Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Chapter 70 : ปมในใจของน้ำใส
“น่าจะใช่บ้านหลังนี้นะ”
คุณดีแซมว่าหลังจากที่เขาขับรถมาจอดหน้าบ้านสองชั้นสีขาวสะอาดตาหลังหนึ่ง บริเวณบ้านดูร่มรื่นน่าอยู่ ฉันมองป้ายที่อยู่ที่ติดอยู่ข้างประตูรั้วเทียบกับกระดาษที่อยู่ในมือที่ขออาจารย์กัญญารัตน์มาเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ หลังนี้แหละ แต่ทำไมเหมือนไม่มีคนอยู่เลยนะ”
ประโยคหลังฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ บ้านดูเงียบๆยังไงไม่รู้ ดูไปดูมาก็ดูอึมครึมน่ากลัวเหมือนกันนะ
“นั่นเธอจะลงไปดูเหรอ”คุณดีแซมรั้งข้อมือฉันที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถไว้
“ค่ะ”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าน้ำใสเคยทำดีอะไรไว้กับเธอถึงทำให้เธอเป็นห่วงยัยนั่นขนาดนี้”คุณดีแซมแย้งอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ได้ห่วงค่ะ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันแค่อยากรู้ว่าน้ำใสหายไปไหน บางทีการที่เรามาวันนี้อาจจะทำให้เราหายข้องใจเรื่องนี้ก็ได้”ฉันบอกเขาด้วยเหตุผล อยากให้เขาเข้าใจความรู้สึกฉันบ้าง
“ให้ตายสิวะ เธอนี่มันพูดยากจริงๆ”
สุดท้ายคุณดีแซมก็ยอมปล่อยฉันลงจากรถ แน่นอนว่าเขาก็ลงมาประกดติดฉันด้วย ฉันรู้ว่าเขาเป็นห่วง
ฉันเดินไปด้อมๆมองๆบริเวณบ้านน้ำใส ฉันไม่เคยมาที่นี่และน้ำใสก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับที่บ้านให้ฉันรู้นอกจากว่าที่บ้านเธอทำธุรกิจร้านทองและเธออยู่กับแม่
“เงียบแบบนี้ไม่มีคนอยู่หรอกมะลิ กลับเหอะ”คนขี้กังวลหน้ามุ่ยแล้ว เขาพยายามจะเปลี่ยนใจฉันท่าเดียว ถ้ากลับตอนนี้ฉันก็ต้องคาใจว่าน้ำใสหายไปไหนอย่างนี้น่ะเหรอ
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องต่งต้องแต่อะไรหรอก น้ำใสอาจจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวก็ได้ แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับเราด้วย”
“พวกคุณมาหาใครเหรอคะ?”
ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็เดินมาหาเราสองคน คนคนนั้นเป็นผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวย ท่าทางอิดโรย ใบหน้าสวยนั้นมีเค้าเหมือนน้ำใสไม่น้อย ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง เธอน่าจะไปซื้อของที่ตลาดมา
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับคุณดีแซมยกมือไหม้บุคคลมาใหม่พร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ”
“เอ่อ ที่นี่ใช่บ้านน้ำใสหรือเปล่าคะ?”ฉันถามคนตรงหน้าไปตามตรง
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นแม่น้ำใสเอง”แม่น้ำใสพูดเสียงเรียบ ใบหน้าสวยกำลังยิ้ม...มันเป็นยิ้มเศร้าๆจนคนมองอย่างฉันยังรู้สึกได้
“หนูชื่อมะลินะคะ หนูเป็นเพื่อนน้ำใส คือหนูอยากรู้ว่าน้ำใสเป็นอะไรหรือเปล่า เธอไม่ไปเรียนหลายวันแล้วน่ะค่ะเลยมาดูที่บ้านดู”
แม่น้ำใสหลุบตาต่ำ เธอเงียบไปนานจนฉันแอบคิดว่าตัวเองพูดอะไรไม่เข้าท่าแล้วแทงใจแม่น้ำใสหรือเปล่า
ในที่สุด...
“น้ำใสไม่อยู่บ้านหรอกจ้ะ แล้วอยากรู้หรือเปล่าว่าน้ำใสอยู่ไหน”
_______________________________
ณ โรงพยาบาลจิตเวช N...
ไม่มีใครพูดอะไรเลยเมื่อรู้ว่าน้ำใสอยู่ที่ไหน คุณดีแซมตอนแรกที่ค้านหัวชนฝาไม่ให้ฉันมาเจอน้ำใส แต่พอรู้ว่าตอนนี้น้ำใสอยู่ในสภาพไหนเขาดูนิ่งและเงียบผิดปกติ
แม่น้ำใสพาฉันกับคุณดีแซมมาโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอบอกว่าน้ำใสมารักษาตัวที่นี่ได้สองอาทิตย์แล้ว
“ตอนเด็กน้ำใสเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก เธอสดใสร่าเริงเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆไป”
แม่น้ำใสเริ่มเล่าย้อนไปอดีต ดวงตากลมโตเหมือนลูกสาวทอประกายความสุขและฉายแววเศร้าอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่เก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนามกว้างของโรงพยาบาล บริเวณนี้มีคนไข้หลายคนมาเดินเล่น นั่งเล่นกันโดยมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“น้ำใสเป็นเด็กหัวเร็ว เธอมีความฝันว่าอยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่เด็ก แล้วเธอก็ทำได้ เธอทำให้ดิฉันภูมิใจเสมอ”
“...”
“ดิฉันมีลูกคนเดียวฉันจึงรักน้ำใสมาก ฉันตามใจน้ำทุกอย่างจนเธอมีนิสัยเอาแต่ใจ ไม่รู้สิคะ ฉันว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกเพราะเราก็ใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแม่ลูกก็มีความสุขดี”
“...”
“ดูเผิน ๆ น้ำใสเหมือนคนปกติ แต่ความจริงแล้วน้ำใสมีความผิดปกติทางอารมณ์ตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เพราะเธอมีปม น้ำใสพยายามปิดกั้นตัวเองจากพ่อ เธอไม่ยอมรับพ่อเพราะน้ำใสรู้ว่า...ดิฉันคือบ้านเล็ก”
“...!!”
ความจริงที่ได้รู้ทำให้ฉันตกใจไม่น้อย น้ำใสเป็นลูกบ้านเล็กอย่างนั้นเหรอ...
“น้ำใสเกลียดพ่อตัวเองเข้าไส้ เธอบอกดิฉันเสมอว่าถ้าโตขึ้นเธอจะเป็นคนเลี้ยงดิฉันเอง”
“...”
“เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งน้ำใสจึงเกลียดคนเจ้าชู้ คงเป็นเพราะปมในใจตั้งแต่เด็ก ๆ น่ะค่ะ”
“ถ้าน้ำใสเกลียดคนเจ้าชู้ทำไมเธอถึงต้องการผมล่ะครับ?” คุณดีแซมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันถามคำถามที่คาใจฉันอยู่เช่นกัน เขาเงียบฟังแม่น้ำใสเล่าอยู่นาน เขาก็คงจะตกใจเหมือนฉันที่รู้ความจริงเกี่ยวกับน้ำใส
“เพราะอยากเอาชนะยังไงล่ะคะ ชีวิตที่น้ำใสรับรู้เกี่ยวกับพ่อแม่น่ะทำให้เธออยากเอาชนะคนเจ้าชู้แบบพ่อ พ่อน้ำใสเจ้าชู้มาก น้ำใสเชื่อมาเสมอว่าสักวันเธอจะหยุดคนเจ้าชู้อย่างพ่อเธอได้ เธอเชื่อแบบนั้น เธอเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างเกี่ยวกับคุณค่ะ”
แม่น้ำใสสบตาคุณดีแซมนิ่ง เธอยิ้มอ่อนอย่างใจดีก่อนที่ดวงตากลมโตจะหันมาสบตากับฉัน
“น้ำใสเล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังด้วยนะ ตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ น้ำใสพูดถึงเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่น่ารัก นิสัยดี รูปถ่ายหนูกับน้ำใสน่ะน้ำใสก็เอามาให้แม่ดู แม่ดีใจที่อย่างน้อยน้ำใสก็เข้ากับเพื่อนได้”
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าน้ำใสจะพูดถึงฉันให้ครอบครัวเธอฟังด้วย น้ำใสคนที่ฉันรู้จักก่อน ๆ เธอน่ารัก สดใส และใจดี ไม่น่าเชื่อว่าเพราะความรักและความเกลียดชังทำให้เธอเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
“ระหว่างดิฉันกับน้ำใสไม่มีความลับต่อกัน น้ำใสเล่าให้ดิฉันฟังว่าถูกเพื่อนรักหักหลังแย่งคนที่น้ำใสรักไป น้ำใสมาขอดิฉันย้ายไปอยู่คอนโดคุณดีแซมซึ่งดิฉันก็ห้ามเธอไม่ได้ เพราะน้ำใสหวังจะเอาชนะทุกคน เธอหวังอย่างนั้นจนดิฉันเองก็กลัวว่าน้ำใสจะไปทำอะไรไม่ดี”
“...”
“ความผิดหวังจากคนที่เธอรักทั้งเพื่อนทั้งผู้ชายที่น้ำใสรักทำให้เธอทำอะไรโง่ ๆ ลงไปเพราะอารมณ์และการอยากเอาชนะโดยไม่ยั้งคิด น้ำใสทำทุกอย่างมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับแม้กระทั่งคนที่เธอเรียกว่าแม่ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจน้ำใสได้ ถึงแม้จะเหมือนดิฉันเอามีดแทงหัวใจตัวเองก็ตามที่สุดท้ายดิฉันต้องฝืนใจตัวเองส่งลูกมาอยู่ที่นี่...สถานที่ที่น่าจะเหมาะกับน้ำใสที่สุด”
ประโยคนี้แม่น้ำใสพูดออกมาด้วยน้ำตา คุณดีแซมยื่นผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลเข้มของเขาให้เธอ แม่น้ำใสรับมันไปซับน้ำตาก่อนจะพูดต่อ
“ดิฉันขอโทษคุณดีแซมกับหนูมะลิแทนน้ำใสด้วยนะคะ ทุก ๆ เรื่องและทุก ๆ อย่างที่ลูกสาวฉันทำให้พวกคุณเดือดร้อน”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่” ฉันรีบคว้ามือแม่น้ำใสที่กำลังจะยกมือไหว้ฉันกับคุณดีแซมเอาไว้
ฉันกับคุณดีแซมเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดไม่น้อยที่ได้รู้จากแม่น้ำใสในวันนี้ ฉันเสียใจกับแม่น้ำใสที่เสียลูกสาวที่เป็นดั่งดวงใจไปจนน่าใจหาย
ฉันกับคุณดีแซมนั่งคุยกับแม่น้ำใสอยู่นานเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอเล่าเรื่องพ่อของน้ำใสให้ฟังด้วยว่าพ่อน้ำใสทิ้งพวกเธอไปนานแล้วนั่นยิ่งทำให้น้ำใสเกลียดพ่อตัวเองเข้าไปใหญ่ น้ำใสอยู่กับแม่แค่สองคนจึงไม่แปลกที่แม่กับน้ำใสจะรักกันมาก
คนเราเกิดมามีไม่เท่ากันจริง ๆ...มีทรัพย์แต่รักจืดจาง ฉันว่าเกิดมามีรักจากครอบครัวย่อมดีกว่าเป็นไหน ๆ
เมื่อก่อนฉันเคยคิดนะว่าน้ำใสเป็นผู้หญิงที่โชคดีเพราะเธอมีแม่ที่รักเธอ มีแต่เรื่องแม่นี่แหละที่น้ำใสยอมพูดกับฉัน เวลาเธอพูดถึงแม่ดวงตากลมโตมักจะเต็มไปด้วยความสุข แต่มาวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าน้ำใสเป็นไหน ๆ ถึงแม้ว่าฉันกับครอบครัวจะไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันนี้แต่ฉันก็ได้รับความรักมาตลอด
เบื้องหน้าพวกเรา...น้ำใสกำลังวิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่กลางสวนดอกไม้ไม่ไกลกันนัก
น้ำใสวิ่งเล่นหัวเราะร่าเริง ในอ้อมกอดของเธอมีตุ๊กตาชัคกี้ตัวโปรดที่เธอเคยเอารูปมาให้ฉันดูครั้งหนึ่ง เธอกอดมันแน่น
“ลูกจ๋า ดูผีเสื้อตัวนั้นสิ ปีกมันสีสวยมากเลย ฮ่าๆๆๆ” น้ำใสหัวเราะร่า เธอพูดกับตุ๊กตาตัวโปรดที่คิดว่าเป็นลูกตัวเอง
น้ำใสดูมีความสุขดีในโลกของเธอ โลกที่ไม่มีใครสามารถทำร้ายความรู้สึก โลกใบเล็กที่สวยงามและมีแต่เสียงหัวเราะ...โลกที่เธอสร้างขึ้นมาเอง
สิ่งที่น้ำใสเป็น...อาจจะเป็นกรรมที่เธอก่อ
_______________________________
“คนสวยถึงเวลาทานข้าวแล้วนะคะ”
พยาบาลสาวเปิดประตูเข้าห้องพักคนป่วยห้องหนึ่ง เธอมาพร้อมกับถาดอาหารสำหรับคนป่วยทางจิตห้องนี้ที่เจ้าของห้องกำลังนอนกอดตุ๊กตาอยู่บนเตียง...น้ำใส
“ถึงเวลาทานข้าวแล้วเหรอ คนสวยยังไม่หิวเลย”
น้ำใสส่ายหน้าเหมือนเด็กน้อยไม่ยอมทานข้าว อ้อมกอดน้อยๆมีตุ๊กตาชัคกี้อยู่ไม่ห่างจากอก มันเป็นตุ๊กตาที่ใครหลายคนดูแล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเกลียดน่ากลัว แต่สำหรับน้ำใสแล้ว...ลูกของเธอกับดีแซมน่ารักที่สุด
พยาบาลพิเศษที่แม่น้ำใสจ้างให้ดูแลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆเป็นอันรู้กันว่าต้องเรียกน้ำใสว่า ‘คนสวย’ เพื่อให้สาวเจ้าอารมณ์ดี
“ไม่หิวก็ต้องทานนะคะ ทานข้าวแล้วคนสวยจะได้ทานขนมก่อนนอนอย่างที่คนสวยชอบยังไงล่ะ นอนแล้วคนสวยจะได้ไปเจอเทพบุตรของคนสวยนะคะ”
พยาบาลสาวยังคงทำหน้าที่ได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย น้อยคนนักที่น้ำใสจะไว้ใจใครให้เข้าใกล้เธอ ตอนมาที่นี่แรกๆ พยาบาลสาวใช้ความพยายามมากอยู่เหมือนกันที่จะทำให้คนสวยไว้ใจ สุดท้ายเธอก็ทำได้
“ใช่ๆ พี่สาวพูดถูก ถ้าคนสวยไม่ได้ทานข้าวคนสวยก็จะไม่ได้เจอเทพบุตรคนนั้น”
พูดจบประโยคนี้น้ำใสก็กุลีกุจอลุกขึ้นจากเตียงมานั่งทานข้าวอย่างว่าง่าย หลายวันมานี้คุณพยาบาลวางใจให้น้ำใสอยู่ทานข้าวคนเดียวบ้างแล้วเพราะอาการคนสวยไม่ได้หนักหนาเหมือนเคสอื่นๆที่เธอดูแลมา
“เอ่อ คนสวยคะ พี่สาวขอไปเตรียมดาบออกศึกก่อนนะคะ พอดีข้าศึกกำลังบุก (^^;;;)”คุณพยาบาลสาวเอ่ยอายๆกับคนไข้ น้ำใสหัวเราะคิกคักได้อย่างน่ารัก
“คนสวยบอกพี่สาวแล้วว่าอย่าโซ้ยส้มตำเยอะ รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคนสวยก็จะไปเจอเทพบุตรแล้ว”น้ำใสว่าพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอย่างตั้งใจ
ตื่นเต้นจัง...คืนนี้เทพบุตรจะพาเธอไปเที่ยวที่ไหนอีกนะ
พยาบาลสาวรีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำก่อนที่จะราดต่อหน้าคนไข้ให้ขายหน้าไปมากกว่านี้ น้ำใสเลิกสนใจพยาบาลสาวแล้วหันมาตั้งใจทานข้าวต่อ
ในเวลาเดียวกัน...
ในตอนที่น้ำใสกำลังจะตักข้าวเข้าปาก เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนเดินเข้ามาในห้องช้าๆ ร่างบางหุ่นสมส่วนเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดสีขาวสะอาดตา ใบหน้าของผู้มาใหม่เผยรอยยิ้มใจดีให้น้ำใส ลักยิ้มตรงมุมปากสีสวยนั้นช่างคุ้นตาน้ำใสเสียเหลือเกิน...เธอสวยมาก ผู้หญิงคนนี้ช่างสวยเหลือเกิน
“นางฟ้า...” น้ำใสเรียกผู้มาใหม่เสียงเบา
นางฟ้าเอาแต่ยิ้มให้น้ำใสแบบนั้นอยู่นาน เธอช่างอ่อนหวานและดูใจดีเหมือนใครคนหนึ่งที่น้ำใสเคยรู้จัก
“นั่นนางฟ้าจะไปไหน นางฟ้า” น้ำใสเรียกนางฟ้าไว้ แต่นางฟ้ากลับเดินหนีเธอไป น้ำใสรีบลงจากเตียงพอดีกับเห็นนางฟ้าหายทะลุประตูไป
คนสวยเปิดประตูแล้วเดินตามนางฟ้าไป ผู้คนในบริเวณนี้แทบไม่มีให้เห็น พยาบาลและหมอต่างก็ยุ่งกับงานของตนจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนไข้คนหนึ่งที่น่าจะอยู่ในห้องกลับเดินออกจากห้องในยามวิกาล
น้ำใสเดินตามนางฟ้าคนสวยที่หันกลับมายิ้มให้เธอเป็นระยะ ๆ
“นางฟ้า นางฟ้ารอคนสวยก่อน”
น้ำใสรีบสาวเท้าเดินตามนางฟ้าไป เธอมองนางฟ้าตนนั้นโดยไม่ละสายตา เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นนางฟ้าตนนี้ในฝัน...
ร่างบางสาวเท้ามาเรื่อย ๆ เธอแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินตามนางฟ้าขึ้นมาทางบันไดหนีไฟ...จนมาถึงดาดฟ้าของตึกแล้ว
น้ำใสเดินตามนางฟ้าขึ้นมาบนดาดฟ้า นางฟ้าตนเดิมหยุดเดินตรงขอบตึกได้อย่างน่าหวาดเสียวก่อนจะหันหน้ากลับมายิ้มให้น้ำใส
ทว่า...
“นังมะลิ!”
ภาพนางฟ้าที่น้ำใสเดินตามมาซ้อนทับกับภาพใครบางคนที่เธอเคยรู้จัก...อดีตเพื่อนเคยรักของเธอ ทำไมนางฟ้าต้องหน้าเหมือนนังมะลิด้วย!
น้ำใสถลึงตามองนางฟ้าคนสวย ไฟแค้นในใจลุกโหมกระหน่ำเมื่อคิดว่านางฟ้าตนนี้คือมะลิ แต่อีกใจเมื่อเธอคิดว่านางฟ้าคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นเธอต้องชื่นชมว่านางฟ้าตนนี้...เธอสวยสง่ามากจริง ๆ
“นังมะลิ!! ทำไมแกต้องเป็นนางฟ้าด้วย ฮ่าๆๆๆ” น้ำใสหัวเราะขำ น้ำใส ๆ ไหลรินจากดวงตากลมโตด้วยความรู้สึกหลากหลายที่มีให้กับผู้หญิงคนนี้
คนที่น้ำใสเรียกว่านางฟ้ายืนนิ่ง ใบหน้าสวยยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น
“ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ เป็นบ้าหรือไง ฮ่าๆๆๆๆ”
น้ำใสมองไปยังนางฟ้าผ่านม่านน้ำตา วินาทีต่อมาปีกสีขาวสะอาดตาของนางฟ้าก็สยายออก น้ำใสไม่ปฏิเสธเลยว่านางฟ้าตนนี้ช่างสง่างามจริง ๆ
นางฟ้ายื่นมือไปข้าง ๆ ใบหน้าสวยหันไปมองใครบางคนที่กำลังเดินไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม
“พี่ดีแซม! นั่นๆ...เทพบุตรของคนสวยนี่”
น้ำใสกรีดร้องอย่างปวดใจที่เห็นเทพบุตรในชุดขาวของเธอเดินไปหานางฟ้า...ทั้งคู่จับมือกันแน่นพร้อมกับมองมาทางเธอด้วยรอยยิ้มสดใส
นางฟ้ากับเทพบุตรของคนสวยหันหลังกลับ...และนางฟ้ากำลังจะพาเทพบุตรบินจากไป
“นั่นแกจะพาเทพบุตรของฉันไปไหนน่ะ! ไม่ได้นะ ในฝันฉันแกแย่งเขาไปจากฉันยังไม่พออีกหรือไง ไม่นะ!!”
น้ำใสวิ่งตามไปหวังจะรั้งเทพบุตรของเธอไว้...เทพบุตรที่ยินดีบินหนีไปกับนางฟ้าโดยทิ้งเธอไว้ข้างหลัง
ร่างบางกระโดดหวังจะคว้าคนรักเอาไว้...แต่กลับสายไปแล้วเมื่อเทพบุตรของเธอบินสูงเกินไป
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย