Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย
Epilogue
หลายวันต่อมา...
วันนี้คุณดีแซมมาแปลกแฮะ เขาออกปากชวนฉันมาบ้านสวนเองเลยนะ...
จริงที่ฉันย้ายไปอยู่บ้านคุณหญิงหมื่นกะรัตแล้ว แต่ฉันไม่เคยทิ้งบ้านสวนบ้านเกิดของตัวเองเลย แทบจะทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันจะขอคุณหญิงมาค้างที่บ้าน แน่นอนว่าคุณดีแซมต้องมาด้วย เขาตัวติดฉันอย่างกับอะไร คนเห่อแฟนไม่หายก็แบบนี้แหละค่ะ
เรื่องน้ำใสก็ผ่านมาได้สักพักแล้ว ฉันกับคุณดีแซมก็ไปเยี่ยมแม่น้ำใสที่บ้าน สภาพจิตใจแม่น้ำใสก็ดีขึ้นไปตามเวลา เธอยินดีต้อนรับเราเสมอที่ไปเยี่ยม ภายในบ้านมีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับน้ำใส ทั้งรูปภาพสมัยวัยเด็ก วัยเรียน ฉันรู้ว่ามันยากที่จะทำใจ ตอนฉันเสียครอบครัวไปกว่าฉันจะทำใจได้ก็นานเหมือนกัน
คุณแซนแทนบินไปอเมริกาเมื่อวานนี้ เขาไปเงียบๆไม่บอกใคร เพียงแค่ทิ้งข้อความบอกคุณดีแซมเท่านั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปคืนดีกันตั้งแต่ตอนไหน =__=
กระต่ายเพื่อนยาก สายลับของคุณดีแซมกลายเป็นเพื่อนสนิทฉันไปซะแล้ว จะว่าไปกระต่ายก็สนิทกับเพื่อนทั้งห้องนั่นแหละ ก็เธอออกจะเฟรนด์ลี่ขนาดนั้นนี่นา ^__^
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเดซี่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อว่าเราจะสนิทกันราวกับรู้จักกันมาสิบปี เธอเป็นคนสมัยใหม่ที่รักความเป็นไทยมากๆ เพราะคุณหญิงปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง เดซี่ชอบให้ฉันสอนทำขนมไทยมาก กลับไทยครั้งนี้เรียกได้ว่าเธอทานแหลกเลยล่ะ เดซี่ก็จะกลับอเมริกาไปอีกไม่กี่วันแล้วเพราะเธอต้องกลับไปเรียน เห็นคุณดีแซมบอกว่าเดซี่เรียนไปทางดีไซเนอร์ ที่เธอมาเมืองไทยก็เพราะอยากทำความรู้จักกับฉันในฐานะพี่สะใภ้ (__ อัพเดตความรักของคู่อื่นหน่อยดีกว่ากลัวสาวๆคิดถึงสุดหล่อของเรา พี่คอปเตอร์กับน้ำว้ารักกันหวานปานน้ำอ้อยค่ะ อย่าว่าแต่คู่นี้เลย คู่พี่ไบรอันกับเมลล์ก็ไม่ต่างกัน หนุ่มๆของเราบ่นอยากใส่ชุดเจ้าบ่าวแล้ว แต่ฝ่ายสาวๆยังเรียนไม่จบนี่สิปัญหา พี่ไบรอันสงสัยจะหนักใจน่าดูนะคะ ก็เมลล์น่ะต้องเรียนตั้งหกปีนี่นา ตอนนี้น้องก็เรียนอยู่ปีสองแล้ว รอไปอีกห้าปีก็ได้แต่งแหละ คิดจะกินเด็กก็งี้แหละน้า ทำใจค่ะ ^__^
น่าเสียดายที่ปีนี้ฉันไม่ได้ไปออกค่ายอาสาพัฒนาโรงเรียนเพราะติดขึ้นวอร์ดที่โรงพยาบาล ปีนี้ยังคงมุ่งหน้าขึ้นเหนืออีกแล้ว เห็นว่าจะไปแม่ฮ่องสอนส่วนรายละเอียดเบื้องลึกนั้นฉันไม่ทราบแน่ชัด สองสาวน้ำว้า เมลล์ลงชื่อไปแล้วด้วย แน่นอนว่าหนุ่มๆของเราต้องตามไปคุมกันหน่อยล่ะ คุณดีแซมเหรอ?
‘ไม่ไปอ่ะ เธอไม่ไปฉันก็เหงาอ่ะดิ ถ้าเธอว่างปีหน้าเราค่อยไปพร้อมกัน’
เหตุผลฟังขึ้นมากๆ =___=;; เพราะกลัวเหงาเนี่ยนะ
ฉันเลิกเล่นกับกะทิแล้วปล่อยมันลงกับพื้นให้วิ่งเล่นแล้วเดินไปหาคุณดีแซมที่กำลังยืนมองบ้านสวนเงียบๆเหมือนกำลังใช้ความคิดพลางดมดอกมะลิในมือไปด้วย
เขากำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ...
“คิดอะไรอยู่คะ?”ฉันเดินไปหยุดยืนข้างๆร่างสูง ทอดมองไปตามสายตาเขา
บ้านหลังนี้อยู่มาก่อนฉันเกิดอีกนะ สภาพเก่าตามกาลเวลาแต่ฉันก็รักษาบ้านหลังนี้ไว้อย่างดี มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ครอบครัวทิ้งไว้ให้
คุณดีแซมเอื้อมมือมาโอบเอวฉันกระชับเข้าหาตัว
“ฉันว่าจะขออนุญาตเธอปรับปรุงบ้านสวนดีมั้ย ฉันรู้ว่าเธอรักบ้านหลังนี้มาก ฉันเลยอยากจะทำเป็นเรือนหอของเรา”
“...!!”
ฉันหันขวับกลับไปจ้องหน้าคุณดีแซม เขาเองก็มองหน้าฉันอย่างเกรงๆในคำตอบเหมือนกัน ที่ตกใจนี่ไม่ใช่ว่าฉันโกรธที่เขาอยากปรับปรุงบ้านหรอกนะ เมื่อกี้เขาพูดว่าไงนะ...เรือนหองั้นเหรอ?!!
“ทำไมทำหน้าตกใจงั้นล่ะ”
“เรือนหอเหรอคะ O///O?”ฉันถามย้ำเพราะค่อนข้างไม่เชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่
นี่คุณดีแซมคิดไปถึงไหนแล้วนะ ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่ปีสามเองนะ มันไม่เร็วไปเหรอที่จะคุยกันเรื่องนี้ (.///.)
“ใช่ เรือนหอของเรา ฉันว่าลูกเราต้องชอบบ้านสวนแน่เลย เวลาฉันทำงานมาเหนื่อยๆ หรืออยากพักผ่อนฉันก็จะพาเธอกับลูกมาอยู่บ้านสวน”
“เอ่อ...”เขาทำฉันพูดไม่ออกเลยแฮะ
“เธอรักบ้านหลังนี้มาก ฉันเลยอยากปรับปรุงมันให้อยู่กับเธอนานๆ”
“ขอบคุณนะคะ”ฉันยิ้มให้คนข้างกายด้วยหัวใจ ผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างให้ฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาจะคิดถึงอนาคตของเราก่อน
เขาเป็นอย่างนี้จะไม่ให้ฉันรักเขาได้ยังไงคะ
คุณดีแซมจับไหล่ฉันให้หันไปประจันหน้ากับเขาตรงๆ เขาดมดอกมะลิในมือตัวเองอีกครั้งก่อนจะเอามาเหน็บข้างหูให้ฉันอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มะลิคือดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุด มันเป็นดอกไม้ที่หอม ดูอ่อนโยน บริสุทธิ์และน่าหลงใหลเหมือนเธอ”
หัวใจฉันเต้นระรัว ทุกๆครั้งที่เขาบอกรักหัวใจฉันจะเต้นแรงเสมอ...หัวใจเขาเองก็เช่นกัน
เราสบตากันนิ่ง นัยน์ตาสีไพลินสวยทอประกายอย่างน่ามอง วินาทีต่อมาเขาก็ย่อตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฉันจนฉันยังตกใจ
“คุณทำอะไรคะดีแซม O.O!!?”
ฉันพยายามจะฉุดแขนคุณดีแซมลุกขึ้นยืน แต่พอเห็นว่าเขากำลังล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีเข้มแล้ว เป็นฉันเองที่ต้องนิ่งอึ้งไป
คุณดีแซมเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำตาลออก เผยให้เห็นแหวนทองคำขาวและยังมีเพชรที่ถูกออกแบบให้เป็นดอกไม้เล็กๆ
“แหวนนี่ฉันให้แซนแทนออกแบบ เพราะหมอนั่นคือที่หนึ่งเรื่องเพชร หมอนั่นตั้งใจทำแหวนวงนี้เองกับมือ ดอกมะลิที่แหวนวงนี้เหมาะกับเธอมากนะมะลิ”
“...”
“ฉันอยากได้แหวนสักวงที่เหมาะกับเธอมานานแล้วแต่ก็ไม่เจอ จนที่สุดฉันก็ได้มันมา”
“...”
“แต่งงานกับฉันนะมะลิ”
คุณดีแซมยิ้มกว้าง แก้มเนียนใสของเขาขึ้นสีแดงจางๆ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาก็เขินเหมือนกันที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้
“...!!”
“เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ฉันวาดอนาคตไว้ เธอเชื่อใจจะฝากชีวิตไว้กับฉันหรือเปล่า เธออยากจะจับมือผู้ชายคนนี้ไปจนกว่าความตายจะพรากจากหรือเปล่า”
“...”ฉันยืนนิ่ง ทำตัวไม่ถูก น้ำตาแห่งความตื้นตันไหลอาบแก้มเงียบๆ ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีวันนี้ คุณดีแซมทำให้ฉันยิ้มทั้งน้ำตา
ฉันเช็ดน้ำตาออก...คำตอบฉันมันชัดเจนมานานแล้ว...
“แต่งงานกันนะมะลิ”
“ไม่ค่ะ”ฉันตอบ คำตอบของฉันทำคนขอหน้าถอดสี ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มอีกครั้งเพราะ... “ไม่ใช่ตอนนี้นะคะ คุณจะรอวันที่ฉันเรียนจบได้มั้ยคะ คุณรอได้มั้ย?”
“ยัยบ้าเอ๊ย เล่นซะใจเสีย”คุณดีแซมว่า เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วคว้าฉันไปกอดไว้แน่น
คุณดีแซมผละจากฉันเบาๆ มือหนาดึงแหวนออกจากกล่องแล้วเอื้อมมือมาจับมือข้างซ้ายของฉันไปก่อนจะบรรจงสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
“ต่อไปนี้จะไม่มีแค่คำว่าเธอและฉัน แต่มันคือคำว่าครอบครัว”
ใบหน้าหล่อคมคายก้มลงมาจุมพิตแก้มหน้าผากฉันอย่างอ่อนโยน ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันสัมผัสคำว่าความสุขที่แท้จริง
“ฉันรักเธอนะมะลิ”
“ฉันก็รักคุณค่ะดีแซม”
เรายิ้มให้กัน รอยยิ้มที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าเรามีความสุขแค่ไหนที่ได้มีกันและกันในวันนี้ และเราจะไม่มีวันปล่อยมือกันจนกว่าความตายจะมาพรากจาก
ย้อนไปวันแรกที่เราเจอกัน ฉันเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆท่ามกลางผู้คน แทบจะไม่มีตัวตนในชีวิตคุณดีแซม พอมาวันนี้เขากลับทำให้ฉันเป็นดั่งเจ้าหญิงที่มีเจ้าชายจับมือยืนอยู่ข้างๆกัน
เอ้...ไม่สิ คุณดีแซมน่าจะเป็นรถฟักทองมากกว่านะคะ เขาบอกว่าฉันคือซินเดอเรลล่านี่นา ตอนนั้นเขาเป็นคนมาส่งฉันขึ้นวอร์ดทันเที่ยงคืนพอดีนี่นา จำได้มั้ย ซึ่งเจ้าชายไม่ได้ทำอย่างนั้น ^______^
_____________________________
เช้าวันต่อมา...
สายลมเย็นๆพัดมากระทบร่างแผ่วเบา บรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัดให้ความรู้สึกสงบได้เป็นอย่างดี ฉันทอดสายตามองไปยังเจดีย์เก็บอัฐิของผู้มีพระคุณทั้งสามท่านด้วยความคิดถึง
ฉันเอาพวงมาลัยที่ร้อยเองกับมือมาไหว้ครอบครัวเหมือนอย่างเคย แต่วันนี้กลับแปลกไปตรงที่...คุณดีแซมก็มาด้วย
เขาสร้างความแปลกใจให้ฉันอีกแล้ว วันนี้คุณดีแซมตื่นแต่เช้าตรูโดยไม่ปลุกฉันตื่น เขาลุกขึ้นมาเก็บดอกมะลิ กุหลาบ ใบแก้วเพื่อเอาไปร้อยมาลัยอย่างที่ฉันเคยสอนเขาเมื่อก่อน เขาทำเองทั้งหมดจริงๆค่ะ ถึงแม้จะเป็นมาลัยที่ทำง่ายๆแต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจทั้งหมด
ฉันตื่นมาก็เห็นเขานั่งร้อยมาลัยสีหน้ามุ่งมั่นมาก เขาไม่ให้ฉันยุ่งมาลัยของเขาเลย ฉันจึงได้แต่ดูแลและสอนเขาอยู่ห่างๆเท่านั้น คุณดีแซมถูกเข็มร้อยมาลัยทิ่มจนนิ้วแทบพรุน ฉันทำแผลให้เขาแล้วล่ะ
คุณดีแซมตั้งใจจะมาไหว้ครอบครัวฉันที่นี่เพราะตั้งแต่เรารู้จักกันมาเขายังไม่เคยมาพบพวกท่านเลย เชื่อเขาเลย ผู้ชายคนนี้ขยันทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยสิน่า
คุณดีแซมวางมาลัยทั้งสามพวงของตัวเองไว้หน้าเจดีย์เก็บอัฐิของพ่อ แม่และยายฉัน
“ที่ผมมาไหว้ทุกคนวันนี้ผมอยากจะบอกครอบครัวมะลิว่าผมรักมะลิ ผมอยากจะขอให้ทุกคนวางใจให้ผมดูแลลูกสาวของพ่อแม่และหลานสาวของยายครับ ผมขอดูแลมะลิแทนทุกคนที่ไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น ผมสัญญาว่าผมจะดูแลมะลิให้ดีที่สุด”
ร่างสูงข้างกายพูดกับครอบครัวฉันแม้พวกท่านจะไม่ได้ยิน เขาดูจริงจังไม่มีแววล้อเล่นในน้ำเสียง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลทอประกายมุ่งมั่นเมื่อเขาพูด
คนๆนี้ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆเขา เขาทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันฝากชีวิตไว้ไม่ผิดคน ฉันเลือกคู่ชีวิตไม่ผิด...
“มะลิจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด ผมขอสาบาน”
ทันทีที่จบประโยคฉันก็หันไปมองหน้าคนพูดซึ่งเขาเองก็หันมามองหน้าฉันเหมือนกัน สายตาเขาเป็นสิ่งยืนยันคำพูดได้...ฉันเชื่อแบบนั้น
คุณดีแซมเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้แน่น ฉันเองก็กระชับมือเขาแน่น...เรายิ้มให้กัน
“ดีแซมจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดเหมือนกันนะคะ ฉันขอสาบาน”
เราสองคนบอกลาครอบครัวฉัน คุณดีแซมฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นยืน เขาเดินจับมือฉันออกมาจากตรงนั้น
“เห็นว่าวันนี้พี่หญิงจะฝากสองแสบนั่นไว้กับเรานี่ แกจะพาแฟนไปหาหมอใช่มั้ย?”คุณดีแซมหันมาถามยิ้มๆ อารมณ์ดีอย่างนี้สงสัยคิดถึงต้นกล้ากับต้นน้ำแน่เลยค่ะ
“ใช่ค่ะ แฟนแกป่วยอีกแล้ว”
“ดีล่ะ เราจะได้ซ้อมเลี้ยงลูก คิดแล้วมีความสุขจัง”คุณดีแซมยิ้มหน้าบาน
“ฮ่าๆๆ ซ้อมไว้หลายปีจังเลยนะคะ”ฉันแซวขำๆ คนอยากมีลูกได้แต่ยักไหล่ขึ้นนิดๆ เป็นการบอกนัยๆว่า ‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มี’
ผิดวิสัยเพลย์บอกจริงๆนะคะที่ชอบอยู่กับเด็ก แล้วยังชอบพูดถึงการแต่งงาน มีลูกอีกแน่ะ...น่ารักจริงๆ
“มาวัดแล้วเราเข้าไปกราบหลวงพ่อหน่อยดีมั้ย”
“แน่นอนค่ะ”
“ฉันจะได้ถามท่านเรื่องฤกษ์แต่งงานของเราด้วย”
“พูดเป็นเล่นไปค่ะ!”ฉันหันขวับไปจ้องหน้าคุณดีแซมทันที พอเขาเห็นหน้าเหวอๆของฉันถึงกับหลุดขำออกมาเลย
“ใจฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แหละ แต่จะทำไงได้ ก็เธออยากเรียนให้จบก่อนค่อยแต่งนี่นา ก็คงต้องรอให้ถึงเวลาก่อนนั่นแหละ”
คุณดีแซมว่า เอ๋...ทำไมเขาดูเซ็งๆล่ะ หน้ามุ่ยเลย
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ฮ่าๆๆ เรามาวัดทั้งทีนะ ยิ้มหน่อยสิ”
คุณดีแซมเผยยิ้มออกมาในที่สุด เขาก็อย่างนี้แหละค่ะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เขาก็แค่หยอกฉันเล่นเท่านั้นเอง
เราสองคนเดินเข้าไปกราบหลวงพ่อในอุโบสถ ขอพรให้ทุกอย่างในชีวิตมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ไม่เพียงแต่เราสองคน รวมถึงทุกคนที่เรารัก
เรื่องราวของฉันกับคุณดีแซมกว่าเราจะผ่านมาถึงวันนี้มันช่างเนิ่นนานและยากเย็นเหลือเกินสำหรับฉัน เด็กกำพร้าที่อยู่ในเงามืดมาโดยตลอดกลับมีเจ้าชายที่ทั้งชีวิตเขาอยู่ในแสงสว่างมาทำให้ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปจนฉันแทบไม่ได้สัมผัสคำว่าความทุกข์
ความรักมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งสามารถทำให้คนเราเจ็บปวดเจียนตายเพราะมันและอีกด้าน...มันคือความสุขที่แท้จริงที่ไม่สามารถหาและสัมผัสจากที่ไหนได้อีกแล้ว ถ้าเราไม่ได้สัมผัสความสุขเราก็จะไม่รู้จักคำว่าความทุกข์ และเช่นกัน...ถ้าเราไม่รู้จักความทุกข์เราก็จะไม่รู้จักความสุขที่แท้จริงเป็นยังไง
ขอให้ทุกคนที่มีคนรักอยู่ข้างกายรักษาเขาคนนั้นไว้ดีๆนะคะ ความสุขอยู่ไม่ไกลเลย ^_^
ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง ฉันขอรักษาหัวใจดวงนี้ไปตลอดไป...คุณดีแซม...
The End.
Hello!! My Cinderella นางซินหน้าใสขอเขย่าหัวใจคุณชายเพลย์บอย