ฉันเนี่นนะ...เป็นลูกเศรษฐี
บทที่10 บททดสอบของบริษัท
บทที่10 บททดสอบของบริษัท
เห็นพวกคนก่อนหน้าได้ดี พวกที่อยู่ข้างหลังหวังหลง พุ่งเข้าไปพร้อมกัน รั้วเหล็กแทบจะถูกพวกเขาเบียดจนเสีย
“หยุดนะ หยุดให้หมดเดี๋ยวนี้!” หวังหลงดวงตาแดงก่ำ ต้องการที่จะหยุดทุกคนไว้อย่างบ้าคลั่ง
คิดไปถึงอดีต ที่เพียงแค่คำเดียวของหวังหลง รวมแม้กระทั่งแค่สายตา ก็สามารถทำให้คนพวกนี้ตกใจกลัวจนคุกเข่าก้มหัวขอโทษ
แต่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าหวังหลงจะขู่ห้ามยังไง ก็ไม่มีใครสนใจเขาสักคน
ความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ ทำให้หวังหลงยอมรับไม่ได้
“กลับมาให้หมดนะ!” หวังหลงตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “กูเห็นพวกมึงเป็นพี่น้อง พวกมึงทำกับกูอย่างนี้หรอ?”
หยางเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างชนะ
หวังหลงพาคนมาร้อยกว่าคนแท้ๆ แต่ตอนนี้คนที่ยังยืนอยู่ด้านหลังหวังหลงเหลือไม่ถึง 5 คน
“หัวหน้าโจว เปิดประตูได้แล้ว!” หยางเสี่ยวเทียนสั่ง
“มาแล้วครับ! มาแล้วครับ!” เห็นภาพนี้ ใจของโจวทงที่หวาดกลัวก็สบายใจแล้ว วิ่งก้นส่ายมาที่ด้านหลังหยางเสี่ยวเทียนแล้วไปเปิดรั้วเหล็กออก
เมื่อกี้เขายังคิดจะหาวิธีหลบหนี หรือไม่ก็หาวิธีขอโทษหวังหลง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า หยางเสี่ยวเทียนจะพลิกสถานการณ์ได้
ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ!
โจวทงมองหยางเสี่ยวเทียนอย่างชื่นชม เขารู้ว่าชายตรงหน้าคนนี้ ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ที่ให้ใครก็สามารถรังแกได้อีกต่อไปแล้ว
รั้วเหล็กถูกเปิดออก หยางเสี่ยวเทียนก็ก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว ยกมือข้างขวา แล้วโบกไปข้างหน้า
ลูกน้องเกือบร้อนคนเข้าใจทันที แยกตัวจากกันแล้วล้อมรอบพวกหวังหลงทั้งหกคนไว้ตรงกลาง
“แกอยากจะทำอะไร?” เผชิญหน้ากับการถูกล้อม หวังหลงยิ่งดูดุร้าย น่ากลัวขึ้น
“ฉันเคยพูดแล้วว่าแกจะต้องขอร้องให้ฉันปล่อยแกไป!” หยางเสี่ยวเทียนพูดนิ่งๆ
หวังหลงหัวเราะอย่างดูถูก สายตาที่ดุร้ายกวาดมองทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ สุดท้ายมองไปที่หยางเสี่ยวเทียน “แกคิดว่าพวกมันยืนอยู่ฝั่งแก แล้วจะกล้าลงมือกับฉันงั้นหรอ?”
แค่เพียงเงินถึง! มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้าง?
หยางเสี่ยวเทียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ถอยออกจากกลุ่มผู้คน แล้วพูดว่า “ต่อยหวังหลงหมัดละ 1 พัน ถีบหวังหลง ครั้งละ 2 พัน หน้าประตูมีกล้องวงจรปิดทั้งนั้น พรุ่งนี้มารับเงินกับฉัน!”
พูดจบคนกว่าร้อยคนถึงกับโหวกเหวกเสียงดัง
หยางเสี่ยวเทียนยังไม่ทันบอกให้ลงมือ ก็มีคนปล่อยหมัดและเตะใส่หวังหลงแล้ว
หน้าประตูไปรษณีย์จงหยวนวุ่นวายขึ้นในทันที พวกหวังหลงทั้งหกคนถูกล้อมไว้ตรงกลาง ถูกรุมตีจนป้องกันตัวไม่ไหว
“ใช่แค่ไม่กี่แสน ก็จัดการตัววุ่นวายอย่างหวังหลงได้ ประธานหยางฉลาดจริงๆ ผมขอนับถือครับ” โจวทงพูดประจบ
หยางเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างอดไม่ได้ ถ้าหากว่าตกลงคำขอที่ไร้เหตุผลของหวังหลง ทุกเดือนจะต้องเสียหาย 3 แสน
หนึ่งปีก็จะประมาณ 3 ล้านกว่า มี 3 ล้านกว่านี้ยังจัดการหวังหลงคนเดียวไม่ได้งั้นหรอ?
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงด่าของหวังหลงและคนอื่นค่อยๆเบาลง คนร้อยกว่านั้นก็หยุดลง
หยางเสี่ยวเทียนเดินเข้าไป เห็นเพียงหวังหลงที่เต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่บนพื้น เหมือนกับหมาตัวหนึ่ง
“หยางเสี่ยวเทียนคนนี้ไม่รังแกนาย นายก็อย่าคิดจะมารังแกฉัน! ถึงแม้หยางเสี่ยวเทียนคนนี้จะรังแกนาย นายก็อย่าคิดจะมารังแกฉัน!”
“ใครที่คิดจะรังแกฉัน ฉันก็จะเอาคืน! เข้าใจมั้ย?”
หยางเสี่ยวเทียนย่อตัวลง เอาเงินก้อนสุดท้ายจากกระเป๋าออกมาแล้วโยนใส่หน้าหวังหลงอย่างแรง “เงินนี่ถือซะว่าเป็นค่ารักษาพยาบาลละกัน!”
พูดจบ สายตาดุร้ายของหยางเสี่ยวเทียนกวาดมองทุกคน จากนั้นมองไปที่โจวทงแล้วสั่งว่า “พาพวกเขาไปลงบันทึก พรุ่งนี้มารับเงินที่บัญชี!”
จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ หยางเสี่ยวเทียนออกมาจากไปรษณีย์จงหยวนและกลับถึงคฤหาสน์ริมแม่น้ำเย็นเจียงภายใต้การรับส่งของสวีลี่ลี่
จากที่ยุ่งมาทั้งวัน หยางเสี่ยวเทียนแช่ตัวอยู่ในสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้า มองดูบรรยากาศแม่น้ำที่น่าหลงใหล ในสมองคิดไปมากมาย
ต่อกรกับหวังหลง เป็นเพียงข้อยากข้อแรกที่เข้าทำงานในไปรษณีย์จงหยวน ถ้าอยากได้การยอมรับจากคณะกรรมการบริหาร หนทางยังอีกยาวไกล
ในที่สุดหยางเสี่ยวเทียนก็รู้สึกได้แล้วว่า 49.9 พันล้านนั้น สืบทอดไม่ง่ายเลย
“วันนี้เธอทำได้ดีมาก แม้แต่ประธานเหอยังชื่นชมคุณเลย!” สวีลี่ลี่พูดชม
“เธอรู้เรื่องเร็วขนาดนี้เลย?” หยางเสี่ยวเทียนพูดอย่างประหลาดใจ
“ในเมื่อนายยอมรับการทดสอบจากคณะกรรมการบริหาร งั้นการกระทำทุกฝีก้าวของนายก็อยู่ภายใต้การจับตามองของคณะกรรมการบริหาร” สวีลี่ลี่อธิบาย
“พวกเธอรู้ถึงสถานการณ์นี้แท้ๆ ทำไมถึงไม่ออกมาจัดการ?” หยางเสี่ยวเทียนถาม
สวีลี่ลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย นั่งอยู่ข้างๆหัวของหยางเสี่ยวเทียน “ธุรกิจภายใต้เมถุนกรุ๊ปมีอยู่รอบด้าน บริษัทหลักจัดการได้ไม่หมดหรอก ดังนั้นบางเรื่องขอแค่เพียงไม่มากเกินไป ทางคณะกรรมการบริหารก็จะหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง”
“เมถุนกรุ๊ปเป็นถึงธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของประเทศ ธุรกิจภายใต้เยอะจนควบคุมได้ยากจริงๆนั่นแหละ” หยางเสี่ยวเทียนหันหน้า ทันใดนั้นสายตาก็นิ่งค้าง
ต้นขาขาวๆของสวีลี่ลี่ห่างจากใบหน้าของหยางเสี่ยวเทียนไม่ถึงสิบเซนติเมตร เขาสามารถมองเห็นกางเกงซ้อนสีดำระหว่างขาทั้งสองข้างด้วยซ้ำ
จากนั้นก็ยังมีกลิ่นหอมของหญิงสาวลอยออกมา
ทำให้ผู้ชายบริสุทธิ์อย่างหยางเสี่ยวเทียนที่ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงถึงกับหน้าแดง
“แต่ว่าประธานเหอให้ฉันบอกกับคุณว่า เบื้องหลังของหวังหลงแข็งแกร่ง เขาถูกทำร้ายขนาดนี้ จะต้องไม่วางมือง่ายๆแน่ คุณจะต้องระวังตัวไว้!” สวีลี่ลี่นั้นไม่รู้ตัว
หยางเสี่ยวเทียนกลัวจะถูกสวีลี่ลี่จับได้จึงรีบหันหน้ากลับ
“พวกเธอรู้แม้กระทั่งเบื้องหลังของหวังหลงคือใคร งั้นแค่เพียงพวกเธอออกหน้า เรื่องวุ่นวายพวกนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ?” หยางเสี่ยวเทียนบ่น
“พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บริษัททดสอบคุณ”
หยางเสี่ยวเทียนเกาะตัวไว้มีความยุ่งยากนิดหน่อย ขณะที่เตรียมตัวจะลุกขึ้น กลับมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยอยู่ริมแม่น้ำเย็นเจียง
หยางเสี่ยวเทียนยีตา เพ่งเล็งมองไป เห็นเพียงแผ่นหลังของหลิ่วเยี่ยนที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีดำ กำลังดึงรั้งอยู่กับชายใส่เสื้อสูทตรงหน้า
ชายหนุ่มเสื้อสูทรูปร่างสูงใหญ่ เนื่องจากระยะห่างไกลเกินไป จึงมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่หยางเสี่ยวเทียนกลับมองเห็นรถ Rolls-Royce สีดำข้างกายชายเสื้อสูท
สามารถขับรถแบบนี้ได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!
ผู้หญิงที่ฉันเล็งไว้ อย่าได้ถูกคนอื่นแย่งไปละ!
หยางเสี่ยวเทียนใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวเดินออกจากสระว่ายน้ำ แล้วตะโกนใส่หลิ่วเยี่ยนว่า “หลิ่วเยี่นน”
สวีลี่ลี่เอาผ้าขนหนูสีขาวคลุมให้หยางเสี่ยวเทียนอย่างเอาใจใส่
สองคนที่อยู่ริมแม่น้ำเย็นเจียงเหมือนว่าจะได้ยินเสียงของหยางเสี่ยวเทียน ดังนั้นจึงหันมาทั้งสองคน
“น้องสาว คนๆนั้นคือใคร?” ชายเสื้อสูทพูดอย่างประหลาดใจ
“เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของฉัน” หลิ่วเยี่ยนพูดอย่างขยะแขยง
สังเกตเห็นสาวตาของหลิ่วเยี่ยน ชายเสื้อสูทถึงกับโล่งใจ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “น้องสาว เธออย่าโกรธคุณพ่อแล้วนะ คนที่บ้านต่างก็เป็นห่วงเธอ รีบกลับบ้านเถอะ!”
“ฉันไม่กลับไป! ฉันเคยบอกแล้วไง ถึงแม้จะไม่พึ่งพากำลังจากที่บ้าน ฉันก็สามารถทำธุรกิจเองได้!” หลิ่วเยี่ยนพูดอย่างหนักแน่น
“เฮ้อ!” ชายเสื้อสูทถอนหายใจ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดกล่อมก็มีเสียงหยางเสี่ยวเทียนดังออกมาจากคฤหาสน์ริมแม่น้ำเย็นเจียง “คนๆนั้นน่ะ! ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!”
ฉันเนี่นนะ...เป็นลูกเศรษฐี