก็ดีผมจะได้แจ้งจับพวกมันไปเลย
“นั่นไงล่ะ แกไม่มีหลักฐาน แล้วมาทำฉันแบบนี้ได้ไง”
ตอนนี้ทุกสายตาหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว มะลิมองผมนิ่งเหมือนต้องการถามย้ำอีกครั้งว่าผมพูดจริงหรือเปล่า
“ก็ฉันเห็น...”
“ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง บอกมาเลยดีกว่าว่าแกจะเอายังไง แกจะให้ฉันแจ้งความมั้ยหรืออยากให้เรื่องนี้มันจบลงตรงนี้”ไอ้หน้าปลาซิวกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
พูดแบบนี้นี่มัน...
“โทรตามตำรวจมาเลยถ้าพวกแกกล้า”ไอ้ไบรอันที่ยืนเงียบคุมเชิงอยู่นานพูดขึ้นบ้าง น้ำเสียงมันนิ่งและฟังดูน่ากลัวมาก “คนมีชนักติดหลังอย่างพวกแกที่ชอบรีดไถเงินชาวบ้านด้วยเหตุผลควายๆน่าจะได้ไปนอนเล่นในคุกสักเดือนฉันว่าท่าจะดี”
โดนไอ้ไบรอันรู้ทันอย่างนี้พวกมันก็อยู่ไม่สุขน่ะสิ ไอ้หน้าเถื่อนสามคนเอาแต่มองหน้ากันไปมาเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงต่อดี
“พะ...พูดบ้าอะไรวะ ไอ้ฝรั่งนี่ก็อีกคน”ไอ้สารเลวหน้าประหลาดพูดตะกุกตะกัก มันมองไปรอบๆ คงจะมองหาทางหนีทีไล่ล่ะมั้ง
“โทรตามตำรวจสิ ถ้าไม่โทรเดี๋ยวฉันโทรเอง”ไอ้ไบรอันทำท่าจะล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไรไอ้สารเลวคนเดิมก็โพล่งขึ้นก่อนซะก่อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้ได้เจอกันแถวนี้อีกล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าน้อยหน่าไม่เตือน พวกเรา กลับ!”
พูดเสร็จไอ้จอมโจรน้อยหน่าก็นำลูกสมุนออกไปจากบริเวณนี้ เมื่อสถานการณ์ตรงนี้เคลียร์แล้วทุกคนก็เดินกลับไปยังโต๊ะเดิม บางคนก็จ่ายเงินแล้วออกจากร้านไปเพราะคงไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว
มะลิปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระก่อนจะเดินไปเก็บเศษอาหารและจัดการโต๊ะที่ล้มระเนระนาดไปเงียบๆ
____________________________
“ขอบคุณค่ะ”มะลิยกมือไหม้เฮียเมื่อแกยื่นเงินค่าจ้างจำนวนหนึ่งให้มะลิ เธอเผยยิ้มกว้างที่ซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้ไม่มิด
ตอนนี้ดึกแล้ว ร้านก็ปิดแล้ว ไอ้ไบรอันกับเมลล์กลับไปตั้งแต่สามทุ่มแล้ว หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเสร็จผมก็นั่งรอมะลิจนถึงตอนนี้ ทุกคนคงไม่คิดว่าผมจะปล่อยให้ผู้หญิงของผมกลับบ้านเองหรอกนะ
“ขอบคุงมากนะอามะลิสำหรับวังนี้ แต่พรุ่งนี้ลื้อไม่ต้องมาเลี้ยวล่ะ”
“ทะ...ทำไมคะเฮีย?!!”มะลิตกใจมากเมื่อได้ยินเฮียบอกแบบนั้น ผมเองก็อยากรู้เหตุผลของเฮียเหมือนกัน
“อั๊วะไม่อยากเสียลูกค้า วังนี้ผัวลื้อทำลูกค้าอั๊วะหายไม่น้อยเลย ถ้าพรุ่งนี้ลื้อมาผัวลื้อก็ต้องมาเฝ้าแน่ๆ แล้วถ้ามังเกิกเหกกางแบบนี้ขึ้งอีก ร้างอั๊วะก็เจ๊งกังพอลี”เฮียเหลือบตามองผมที่ยืนรอมะลิอยู่ห่างๆแวบหนึ่ง
“เขาไม่ใช่ผัวหนูนะคะ ไม่ใช่แฟนด้วย”
“ถึงยังง้างก็เถอะ ลื้อกลับบ้างไปล่ายเลี้ยว นี่ก็หลึกเลี้ยว”พูดแค่นั้นเฮียก็เลี่ยงไปทำอย่างอื่นต่อ เป็นการปฏิเสธอย่างสุภาพที่จะคุยกับมะลิ
มะลิยืนมองเงินในมือด้วยสายตาแบบไหนผมไม่สามารถเดาอารมณ์เธอได้เลย...
“งั้นหนูกลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ”มะลิยกมือไหว้ลาเจ้าของร้านทั้งสองอีกครั้ง ใบหน้าสวยเปื้อนรอยยิ้มเศร้า
มะลิเดินไปขึ้นรถเมล์โดยมีผมเดินตามไปห่างๆ ณ เวลานี้ผมไม่กล้าเข้าไปกวนอารมณ์มะลิเลยแม้แต่น้อย ร่างบางเดินไปนั่งที่นั่งเดี่ยว ผมเดินตามไปทิ้งตัวนั่งยังเบาะใกล้ๆกับเธอข้างๆกัน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว รถเมล์เลยเหลือแค่ผม มะลิ กระเป๋ารถเมล์และคุณขับรถเมล์
ความเงียบเริ่มเข้ามาทักทาย มันมอบความรู้สึกอึดอัดให้ไม่น้อย ผมนั่งมองมะลิที่นั่งเอาหัวพิงกระจกหน้าต่างเงียบๆอยู่แบบนั้น ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่
ผมอยากรู้จังว่ามะลิกำลังคิดอะไรอยู่...
มะลิหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ทั้งวันมะลิไม่ได้นั่งพักเลย ใจผมอยากจะเข้าไปนั่งกับเธอแล้วให้มะลิพิงไหล่ผมแทนกระจกหน้าต่างแข็งๆนั่น ผมอยากเป็นคนที่มะลิไว้ใจและยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเพื่อระบายสิ่งที่อยู่ในใจเธอออกมา
เรานั่งรถกันมาเงียบๆ จนมาถึงป้ายสุดท้ายซึ่งเราจะต้องลงเดินเข้าซอยบ้านมะลิ มะลิตื่นเมื่อกระเป๋ารถเมล์เดินมาคิดเงิน...เธอจ่ายให้ผม
มะลิเดินนำลงจากรถไป ผมเดินตามหลังมะลิโดยทิ้งระยะห่างไว้ มะลิอาจจะต้องการเวลาคิดอะไรกับตัวเอง...
ผมเดินตามหลังมะลิพลางคิดเรื่องระหว่างเราหลายอย่างที่ทำให้ผมสับสน ผมไม่ละหายจากไปจากแผ่นหลังของร่างบางตรงหน้าเลยแม้แต่เสี้ยววินาที ผมรู้ว่าตอนนี้มะลิรู้สึกยังไง...มะลิโกรธผมยังไงล่ะ เพราะผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้มะลิโดนไล่ออกจากงาน
ผมอยากปกป้องมะลิ ผมอยากทำอะไรดี ๆ ให้มะลิรู้สึกดีบ้าง แต่ทำไมผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้ามทุกที...บอกหน่อยว่าผมต้องทำยังไงถึงจะทำให้มะลิพอใจ
“ขอบคุณสำหรับค่ารถเมล์นะ” ผมบอกไล่หลังมะลิไป แน่นอนว่าไม่มีเสียงอะไรจากเธอคนนั้นตอบกลับมา
มะลิไม่ตอบและยังคงเดินไปข้างหน้าช้า ๆ ราวกับว่าเธอมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา
เราเดินกันมาจนถึงบ้านมะลิ เจ้าของบ้านเดินเข้าไปในเขตบ้านตัวเองแล้วปิดประตูรั้วที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนเย็น...ระหว่างเรามีเพียงรั้วไม้สีขาวสูงระดับเอวผมกั้นอยู่ แต่ความรู้สึกระหว่างเราตอนนี้มันไม่ต่างจากมะลิกำลังสร้างกำแพงกั้นให้ผมออกห่างจากเธอเรื่อย ๆ
“ขอบคุณเรื่องที่ช่วยฉันไว้จากผู้ชายพวกนั้นนะคะ” นี่คือประโยคแรกของมะลิในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไม่เป็นไร” ผมยิ้มกว้าง อย่างน้อยมะลิก็เชื่อผมว่าที่ผมไปก่อเหตุแบบนั้นเพราะอะไร
“ฉันว่าก่อนที่คุณจะทำอะไรวู่วามแบบนั้นคุณน่าจะคิดดูดี ๆ ก่อน เกิดพวกนั้นมีปืนคุณจะทำยังไง” มะลิพูดเสียงเครียด ถึงจะโกรธผมยังไงแต่ผมรู้ว่ามะลิก็เป็นห่วงผมไม่น้อยเหมือนกัน
“แต่ว่า...”
“หยุดเถอะค่ะคุณดีแซม ฉันว่าคุณสนุกมาเกินพอแล้ว เมื่อไหร่คุณจะเลิกมาวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที” มะลิตัดบทผมที่กำลังจะเถียง บอกเลยว่าได้ฟังที่มะลิพูดแล้วลมหายใจผมสะดุด
“...”
“คุณไม่มาเป็นฉันคุณไม่รู้หรอก คุณไม่ได้มายืนในจุดที่ฉันยืนอยู่คุณไม่มีวันรู้ว่ามันรู้สึกยังไง แล้วที่คุณบอกว่าต้องการรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำกับฉันน่ะ ฉันบอกเลยว่าฉันไม่เคยต้องการให้คุณมารับผิดชอบในตัวฉันเลย”
“ถ้าเธอท้องล่ะมะลิ” ผมโผล่งขึ้นทันที จะว่าน้อยใจก็คงจะใช่
ผมก็ไม่ได้หวังจะให้มะลิท้องในตอนที่เธอไม่พร้อมแบบนี้หรอก ถ้ามองอีกมุมหนึ่งเกิดเธอท้องขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ ลองมะลิได้เป็นแบบนี้แล้ว ได้พูดขนาดนี้แล้ว สมมติว่าเธอท้องจริง ๆ มะลิคงไม่ยอมให้ผมแตะลูกของเราแน่ ๆ ผมไม่ยอมหรอกนะ
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ” มะลิบอกอย่างมั่นใจแล้วพูดต่อเสียงเบา “มันไม่ง่ายหรอก ฉันรู้ดี”
ดวงตากลมโตไหววูบเหมือนความรู้สึกบางอย่างกระทบจิตใจ...มีเรื่องเกี่ยวกับมะลิที่ผมไม่รู้หรือเปล่านะ
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่เคยสนุกเลย ฉันไม่เคยเล่นสนุกกับความรู้สึกของคนที่ฉันระ...”
ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ~ ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ~
เสียงเรียกเข้าจากมือถือเครื่องเก่าของมะลิดังขึ้นตัดคำพูดผมเพียงแค่นั้นอย่างน่าขัดใจ เจ้าของบ้านล้วงมันจากกระเป๋าสะพายข้างสีฟ้าใบเก่งของเธอก่อนจะกดรับสาย
เราสองคนสบตากันนิ่ง...หัวใจผมกระตุกวูบเมื่อรู้ว่าใครโทรหามะลิ
“สวัสดีค่ะคุณแซนแทน”
เหอะ! ไอ้แทนโทรมา ที่สำคัญมะลิรับสายด้วย ต่างจากผมนะ เธอไม่เคยรับสายเลย ข้อความที่ผมส่งมาไม่รู้เปิดอ่านบ้างหรือเปล่า ไม่แน่ก็อาจจะลบทิ้งไปแล้วล่ะมั้ง
“พรุ่งนี้เหรอคะ...ที่ไหนคะ...ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน” พูดจบมะลิก็ตัดสายไป
เจอกันพรุ่งนี้งั้นเหรอ...ที่ทำอยู่นี่ไม่ได้ต้องการจะประชดผมหรอกใช่มั้ย
“ดูเธอไว้ใจไอ้แซนแทนมันมากนะ หึ!” ผมกระแทกเสียงในลำคออย่างประชดประชัน
“ใช่ค่ะ ฉันไว้ใจเขา” คำตอบหนักแน่นของมะลิทำเอาผมเจ็บไม่น้อย
“อย่าไว้ใจมันมากล่ะ คนที่เธอไว้ใจสุดท้ายอาจจะไว้ใจไม่ได้ก็ได้” ผมเตือนด้วยความหวังดี อย่างน้อยผมก็เคยรู้จักไอ้แซนแทนมาก่อนมะลิก็แล้วกัน
“เหมือนคุณใช่มั้ยคะ คนที่ฉันไว้ใจที่สุดกลับมาทำร้ายฉันซะเอง”
“...!!!”
“อ้อ ถ้ามันไม่ลำบากเกินคุณเกินไป ขอความกรุณาอย่าเรียกฉันว่าเมียอีกนะคะ ไม่ว่าจะลับหลังหรือต่อหน้าคนอื่น ฉันไม่ใช่เมียคุณ”
“ทำไมจะไม่ใช่ในเมื่อสถานะของเรามันเป็นแบบนั้น” ผมยังค้านเสียงแข็ง
“งั้นแสดงว่าผู้หญิงคนอื่นที่เคย ๆ กับคุณก็เป็นเมียคุณหมดอย่างนั้นสินะคะ”
“มันไม่เหมือนกันนะมะลิ”
“เลิกพูดเถอะค่ะ คุณกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกเลยนะคะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ” พูดจบมะลิก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กับถ้อยคำสุภาพแสนเจ็บแสบของเธอ
เหมือนฟ้าผ่ากลางแสกหน้า...มะลิทำผมแทบเข่าอ่อน
‘เหมือนคุณใช่มั้ยคะ คนที่ฉันไว้ใจที่สุดกลับมาทำร้ายฉันซะเอง’
ผมคือคนที่มะลิเคยไว้ใจมากที่สุด...และผมก็เป็นคนทำมันพังด้วยน้ำมือของผมเอง
บางที...ตอนนี้อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเพื่อพิสูจน์ตัวผมก็ได้ ในเมื่อความไว้ใจที่มะลิมีต่อผมผมทำมันพังไป ผมก็จะทำให้มะลิกลับมาเชื่อใจผมอีกครั้ง
[::End : D-Sam’s Part::]
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย