ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
บทที่ 694 แต่งงาน II
เธออดที่จะหัวเราะไม่ได้ ยืนเขย่งปลายเท้าแล้วจูบเขาไปทีหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เซอร์ไพรส์มาก และก็ซาบซึ้งมาก”
เฉินถิงเซียวแววตาเป็นประกาย และก็โน้มตัวมาจูบเธอ
มู่น่อนน่อนผลักเขาออก “ฉันยังมีเรื่องที่อยากพูด”
“อะไร” เฉินถิงเซียวยืดตัวตรง
มู่น่อนน่อนดึงรูปภาพจากผนังออกมารูปหนึ่ง แล้วยื่นมาที่ด้านหน้าของเฉินถิงเซียว “ที่แท้คุณส่งคนไปแอบถ่ายฉันตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วใช่ไหม”
ภาพนี้ เป็นภาพที่หลังจากเขาไล่มู่น่อนน่อน แล้วส่งคนไปถ่ายมา เขามองรูปถ่ายอย่างละเอียด และก็นึกถึงช่วงที่ไม่มีควาสุขในช่วงนั้น
สักพัก เขากล่าวเบา ๆ “อยากเจอคุณ แต่ไปหาคุณไม่ได้”
ความจริงไม่เพียงแต่แอบถ่ายเท่านั้น
สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกให้มู่น่อนน่อนทราบอีก
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็ใจอ่อนลงทันที “ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก พวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน ต่อให้ไม่สามารถเจอกัน ก็จะต้องวิดีโอคอลกัน อย่าแอบถ่าย แอบติดตั้งกล้องวงจรปิด มันผิดกฎหมายรู้ไหม”
เฉินถิงเซียวหน้าถอดสี เงยหน้ามองเธอทันใด
เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวคิดไม่ถึงว่ามู่น่อนน่อนจะรู้เรื่องนี้
เป็นเรื่องยากที่จะมีเรื่องอยู่เหนือการคาดหมายของเขา มู่น่อนน่อนแอบได้ใจ “ครั้งนั้นที่ฉันเป็นไข้จนเป็นลมหมดสติอยู่ที่ห้องอาบน้ำ คุณมาดูแลฉัน ฉันรู้ตั้งนานแล้ว”
หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป ในใจของเธอยังคงคับข้องใจ ดังนั้นจึงได้ซื้อเครื่องตรวจจับมาทดสอบในห้อง
เพราะเฉินถิงเซียวอยากจะเซอร์ไพรส์มู่น่อนน่อน จึงไล่คนรับใช้ทั้งหมดไป ส่งเฉินมู่ไปที่บ้านของสือเย่ เขาใช้เวลาทั้งวันตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวดูรูปด้วยกันจนเสร็จ กล่าวถามเขา “ทำไมจู่ ๆ คุณขอฉันแต่งงานอีกครั้ง”
“พวกเรายังไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ”
เธอฟังออกถึงความหมายอันหนักแน่นจากน้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนถึงได้นึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังไม่เคยจัดงานแต่งอย่างเป็นทางการ
ครั้งแรกที่จากตระกูลมู่แล้วแต่งเข้ามา ก็ถูกรับตัวมาเลย ต่อมาเขาบอกจะจัดงานแต่ง แต่เพราะเกิดเรื่องที่ไม่พึงปรารถนาขึ้น สุดท้ายก็เลยยังไม่ได้จัด
มู่น่อนน่อนไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้จริง ๆ แต่เฉินถิงเซียวกลับจำใส่ใจไว้
มู่น่อนน่อนจ้องมองเฉินถิงเซียวอยู่ครู่หนึ่ง สักพักได้เปล่งเสียงขึ้น “แม้แต่พิธีงานแต่งคุณก็ได้เตรียมการไว้แล้วใช่ไหม”
เฉินถิงเซียวเป็นคนที่ทำอะไรก็จะทำโดยเงียบๆ ในใจของเขาคิดแต่เรื่องที่พวกเขายังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ คิดว่าไม่น่าเกิดขึ้นฉับพลัน แต่น่าจะเป็นการเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว
“อืม” เฉินถิงเซียวยิ้ม “เตรียมเกือบจะเสร็จแล้ว ได้เลือกสถานที่สองสามที่ที่คุณน่าจะชอบ ส่วนฤกษ์งามยามดีและสถานที่จริง ๆ ให้คุณเป็นคนเลือก”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้คุณไม่ปรึกษาฉัน และยังต้องยุ่งกับการทำงาน ยังต้องวางแผนงานแต่งอีก คงเหนื่อยน่าดู” ร่างกายของเขาเพิ่งจะพักฟื้นดีขึ้น ถ้าหากว่าเหนื่อยจนเกิดปัญหาอีก แล้วจะทำอย่างไร
“ไม่เหนื่อย เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ ล้วนทำให้ผมมีความสุข”
เฉินถิงเซียวโน้มตัวไปประทับรอยจูบลงที่หน้าผากของเธอ
เขาเพียงแค่พูดความรู้สึกที่แท้จริงในใจ ไม่ได้พูดคำหวานคำรักแต่อย่างไร
แต่มู่น่อนน่อนกลับหน้าแดง ต่อยเขาเบา ๆ
เฉินถิงเซียวกุมกำปั้นน้อย ๆ ของเธอไว้ แล้วยิ้มเบา ๆ ทำท่าจะมาหอมเธออีก
มู่น่อนน่อนกลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นทันใด สีหน้าจริงจัง เอาฝ่ามือบังจูบของเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“หือ?”
“ทานอาหารเย็นหรือยัง”
“……”
มู่น่อนน่อนดูปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียว ก็รู้ว่าเขายังไม่ได้ทานข้าว
สถานที่แต่งงานถึงแม้ว่าจะตกแต่งอย่างเรียบง่าย และเฉินถิงเซียวเป็นคนทำคนเดียวทั้งหมด ดังนั้นเขาคงไม่น่าจะมีเวลาทานข้าว
“เดี๋ยวเถอะ!” มู่น่อนน่อนแสร้งทำเป็นโกรธชี้ไปที่จมูกของเขา “ฉันจะไปทำอาหารให้คุณ!”
……
มู่น่อนน่อนทำอาหารเย็นง่าย ๆ ให้กับเฉินถิงเซียว
ตอนที่เฉินถิงเซียวทานข้าวนั้น มู่น่อนน่อนได้ถือโทรศัพท์ออกไปถ่ายรูป
เธอส่งรูปภาพให้เสิ่นเหลียง
“เสี่ยวเหลียง เฉินถิงเซียวขอฉันแต่งงานอีกแล้ว!” ตามด้วยรูปอิโมจิเขินอาย
เธอถือโทรศัพท์รออยู่ครู่หนึ่ง เสิ่นเหลียงน่าจะคงยุ่งอยู่ ไม่ได้ตอบเธอกลับในทันที
เธอจึงสร้างรูปภาพเป็นหกตารางแล้วอัปลงในสตอรี่
【ความโรแมนติกของชายแท้[รูปภาพ][รูปภาพ][รูปภาพ][รูปภาพ][รูปภาพ][รูปภาพ]】
รายชื่อเพื่อนในวีแชทของเธอล้วนเป็นแบบมีสถานะที่ยังใช้อยู่ เป็นคนที่เธอสามารถติดต่อในชีวิตประจำวันได้
ดังนั้น สักพักก็มีคนมากดไลค์และแสดงความคิดเห็น
กู้จือหยั่นคือคนแรก “ว้าววว ยินดีด้วยนะ”
น้ำเสียงนี้ดูเกินจริงไปหน่อย บางทีอาจจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้
เวลานี้ เธอได้ยินเสียงดังลอยมาจากห้องครัว จึงไม่ได้รีเฟรชสตอรี่ต่อ จากนั้นหันหลังเดินไปที่ห้องครัว
เฉินถิงเซียวทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว และกำลังทำความสะอาดภาชนะของตัวเอง
เขาก้มลงเล็กน้อย พับแขนเสื้อขึ้น รูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่อารมณ์ของเขานั้นสงบมาก เผยให้เห็นถึงความอ่อนโยนที่ไม่สามารถอธิบายได้
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปกอดเฉินถิงเซียวจากด้านหลัง
เฉินถิงเซียวหยุดชะงักขึ้น แล้วก็ปิดก๊อกน้ำ เอียงหน้าหันมา “ทำไม”
มู่น่อนน่อนกระซิบหนึ่งประโยคข้างใบหูเฉินถิงเซียวเบา ๆ
เธอพูดเสร็จก็เอียงหน้ามามองเฉินถิงเซียว รอดูปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวกลับเงียบไม่พูดอะไร จนกระทั่ง……เธอสังเกตเห็นใบหูที่แดงก่ำของเขา
มู่น่อนน่อนยื่นมือจับหูของเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณเขินเหรอ”
เฉินถิงเซียวจับมือของเธอไว้ แล้วหันหน้ามามองเธอ น้ำเสียงหนักแน่น “อย่ากวน”
“อายก็ไม่ยอมรับอาย” มู่น่อนน่อนพึมพำเบา ๆ จากนั้นก็กล่าวต่อ “รับมู่มู่ของฉันกลับมาเลย ฉันไม่เห็นเธอทั้งวันแล้ว”
ไม่ได้เจอกันหนึ่งวันคิดถึงเฉินมู่จริง ๆ
“ค่อยไปพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้……เหรอ!”
จู่ ๆ เฉินถิงเซียวก็อุ้มเธอขึ้นมา โดยที่มู่น่อนน่อนไม่ทันตั้งตัว จึงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
“ปล่อยฉันลงมา”
“คุณเดินมาทั้งวันแล้ว ผมจะอุ้มคุณขึ้นไป”
“ฉันไม่เหนื่อย ฉันยังสามารถไปรับมู่มู่ได้”
“คุณเหนื่อย วันนี้พวกเราไม่ไปรับเธอ พวกเราจะใช้ช่วงเวลาสองต่อสองด้วยกัน”
“……”
สถานที่จัดงานแต่งงานคือโบสถ์โบราณที่มีประวัติยาวนานเกือบ 800 ปี
โบสถ์มีความเคร่งขรึม เป็นสไตล์ย้อนยุคยุคกลางที่แข็งแกร่ง ราวกับฉากที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันในภาพยนตร์ย้อนยุคที่ศักดิ์สิทธิ์และโรแมนติก
บุคคลที่เป็นประธานในงานแต่งงานคือบาทหลวงที่อายุเกือบแปดสิบปี แต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก กระฉับกระเฉง และคำพูดของเขาชัดถ้อยชัดคำ
“วันนี้ พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ภายใต้การจ้องมองของพระเจ้า และต่อหน้าผู้คนกลุ่มนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ของเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อน นี่เป็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์……”
บาทหลวงหันมามองเฉินถิงเซียว
“คุณยินดีรับมู่น่อนน่อนเป็นภรรยาตามกฎหมายของคุณในงานแต่งงานศักดิ์สิทธิ์นี้ และอยู่ด้วยกันภายใต้การนำทางของพระเจ้าหรือไม่ คุณเต็มใจที่จะรักเธอ เคารพเธอ ปลอบโยนเธอ ดูแลเธอ ไม่ทอดทิ้งเธอตราบเท่าที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ซื่อสัตย์ภักดีต่อเธอหรือไม่"
“ผมยินดีครับ”
เฉินถิงเซียวตอบกลับทันใด ทำให้บาทหลวงยิ้มเบา ๆ แล้วหันมามองมู่น่อนน่อน
“คุณยินดีรับเฉินถิงเซียวเป็นสามีตามกฎหมายของคุณในงานแต่งงานศักดิ์สิทธิ์นี้ และอยู่ด้วยกันภายใต้การนำทางของพระเจ้าหรือไม่ คุณเต็มใจที่จะรักเขา เคารพเขา ปลอบโยนเขา ดูแลเขา ไม่ทอดทิ้งเขาตราบเท่าที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ซื่อสัตย์ภักดีต่อเขาหรือไม่"
มู่น่อนน่อนหันมามองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเม้นริมฝีปาก ในแววตามีความตื่นเต้นและคาดหวัง
กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีโห่ร้องจากด้านล่างเวที
“น่อนน่อน ต่อหน้าพระเจ้า คิดให้ดีก่อนตอบ”
เฉินถิงเซียวหันศีรษะชำเลืองมองไปทางพวกเขาประหนึ่งมีด
“ฉันยินดีค่ะ” มู่น่อนน่อนยื่นมือมากุมจับมือของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวมั่นใจในทุกสิ่งยกเว้นเธอ
หัวใจของเธออยู่กับเขาตั้งนานแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลใจขนาดนี้
สุดท้าย ทั้งคู่ก็สาบานร่วม
“จากนี้ไป ฉันจะมีคุณตลอดไป ไม่ว่าจะจนหรือรวย จะเจ็บป่วยหรือแข็งแรง ฉันก็จะรักคุณ เคารพคุณ และหวงแหนคุณจนความตายพรากเราจากกัน”
หลังจากอ่านคำสาบานแล้ว ทั้งสองก็มองหน้ากันและเห็นน้ำตาเป็นประกายในดวงตาของกันและกัน
สำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่แค่คำสาบานในงานพิธี แต่เป็นคำพูดที่พวกเขาจะจารึกไว้ในใจ เพื่อรำลึกถึงในช่วงเวลาของการแยกจากกันและการเปลี่ยนแปลงที่มากมายที่พวกเขาเผชิญ
ตอนที่เฉินถิงเซียวประทับจูบลงมานั้น มู่น่อนน่อนหลับตา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตา
พวกเขาผ่านความทุกข์ยากและความลำบากมามากมาย และผ่านความตายมาหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่จะรอถึงเวลานี้
จากนี้ไปจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่วมกัน
มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้
------จบบริบูรณ์------
ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม