Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 63 : ใช้หนี้เพื่อจบทุกอย่างระหว่างเรา
ฉันไม่เคยดีใจเวลาเป็นประจำเดือนมาก่อนเลยในชีวิต ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ได้ท้อง...ประจำเดือนฉันมาปกติและแน่นอนว่าอาการปวดท้องของฉันมันก็มาด้วย แต่ครั้งนี้มันปวดมากจริงๆ มากจนฉันแทบจะเดินไปไหนไม่ไหว
ใจฉันอยากนอนพักอยู่บ้าน วันนี้ก็เป็นวันหยุดด้วย แต่ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะฉันนัดคุณดีแซมไว้แล้ว ตอนนี้ฉันก็กำลังจะออกจากบ้านไปเจอเขายังสถานที่ที่ฉันเป็นคนนัดเขาไว้
สถานที่นัดหมายของเราคือสวนสาธารณะ...
เราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันมากฉันเลยนัดเขาที่นั่น ไม่ต้องพิเศษอะไร รีบๆคุย จะได้จบๆ วันนี้ระหว่างฉันกับเขาต้องจบจริง ๆ ฉัน...จะคืนเงินห้าหมื่นให้คุณดีแซม
เมื่อวานฉันตัดสินใจโทรไปยืมเงินจากคุณแซนแทนมาก้อนหนึ่ง ฉันยืมเงินเขามารวมกับเงินเก็บของตัวเองที่ตั้งใจว่าจะใช้เป็นเงินผ่าตัดชอคโกแลตซีสต์หลังเรียนจบ
“บ้าจัง...” ฉันกัดฟันพูดกับตัวเองเบา ๆ พยายามข่มความเจ็บปวดที่กำลังเล่นงานฉันเอาไว้สุดกำลัง
ฉันถือซองใส่เอกสารสีน้ำตาลไว้แน่น ในนั้นมีเงินสดจำนวนห้าหมื่นบาทอยู่ ฉันเดินออกจากบ้านมาได้ไม่ไกล รถแอสตัน มาร์ตินแสนคุ้นตาก็แล่นเข้ามาอยู่ในสายตา
ทำไมคุณดีแซมถึงมาที่นี่ เรานัดกันที่สวนสาธารณะไม่ใช่เหรอ...
ก็ดี งั้นเราก็เคลียร์มันตรงนี้เลยแล้วกัน ก่อนที่ฉันจะทนกับอาการปวดท้องประจำเดือนไม่ไหวจนทรุดลงไปกองกับพื้น
คุณดีแซมจอดรถ ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาหา วันนี้เขาแต่งตัวได้สะดุดตามาก ผมสีบลอนด์ทองถูกเซ็ตเป็นทรงได้อย่างลงตัวเข้ากับชุดเท่ห์ ๆ ที่คุณดีแซมสวมอยู่เป็นอย่างมาก ร่างสูงเดินมาหาด้วยรอยยิ้มที่เริ่มจางหายไปเมื่อเขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติบนใบหน้าฉัน
“มะลิ เธอเป็นอะไรน่ะทำไมหน้าซีดจัง” คุณดีแซมถามเสียงกังวล เขาเอื้อมมือมาแตะหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบาแต่ฉันก็รีบปัดมือเขาออกเบาๆ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณมาก็ดีแล้ว เรื่องที่ฉันจะพูดกับคุณน่ะมันก็มีเรื่องเดียวเท่านั้น”ฉันพูดเข้าเรื่องทันที ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้คุณดีแซมจะมองหน้าฉันด้วยสายตาแบบไหน “ที่ฉันนัดคุณมาน่ะ ฉันอยากจะคืนเงินที่ฉันค้างคุณไว้ค่ะ”
ฉันยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือไปตรงหน้าคุณดีแซม เขาเพียงแค่ชำเลืองมองแวบเดียวแล้วดวงตาคมก็ตวัดกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง” ฟังจากน้ำเสียงคุณดีแซมแล้วเขาคงคาดไม่ถึงว่าฉันจะหาเงินมาคืนเขาได้เร็วขนาดนี้
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ ฉันเป็นหนี้คุณห้าหมื่น คุณจะนับตรงนี้ก็ได้นะคะว่าครบหรือเปล่า ถ้าขาดเหลือยังไงฉันจะได้จัดการให้คุณได้ นี่ค่ะ” ว่าแล้วฉันก็ยัดซองใส่เงินก้อนนั้นใส่มือคุณดีแซมไป
“เธอเอาเงินพวกนี้มาจากไหน?” คุณดีแซมถามอย่างแปลกใจ
“เอามาจากไหนก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ นับเงินเถอะค่ะ” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น ไม่อยากพูดจายืดเยื้อให้เสียเวลา
ฉันกำหมัดแน่นอย่างลืมตัวเพราะอยู่ ๆ ก็เกิดอาการปวดท้องจี๊ดขึ้นมา ขาเริ่มสั่นเหมือนจะไม่มีแรง คุณดีแซมเอาแต่ยืนบื้อจนฉันเริ่มหงุดหงิด ในเมื่อเขาไม่ยอมทำอะไรสักทีฉันก็จะไปล่ะ
“เอาเป็นว่าฉันคืนเงินคุณแล้วนะคะ ต่อไปนี้คุณไม่ต้องมาอะไรกับฉันอีก เราไม่มีพันธะใด ๆ ต่อกันทั้งสิ้น ขอบคุณสำหรับทุกอย่างก่อนหน้านี้ที่คุณให้ฉัน และขอโทษที่บางครั้งฉันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”
“มะลิ...”
เสียงฉันเริ่มขาดหาย ฉันเริ่มทนกับอาการปวดท้องไม่ไหวเข้าไปทุกที
ฉันจ้องหน้าคุณดีแซมนิ่ง อยากจะจดจำภาพเขาไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งฉันเคยได้ใกล้ชิดผู้ชายที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเราจะได้มารู้จักกัน เราต่างกันมาก เขาคือคนที่ผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยพร้อมจะมอบหัวใจให้ แต่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย
หัวใจฉันบีบแน่นพอคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอผู้ชายคนนี้อีกแล้ว...ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาเหมือนอย่างที่เคย ทั้ง ๆ ที่ฉันต้องการให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เองแท้ๆ ทำไมในใจลึกๆมันถึงเจ็บมากขนาดนี้นะ
ความเจ็บปวดทางร่างกายมันเทียบความเจ็บปวดในใจที่ฉันรู้สึกตอนนี้ไม่ได้เลยกับประโยคที่ฉันจะพูดออกไป...
“ลาก่อนค่ะ...คุณดีแซม” ฉันยิ้มให้คนตรงหน้า และมันคงจะเป็นยิ้มสุดท้ายของฉันที่มีให้แก่เขา ฉันรีบหันหลังกลับแล้วเดินหนีออกมาก่อนที่น้ำตาจะไหลให้เขาคนนี้เห็น
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ต้องการเงินคืน...”
เสียงคุณดีแซมดังไล่หลังมาเริ่มเลือนรางไปเรื่อย ๆ ภาพเบื้องหน้าฉันค่อย ๆ เลือนรางหายไปกลายเป็นความมืด...
____________________________
[::D-Sam’s Part::]
ณ โรงพยาบาลเอกชน V...
สิ่งที่หมอบอกผมวันนี้ทำให้ผมช็อค ที่มะลิปวดท้องประจำเดือนมาก ๆ แบบนี้เพราะเธอเป็นโรคชอคโกแลตซีสต์สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับผมแล้ว...เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับมะลิคือเรื่องใหญ่สำหรับผมทั้งนั้น
ทำไมยัยบ้านี่ไม่ยอมบอกผม เป็นหนักขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่บอกวะ!
วันนี้มะลิหน้าซีดมาก มากจนผมยังตกใจ ตอนมะลิเดินหนีผมไปอยู่ ๆ เธอก็เป็นลมล้มฟุบลงกับพื้น ผมตกใจมากที่เห็นแบบนั้นจึงพามะลิมาโรงพยาบาล
ตอนแรกผมคิดว่ามะลิแพ้ท้อง หรือไม่สบายอะไรเทือก ๆ นั้น คำตอบที่ผมได้จากหมอคือมะลิไม่ได้ท้อง ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นประจำเดือนและคงจะทนกับอาการปวดท้องไม่ไหวจนสลบไป
ผมรู้ว่าแล้วว่าทำไมมะลิถึงมั่นใจนักว่าเธอจะไม่ท้อง เพราะมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมไม่อยากเห็นมะลิทรมานแบบนี้อีกแล้ว การรักษาด้วยการผ่าตัดตามที่หมอแนะนำมันคงจะดีกว่าต้องมานั่งทนเจ็บปวดเวลาเป็นประจำเดือนเป็นไหน ๆ
ผมนั่งเฝ้าคนป่วยอย่างเป็นห่วง ผมจับมือมะลิที่นอนหลับอยู่บนเตียงไม่ปล่อย ผมรอให้มะลิตื่นแล้วผมจะคุยเรื่องผ่าตัดกับเธอ
ปัญหาหลายเรื่องแล่นเข้ามาในหัวผมไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่วันนี้ผมตั้งใจจะมาบอกมะลิเรื่องความรู้สึกของผมแท้ ๆ ผมออกจากบ้านก่อนเวลานัด อยากจะพามะลิไปทานข้าวด้วยกัน ผมอยากขอโอกาสให้ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ได้ทำหน้าที่ดูแลเธอ ผมอยากขอมะลิเริ่มต้นใหม่ ผมมีเรื่องมากมายที่อยากจะบอกเธอ แต่ทำไมต้องมาเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องเงินนั่นน่ะ ผมไม่รู้หรอกว่ามะลิไปเอามาจากไหนทำไมมันถึงเร็วขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไปยืมเงินไอ้แซนแทนมาให้ผมหรอกนะ
“ที่นี่ที่ไหนคะ?”เสียงแหบพร่าของร่างบางบนเตียงคนไข้ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ความคิด
“โรงพยาบาลน่ะ เธอปวดท้องประจำเดือนจนสลบไปฉันเลยพาเธอมาหาหมอ” ผมรีบลุกขึ้นเข้าไปดูอาการคนป่วย ใบหน้าสวยยังคงขาวซีดแต่ก็ดีกว่าตอนเช้ามาก ผมบอกคนป่วย ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น เธอคงกำลังเค้นความจำของตัวเองว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
มะลิลุกผึงขึ้นจากเตียง ยัยตัวดีนิ่วหน้าเพราะอาการปวดท้องยังคงเล่นตลกกับเธออยู่ ผมจับแขนมะลิหวังจะช่วยประคองเธอลุกนั่งแต่กลับโดนเธอแกะมือผมที่จับต้นแขนเธอออก
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ โรงพยาบาลหรู ๆ อย่างนี้ฉันไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ” มะลิต่อว่า ดวงตากลมโตมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ
“เธอจะเลิกพูดเรื่องเงินสักครั้งจะได้มั้ยมะลิ นี่เธอกำลังไม่สบายอยู่นะ” ผมดุคนดื้อเงียบเสียงเข้ม อยากให้เธอเชื่อฟังผมอย่างเมื่อก่อน แต่ดูเหมือนมันคงยาก
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะกลับบ้าน” มะลิทำท่าจะลงจากเตียง เห็นแบบนั้นผมจึงรั้งร่างเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“นอนพักที่นี่สักคืนเถอะมะลิ อยู่ใกล้หมอเราจะได้คุยเรื่องโรคชอคโกแลตซีสต์เธอด้วยไง”
“คุณรู้แล้ว?”
“ใช่ และฉันก็อยากให้เธอผ่าตัดรักษา ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องทนปวดท้องทุกเดือนแบบนี้”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ผ่าตัด ฉันจะกลับบ้าน” มะลิดื้อจะลงจากเตียงอีกครั้ง เธอพยายามแกะมือผมออก ลองเป็นแบบนี้มะลิไม่ยอมผ่าตัดแน่ ๆ
“อย่าดื้อสิ!” ผมดุคนตรงหน้าเสียงดัง ทำไมมะลิถึงไม่ยอมผมเลยนะ
“แต่ฉันมีหมอประจำตัวอยู่แล้ว” มะลิเสียงแข็งขึ้นมาทำเอาผมพูดไม่ออก
หมอประจำตัวงั้นเหรอ...คงไม่พ้นพี่หมอคนดีของเธอหรอก
ผมกัดฟันข่มอารมณ์ ความรู้สึกน้อยใจกำลังบีบหัวใจผมแน่นที่ผมไม่มีอิทธิพลต่อตัวมะลิได้เท่าผู้ชายที่เธอชอบเลย เหอะ!
สุดท้ายผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากตามใจ...
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันจะกลับบ้าน ปวดท้องแค่นี้ไม่ตายหรอก”
____________________________
รู้ใช่มั้ยว่ามะลิใจแข็งขนาดไหน คำว่า ‘ไม่’ ก็คือ ‘ไม่’ ผมไม่สามารถพูดให้มะลิยอมผ่าตัดได้เลย แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ถ้าหากเธอไม่เป็นฝ่ายยินยอมเข้าผ่าตัดเอง
เพื่อไม่ให้มะลิต้องโกรธไปมากกว่าที่เป็นอยู่ผมจึงต้องจำใจพามะลิกลับบ้าน เธอไม่ยอมเอายาที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ เพราะเธอคิดว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ระหว่างทางกลับบ้านมะลิไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งรถผมเลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านเธอ
“เรื่องค่ารักษาวันนี้ยังไงฉันจะหาเงินไปคืนคุณวันหลังก็แล้วกันนะคะ” มะลิพูดโดยไม่หันมามองหน้าผมเลยแม้แต่น้อย
ในหัวมะลิเห็นผมเป็นคนชอบรีบไถเงินไปแล้วหรือไง เอาสิ! ใจแข็งนักใช่มั้ย ผมก็จะหน้าด้านตื๊อจนเธอใจอ่อนยอมคบกับผมให้ได้เลยคอยดูสิ
ผมเปิดประตูลงจากรถก่อนมะลิจะลงรถด้วยซ้ำ ผมวิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้มะลิแล้วช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ” มะลิขึงตาใส่ ยัยตัวดีตกใจมากและคงคิดไม่ถึงว่าผมจะถือวิสาสะทำแบบนี้
“ก็เธอไม่สบายอยู่ไง ฉันจะอุ้มเธอขึ้นไปพักบนบ้าน” ผมตอบพร้อมกับยิ้มแป้นแล้นไปให้ พยายามไม่สนใจสายตาไม่พอใจที่ส่งมา
“ฉันแค่ปวดท้องนะคะ ไม่ได้เป็นง่อย ปล่อยเลยนะ” มะลิดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนให้ผมปล่อยเธอ ฝันไปเถอะว่ามันจะง่ายขนาดนั้น
ผมเลิกสนใจยัยตัวดีที่โวยวายให้ผมปล่อยไม่หยุดแล้วพามะลิขึ้นบ้านไป ผมจะคิดว่ามะลิอารมณ์ไม่คงที่เพราะเธอเป็นวันมามากก็แล้วกัน
“เปิดประตูสิครับคุณผู้หญิง” ผมจ้องหน้ามะลิเป็นสัญญาณบอกให้เธอเอากุญแจมาเปิดประตูเพื่อที่เราจะได้เข้าไปในบ้านสักที ยืนอยู่ตรงบันไดแบบนี้ผมก็กลัวตกเหมือนกันนะครับ สูงด้วยอ่ะ
“คุณก็ปล่อยฉันก่อนสิคะ” มะลิยื่นข้อเสนอ หน้านี่หยิกเชียว
“เร็ว ๆ สิ ขืนชักช้าเกิดแขนฉันหมดแรงก็ร่วงตกบันไดตายทั้งคู่ กลายเป็นผีสองผัวเมียเฝ้าบ้านอยู่นี่แหละ”
“เอ๊ะ! ใครเป็นเมียคุณกันคะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนี้” มะลิจิกตามองผม ทำไมพักนี้เธอด่าทางสายตาได้เจ็บแสบแบบนี้กันนะ ยิ่งนาน ๆ ไปพัฒนาการเรื่องอารมณ์ยิ่งเปลี่ยนจนผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง =_=^
“ก็ถ้าเธอไม่ยอมเปิดฉันก็จะเรียกเธอว่าเมียแบบนี้แหละ” ได้ทีผมก็เอาใหญ่ ผมยักคิ้วแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ ให้มันรู้กันไปสิว่าความเจ้าเล่ห์ของผมมันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย “เมียจ๋า เร็ว ๆ สิ เปิดประตูหน่อย”
“คุณดีแซม!”
“เมีย...”
“ก็ได้ค่ะ แล้วอย่าเรียกฉันแบบนั้นอีกนะ!”
เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่าความเจ้าเล่ห์ของผมมันต้องได้ผล ในที่สุดยัยมะลิก็ยอมเปิดประตูบ้านให้ถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ผมอุ้มมะลิเข้าไปในห้องนอนของเธออย่างคุ้นเคย ผมวางร่างบางลงกับฟูกนุ่ม ๆ เบา ๆ ทันทีที่ผมปล่อยเธอให้เป็นอิสระยัยตัวดีก็นอนหันหลังให้ผมทันที
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อน ฉันปวดท้อง คุณกลับไปได้แล้ว” มะลิบอกทั้ง ๆ ที่หันหลังให้ นี่ผมควรจะน้อยใจหรือเปล่าเนี่ย T^T ยัยบ้าเอ๊ย ใจร้ายเป็นบ้าเลยว่ะ
“ปวดท้องเหรอ เดี๋ยวฉันนวดหลังให้นะ” บอกแค่นั้นผมก็ทำท่าว่าจะเข้าไปนวดหลังให้มะลิเหมือนที่เคยทำมา เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ทุกที
ถ้ารู้ว่าปวดท้องขนาดนี้ทำไมยังดื้อไม่ยอมรักษาตัวอีกนะ...
“ไม่ต้องค่ะ ฉันหายแล้ว” มะลิพลิกตัวกลับมานอนหงายเพื่อไม่ให้ผมทำอย่างที่บอก ยัยตัวดีไม่ให้ผมได้จับเอวบาง ๆ ของเธอด้วยซ้ำ
“หายอะไร เมื่อกี้เธอยังบอกว่าปวดท้องจะพักอยู่เลย” ผมรีบท้วงพลางมองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกขัน ยัยบ้าเอ๊ย จะโกหกทั้งทีไม่เนียนเลยนะ “ฉันจะนวดหลังให้ เธอก็นอนพักไปสิ”
“ไม่...”
“ห้ามเถียง ถ้าเถียงฉันจะ...” ผมตัดบทมะลิและละคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะโถมตัวลงไปใกล้มะลิจนจมูกเราแตะกันเบา ๆ มะลิรีบยกมือทั้งสองข้างดันอกผมไว้ตามสัญชาตญาณ ผู้หญิงคนอื่นเวลาผมทำแบบนี้พวกเธอจะเป็นคนคว้าคอผมไปจูบเองเลยด้วยซ้ำ
“คุณจะทำอะไร?”มะลิถามเสียงสั่น ระยะห่างระหว่างริมฝีปากเราตอนนี้ไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ มะลิกำลังกลัว...บอกเลยว่าเธอทำให้ผมกลายเป็นผู้ที่ถือไผ่เหนือกว่าแล้ว
ผมโน้มหน้าลงไปกดจูบหนักๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ผมกระตุกยิ้มร้ายข่มร่างบางใต้ร่างพร้อมสบตาเธอนิ่ง “ฉันก็จะทำมากกว่านี้”
“อย่า...”
“เธอนั่นแหละอย่า! อย่าเถียง อย่าพูดมาก แค่นอนเฉย ๆ ก็พอ” ออกคำสั่งเสร็จผมก็จับมะลิพลิกนอนตะแคงหันหลังให้ผมเพื่อไม่ให้ยัยตัวดีได้พูดอะไรอีก
“คุณนี่มันจริง ๆ เลย” ขนาดหันหลังให้ขนาดนี้ยังหลุดบ่นออกมาให้ผมได้ยินอีกแหน่ะ
ผมนวดหลังให้มะลิเงียบ ๆ ปล่อยให้ยัยตัวดีได้พักผ่อน
ให้ตายสิ! ความตั้งใจจะบอกรักอันแสนโรแมนติกของผมจบไปเลยเพราะมะลิดันมาป่วยซะได้ ช่างเถอะ ไว้รอบหน้าผมค่อยคิดแผนบอกรักใหม่ก็แล้วกัน
ผ่านไปพักใหญ่เจ้าของเอวบางก็ผล็อยหลับไป การนวดหลังแบบนี้คงจะทำให้มะลิผ่อนคลายไม่น้อย ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้มะลิ เฝ้ามองเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของเธอก่อนจะแอบขโมยหอมแก้มยัยคนดื้อเงียบฟอดใหญ่
“ทำไมเธอต้องทำให้เรื่องของเรามันยากขึ้นด้วยนะมะลิ”
“...”
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปมันยากที่เธอจะให้อภัย แต่ถ้าเธอได้รู้เหตุผลของฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ”
“...”
“ฉันรักเธอนะ”
ผมกระซิบบอกรักมะลิข้างหูทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคงไม่รู้...
ผมทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ แล้วคว้ามะลิมากอดจากทางด้านหลังไว้แน่น กลิ่นหอมดอกมะลิอ่อน ๆ แสนคุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกคลายความเครียดลงไปได้มาก
จริงสิ มาบ้านมะลิแล้วผมก็นึกขึ้นได้เลยว่าผมจะเอาสร้อยพระมาคืนมะลิน่ะ เธอทำตกไว้ที่คอนโด คงเป็นตอนที่เธอไปเก็บของย้ายออกมานั่นแหละ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันถ้าผมไม่ลืมอีกนะ
[::End : D-Sam’s Part::]
_______________________________
วันต่อมา...
ณ ห้องสมุดคณะพยาบาล...
สร้อยพระของยายฉันหายไปไหนนะ ฉันไม่เคยเอาออกจากกระเป๋าสะพายข้างสีฟ้าที่ใช้เป็นประจำเลยนะ ฉันค้นแทบจะหมดบ้านอยู่แล้วก็ไม่เห็นมี
แย่แน่! สร้อยเส้นนั้นยายให้ฉันไว้ตั้งแต่เด็กๆแล้วนะ เวลาฉันพกติดตัวไว้ฉันจะรู้สึกปลอดภัยน่ะ นี่อีกไม่กี่วันฉันก็จะสอบแล้วฉันเลยต้องหาตัวช่วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจ แต่ปัญหามันอยู่ที่ฉันไม่รู้ว่าสร้อยนั่นอยู่ไหน __ เอ๊ะ! หรือว่าฉันไปทำตกไว้ตอนไหนหรือเปล่านะ ที่คอนโดคุณดีแซมก่อนออกห้องมาฉันก็เช็คหมดแล้วนี่นา หรือว่าจะเป็นตอนที่ไปเดินแบบให้คุณแซนแทนกันนะ ฉันลืมกระเป๋าไว้นี่นา เขาเป็นคนเอากระเป๋ามาคืนฉันไม่แน่ว่าเขาอาจจะเห็นได้ก็
ลองโทรถามเขาหน่อยดีกว่า...
คิดได้อย่างนั้นฉันก็หยิบมือถือมาโทรไปหาคุณแซนแทนทันที รอสายอยู่นานกว่าปลายสายจะรับ
[ว่าไงครับมะลิ]ปลายสายพูดทักทายเสียงเรียบ แปลกไปจากทุกทีที่เขามักจะดีใจเวลาฉันโทรหา
คุณแซนแทนมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่านะ?
“คือฉันจะถามว่าคุณแซนแทนเห็นสร้อยพระของฉันหรือเปล่าคะ วันที่คุณเอากระเป๋ามาคืนฉันคุณเห็นมันบ้างหรือเปล่า?”ฉันยิงคำถามทันทีเพราะเกรงว่าตอนนี้ปลายสายอาจมีเรื่องให้คิดและคงไม่สะดวกคุยมากนัก
[สร้อยพระเหรอครับ...] คุณแซนแทนเงียบไปพักหนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด [ใช่ครับ อยู่ที่ผม]
“เฮ้ออออ โล่งอกหน่อย ฉันนึกว่าฉันทำหายซะอีกค่ะ” ฉันยิ้มออก รู้สึกโล่งอกมาก
[ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ ถ้ายังไงมะลิเข้ามาเอาเองได้มั้ย]
“ได้ค่ะ” ฉันรับคำทันที ดีใจมากที่คุณแซนแทนยังเก็บสร้อยพระไว้ให้
คุณแซนแทนไม่ได้พักที่บ้าน เขาออกมาอยู่คอนโดคนเดียวตั้งแต่กลับจากอเมริกาแล้ว มีบ้างที่กลับไปนอนบ้านน่ะ มีครั้งหนึ่งคุณแซนแทนเคยพาฉันไปที่คอนโดเขาตอนเขาจะพาฉันไปทานข้าวข้างนอก แต่ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนห้องเขาหรอก คุณแซนแทนลืมของฉันเลยนั่งรอเขาตรงล็อบบี้คอนโด
[มะลิเข้ามาเอาสร้อยพระวันนี้ก็แล้วกันนะครับ]
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไรคุณแซนแทนก็ตัดสายไปซะก่อนจนฉันแปลกใจ เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ เขาคงไม่สบายจริง ๆ แหละมั้ง น้ำเสียงเขาฟังดูแปลกๆ ยังไงก็ไปเยี่ยมเขาหน่อยแล้วกัน
คิดได้อย่างนั้นแล้วฉันก็พับหนังสือเล่มหนาไปเก็บเข้าที่ก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองเดินออกจากห้องสมุดมุ่งหน้าไปยังคอนโดคุณแซนแทนทันที ช่วงนี้เริ่มจะสอบกันแล้วฉันเลยใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดหลังเลิกเรียน
เมื่อวานไม่รู้ฉันเผลอหลับไปตอนไหน คุณดีแซมนวดหลังให้ฉันจนเผลอหลับไปน่ะ ตื่นมาอีกทีก็พอดีกับเขาที่ออกไปซื้อข้าวต้มร้อนๆมาให้ฉันทานด้วย แถมเขายังทำหน้าที่ให้อาหารเจ้ากะทิอีกแหนะ จะเรียกว่าเอาใจฉันสุดๆมันก็ไม่ผิดใช่มั้ย รู้มั้ยว่าเมื่อวานกว่าฉันจะไล่เขากลับบ้านไปได้ก็ดึกแล้ว จะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้ ชอบเป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า =__=;;
อย่าเพิ่งคิดถึงคุณดีแซมตอนนี้เลย ไปดูคุณแซนแทนกันดีกว่า เผื่อมีอะไรที่ฉันอาจจะช่วยเขาได้บ้าง
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย