Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 68 : การสารภาพบาปและการเอาคืนสุดแสบ
[::D-Sam’s Part::]
ความลับไม่มีในโลก...ผมรู้...ผมถึงพามะลิมาหาแม่วันนี้ เพื่อจะบอกความจริงทั้งหมด...
ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยก็ได้ว่าตอนนี้ผมกลัว ผมกลัวว่าแม่จะโกรธผมจนพาลโกรธมะลิไม่ยอมรับเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันคงเป็นสิ่งเลวร้ายมากในชีวิตผม
ผมจะทำยังไงถ้าเป็นแบบนั้น...มันเป็นคำถามที่ผมเองก็ตอบไม่ได้
โอ๊ยยยย! ยิ่งคิดยิ่งเครียด
“ดีแซมคะ!”
ร่างบางข้างกายเขย่าแขนผมเบา ๆ ผมหันไปมองหน้าเธออย่างมีคำถาม ผมชอบมากเวลามะลิเรียกชื่อผมแบบนี้
“ว่าไง”
“คุณคิดอะไรอยู่คะ ฉันเรียกคุณตั้งนานคุณก็ไม่ได้ยิน นี่เราก็นั่งอยู่ในรถนานแล้วนะ คุณไม่ลงเหรอ?”
มะลิเตือนสติผม จริงสินะ เย็นนี้ผมพามะลิมาหาแม่ที่บ้าน นี่ผมเอาแต่นั่งคิดเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นอยู่บนรถในโรงจอดรถเหรอเนี่ย
“ฉันกำลังคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” ผมยิ้มให้มะลินิด ๆ ผมรู้เลยว่ามันต้องเป็นยิ้มที่ฝืดมาก
ผมเอื้อมมือไปจับมือมะลิไว้แน่น รอยยิ้มของคนข้างกายยิ่งเพิ่มกำลังใจให้ผมได้มากโข
“คุณเครียดอะไรคะ?” มะลิถาม น้ำเสียงของเธอยังคงความอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยิน
“รู้มั้ยที่ฉันพาเธอมาบ้านวันนี้เพราะอะไร?” ผมจ้องหน้ามะลิ
“O.O?”
“ฉันตั้งใจจะบอกความจริงทุกอย่างกับแม่ ทั้งเรื่องของเธอ เรื่องของจัสมินและเรื่องของเรา”
“...”
“แม่ฉันคงโกรธมาก แต่เธอไม่ต้องกลัวนะ คนผิดคือฉันคนเดียว”
“...”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รู้ว่าฉันจะไม่ทิ้งเธอ แค่เธออยู่ข้าง ๆ กันอย่างนี้ฉันก็มีความสุขแล้ว”
ผมจุมพิตหน้าผากมนเบา ๆ ไม่อยากให้มะลิต้องเครียดไปกับผมด้วยอีกคน เรื่องนี้น่ะผมเก็บไปเครียดหลายวันเหมือนกัน พอคิดว่ายิ่งผมปิดเรื่องนี้ไว้นานเท่าไหร่มันคงไม่ดี ในที่สุด...ก็ถึงเวลาที่ความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้ว
“คุณไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอกนะคะ มันคงไม่มีอะไรแย่หรอกนะ” มะลิเอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบา ๆ
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เราเข้าไปเจอแม่กันเถอะ”
ผมลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้มะลิ ผมจับมือพาคนรักเข้าไปในบ้าน ทุกคนในบ้านยังคงต้อนรับมะลิอย่างดีราวกับเจ้าหญิง แน่ล่ะ ก็เธอคือคนพิเศษของผมนี่นา
อัตราการเต้นของหัวใจผมยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยเมื่อผมพามะลิเดินเข้ามาใกล้ห้องรับแขกที่แม่ชอบมานั่งอ่านหนังสือ ให้ตายสิวะ! หัวใจผมมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก็วันนี้แหละ
“คุณหญิง...” ผมเรียกแม่เบา ๆ พร้อมกับพามะลิเดินเข้าไปในห้อง แม่ที่กำลังนั่งดูละครเย็นอยู่เหลือบตามองผมเล็กน้อย นี่แหละครับ ปกติ หลังจากที่ผมก่อเรื่องวันนั้นแม่ก็หมางเมินผมแบบนี้อย่างกับหมาข้างถนนที่แม่กลัวนักกลัวหนา
แม่ใช้รีโมตกดปิดทีวี ท่านคงเห็นว่าผมพาแขกมาด้วยน่ะ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง” มะลิยกมือไหว้แม่อย่างนอบน้อม เป็นนิสัยประจำตัวของเธอ
“นั่งก่อนสิ” คุณหญิงพูดเสียงเรียบ น้ำเสียงอย่างนี้ฆ่าผมชัด ๆ T^T
ผมพามะลิไปนั่งบนโซฟ้าใกล้ ๆ กับแม่ ยิ่งมองหน้าแม่แล้วผมรู้สึกละอายใจยังไงไม่รู้สิ
“ที่ผมพาผู้หญิงคนนี้มาวันนี้ผมอยากจะมาบอกความจริงกับคุณหญิง ผมจะพูดทุกอย่าง ทุก ๆ เรื่องด้วยความสัจจริง” ผมเข้าเรื่องโดยไม่รอช้า ผมอยากจะเคลียร์ให้มันจบ ๆ ไป ตอนนี้หัวผมมันจะระเบิดเพราะความเครียดอยู่แล้ว
ภายในห้องเงียบกริบ ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองกำลังเต้นระรัว ไม่มีใครพูดอะไรออกมา สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ผมรู้ว่าตอนนี้ทุกคนกำลังรอฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“ผม...” ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแล้วบีบมือตัวเองแน่น พยายามควบคุมสติตัวเองอย่างถึงที่สุด ในใจเริ่มกลัวว่าถ้าประโยคที่จะพูดต่อไปนี้ทำให้แม่โกรธจนไม่ยอมรับมะลิผมจะทำยังไง “ผมโกหกคุณหญิงเรื่องจัสมิน”
แม่หันขวับมาจ้องหน้าผมอย่างมีคำถาม
“ความจริงคือผู้หญิงคนนี้ชื่อมะลิ เธอไม่ใช่จัสมิน คุณหนูลูกผู้ดีที่เรียนจบจากญี่ปุ่น”
“...!!!” แม่ผมนิ่งอึ้งไป แน่ล่ะ เรื่องนี้แม้แต่คนฉลาดอย่างแม่ก็ไม่รู้ ถ้าแม่จะแปลกใจก็คงไม่แปลก
“เรื่องมันเกิดจากความรักสนุกของผม เพราะผมยังรักสนุกเลยไม่อยากหยุดที่ผู้หญิงคนไหน หลายวันก่อนมะลิเป็นต้นเหตุทำให้รถผมมีรอย เธอไม่มีเงินซ่อมรถให้ผมเลยยื่นข้อเสนอให้เธอให้มาหลอกแม่ว่าเธอคือจัสมิน ผู้หญิงของผม”
พอพูดถึงตรงนี้ความรู้สึกเสียใจก็เริ่มเข้ามาเล่นงาน ผมเสียใจจริง ๆ ที่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตจนลากคนดี ๆ อย่างมะลิให้เดือดร้อนอยู่หลายครั้ง และเสียใจที่ทำให้คนที่หวังดีกับผมอย่างแม่ผิดหวังที่ผม...โกหกเพื่อความสุขของตัวเอง
ผมเดินไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ สบตาท่านด้วยความจริงใจ...
“เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมคนเดียว ผมคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเองคนเดียว ถ้าจะผิดคนผิดก็คือผม มะลิไม่เกี่ยวหรอกครับ ผมบังคับเธอทุกอย่าง”
“...”
“แม่จะดุจะด่าผมยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียวแม่อย่าโกรธมะลิเลยนะครับ”
“...”
“แม่สอนผมตลอดตั้งแต่เด็กจนโตว่าอย่าเอาเปรียบผู้หญิง ผมรู้ และครั้งหนึ่งผมก็ทำให้แม่ผิดหวังที่ผมทำเรื่องที่แม่เกลียดกับผู้หญิงดี ๆ คนนี้”
ผมหันไปมองมะลิ ยัยตัวดีของผมกำลังนั่งปาดน้ำตาเงียบ ๆ ยัยบ้าเอ๊ยยย! ขี้แยจริง ๆ เลย ร้องไห้ทำไมวะ รู้มั้ยว่าเธอกำลังทำให้ผมกลัว
ผมหันกลับมาสนใจแม่อีกครั้ง...คุณหญิงนั่งเงียบ เงียบมากจนผมเริ่มใจไม่ดี...
“ผมอยากจะบอกแม่ตรงนี้ว่าที่ผมพามะลิมาหาแม่ในวันนี้เพราะผมอยากให้แม่รู้จักตัวตนของผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด นี่คือเรื่องจริง ผมกับมะลิเรารักกันครับแม่”
“...”
“ความรักของเรามันคือเรื่องจริง มันไม่ใช่สิ่งหลอกลวงอย่างที่ผ่านมา”
คุณหญิงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ผมไม่รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่...
[::End : D-Sam’s Part::]
_____________________________
ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาฟังคุณดีแซมพูดอะไรกินใจอย่างนี้...
เขาทำให้ฉันน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ฉันก็บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องเครียด เพราะความจริงน่ะ...คุณหญิงรู้หมดแล้ว
ตอนนี้คุณดีแซมกำลังนั่งคุกเข่าหน้าซีดอยู่ตรงหน้าคุณหญิง คุณหญิงไม่พูดอะไรเลย ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านกำลังจะปั่นประสาทอะไรคุณดีแซม
ตอนคุณดีแซมหันมามองฉันน่ะ คุณหญิงลอบยิ้มด้วย...ท่านคงขำคนกำลังเครียดต้องมานั่งสารภาพบาปน่ะ
เฮ้อออออ ความรู้สึกแม่ลูกคู่นี้ช่างสวนทางกันจังเลยนะคะตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี
“ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นคนขี้โกหกเลยนะดีแซม” คุณหญิงพูดเสียงเรียบแต่ฟังดูน่าเกรงขาม
“ผมรู้ ผมขอโทษครับ” คุณดีแซมก้มหัวข้อโทษแม่ตัวเอง
“ฉันโกรธแกมากที่แกทำเรื่องที่ฉันพูดกรอกหูแกอยู่บ่อย ๆ ลงไป ฉันมีคำถามเดียวจะถามแก”
“ครับ?” คุณดีแซมเงยหน้ามองแม่ตัวเอง ความเครียดแสดงผ่านออกมาทางใบหน้าหล่อคม
“ถ้าฉันไม่ยอมรับผู้หญิงที่แกพามาวันนี้แกจะทำยังไง”
“ผมจะพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าผมรักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ ผมไม่ได้ทำเพื่อต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ผมอยากปกป้องและดูแลผู้หญิงอีกคนที่ผมรักสุดหัวใจให้ดีที่สุด ผมรู้ว่าแม่ต้องรักมะลิอย่างที่ผมรักเธอ”
“ฉันมีคำถามอีกข้อ แกคิดว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับแกหรือเปล่า?”
“ผมต่างหากที่ไม่เหมาะสมกับมะลิ แต่มันจะสำคัญอะไรล่ะถ้าเรารักกัน”
ทุกคำถามคุณดีแซมตอบกลับคุณหญิงหมื่นกะรัตทันทีโดยไม่นิ่งคิด น้ำเสียงหนักแน่นของเขาแสดงออกถึงความจริงใจ...
“กลับไปซะ”
“แม่...” คุณดีแซมเรียกคนเป็นแม่เสียงแผ่วเบา วินาทีนี้เหมือนหัวใจเขากำลังสลาย
ทว่า...
“แกน่ะกลับไปนั่งได้แล้ว” คุณหญิงจิกตามองคุณดีแซมซึ่งกำลังมองท่านด้วยความงงงวยก่อนที่ท่านจะหันมาพูดกับฉัน “มะลิมานี่มา”
“ค่ะ”
ฉันเดินไปนั่งลงข้าง ๆ คุณหญิงอย่างว่าง่าย คุณดีแซมยอมถอยกลับไปนั่งที่เดิมแต่ยังไม่วายมองเราไม่คลาดสายตา นี่เขาคิดว่าแม่ตัวเองจะหยิกฉันหรือยังไงกันนะ =__=**
“ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องทำได้ เธอเปลี่ยนลูกชายฉันได้จริง ๆ” คุณหญิงยิ้มกว้าง
“นี่มันอะไรกันครับ?” คุณดีแซมมองหน้าฉันกับคุณหญิงสลับกันไปมา
ฉันกับคุณหญิงมองหน้าคุณดีแซมแวบหนึ่งก่อนที่เราจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“เฮ้! นี่มันอะไรกันน่ะ” คนกำลังเครียดเริ่มลนลาน
“คุณหญิงรู้ความจริงว่าฉันไม่ใช่จัสมินนานแล้วค่ะดีแซม ^_^” ฉันไขปริศนาคาใจคุณแฟนให้เขาถึงบางอ้อสักที
“อะไรนะ?!!” คุณดีแซมถึงกับโพล่งขึ้นเสียงดังเลยทีเดียว
“นี่แกคิดว่าฉันจะรู้ไม่ทันแกอย่างนั้นเหรอ ฉันเลี้ยงแกมากับมือนะดีแซม” คุณหญิงว่า
“ให้ตายเซ่!! ผมเครียดแทบตาย กลัวแม่ไม่ยอมรับมะลิ แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย T^T” คุณดีแซมกุมขมับอย่างเซ็ง ๆ
ไม่นานคุณดีแซมก็เผยรอยยิ้มออกมาให้ได้เห็น เขาดูโล่งอกไม่น้อยเลยล่ะ คุณหญิงเลิกสนใจลูกชายตัวแสบแล้วกลับมาพูดกับฉันต่อ
“ต่อไปนี้ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านพ้นไปสักทีนะมะลิ ฉันดีใจมากที่ในชีวิตนี้ได้เห็นลูกชายตัวดีมันรักใครสักคนเป็น”
“ขอบคุณนะคะคุณหญิง ^_^”
"ฉันยินดีมากที่ได้เธอมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และยินดีต้อนรับเข้าสู่ตระกูลเรานะ ฉันก็หวังว่าเธอจะกำราบคนเจ้าชู้ได้อยู่หมัด” ประโยคหลังคุณหญิงเหลือบมองคุณดีแซมจิก ๆ นิด ๆ
“หนูดีใจนะคะที่ได้รู้จักคุณหญิง คุณหญิงใจดีและมีเมตตากับหนูมากจริง ๆ ค่ะ”
“เพราะเธอเป็นเด็กดี” คุณหญิงบอกพลางลูบหัวฉันด้วยความเอ็นดู
“นี่สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย T^T ทุกคนหักหลังผม ผมเป็นคนโง่คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยสินะ” คุณดีแซมตัดพ้อทีเล่นทีจริง นี่กำลังเรียกร้องความสงสารใช่มั้ย
สุดท้ายเขาก็โดนเมิน...
“อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะขอร้องเธอนะมะลิ ฉันอยากให้เธอย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้”
“อะ...อะไรนะคะ O_O?” ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆ เมื่อกี้คุณหญิงบอกว่าอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นน่ะเหรอ
“เธออยู่บ้านนั้นคนเดียว ฉันว่ามันอันตรายไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว ยิ่งนาน ๆ เข้าเธอยิ่งเรียนหนัก กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ คงไม่ดี”
“ใช่เลยครับคุณหญิง เรื่องนี้ผมเห็นด้วย” คุณดีแซมเสริมทันที
“แต่ว่า...”
“แม่ต้องแต่อะไรหรอก ฉันรู้ว่าคนอื่นอาจจะมองว่าเธอมาอยู่ที่นี่มันคงดูไม่ดีเพราะเธอกับลูกชายฉันเพิ่งคบกัน ถึงอย่างนั้นในอนาคตพวกเธอก็ต้องแต่งงานมีลูกด้วยกันอยู่แล้ว เธอไม่ต้องสนใจ เธอก็คิดซะว่าเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลฉันในฐานะแม่คนหนึ่ง ฉันก็อยากจะดูแลเธอในฐานะลูกสาวอีกคนหนึ่ง”
เหตุผลของคุณหญิงทำเอาฉันพูดไม่ออก ฉันไม่รู้จะปฏิเสธความหวังดีกับท่านยังไง
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เธอทิ้งบ้านสวนหรอกนะมะลิ เธอจะกลับไปที่นั่นเมื่อไหร่ก็ได้แล้วแต่เธอ เพื่อความปลอดภัยของเธอนะมะลิ”
“แต่หนูมีหมาอีกตัวที่ต้องดูแลนะคะ”
“เธอก็เอากะทิมาอยู่ด้วยกันที่นี่เลยสิ แม่ฉันรักหมา ^O^” คุณดีแซมรีบเสริม
“รักก็รัก =_=;;” คุณหญิงงึมงำอะไรบางอย่าง
“เห็นเรียบร้อยอย่างนี้มะลิแอบดื้อนะแม่ เธอเป็นโรคชอกโกแลตซีสต์แต่ไม่ยอมไปรักษา ผมบอกทีไรบ่ายเบี่ยงตลอด”
“อะไรนะ!” คุณหญิงอุทานขึ้นจนฉันตกใจ “ไม่ได้นะ ชอคโกแลตซีสต์นี่มีลูกยากไม่ใช่เหรอ ไปเลย รีบไปรักษาเลย พรุ่งนี้พามะลิไปหาหมอเลยนะดีแซม”
“แน่นอนครับคุณหญิง”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น”
เป็นอีหรอบนี้ฉันก็เถียงไม่ได้น่ะสิ T___T ฉันหันขวับไปมองหน้าคนขี้ฟ้องอย่างเอาเรื่อง รู้มั้ยว่าคุณดีแซมน่ะเล่นหน้าเล่นตาฉันใหญ่เลย นี่เขาต้องการจะเอาคืนเรื่องที่ฉันรู้ว่าคุณหญิงหมื่นกะรัตรู้เรื่องเราแล้วไม่ยอมบอกเขาแน่ ๆ
ฮึ่ย!!! ผู้ชายคนนี้ร้ายจริง ๆ!
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย