ชีวิตจักรพรรดิของข้า
บทที่ 10 รางวัลของข้า
บทที่ 10 รางวัลของข้า
พระสนมจิ่น มองคนที่นอนตะแคงข้าง มือข้างหนึ่งค้นหาล้วงเขามาจับหน้าอกตน ฮ่องเต้ที่ความคิดโลดเล่น แก้มสองข้างก็แดงเรื่อ ในใจอุทานไม่หยุด
ฮ่องเต้เดิมทีก็ป่วยจนต้องนอนอยู่เป็นเวลานาน หายใจรวยริน แม้แต่ สมยานาม วงหมอหมอเทวดาจ้าว ก็ไม่มีทางรักษา ใครจะคิดว่าฝ่าบาทราวกับได้กินยาอายุวัฒนะของเทพเซียนเข้าไป พลันพระวรกายกลับมาแข็งแรง และยังมีแรงมารักกับเธอและ สี่เอ๋อ
แต่แรกเธอกังวลกับพระวรกายของฝ่าบาท และกังวลว่าฝ่าบาทจะเพียงแต่นึกคึกขึ้นมาชั่วครู่ชั่วยาม มาทะนุถนอมเธอบ้าง แต่ตอนนี้ดูแล้ว พระวรกายของฝ่าบาทดูไม่มีปัญหาอะไร และยังดูท่าว่านิสัยจะเปลี่ยนไปมากด้วย นี่ นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ
“ข้ารักประเทศ และยิ่งรักสาวงาม มา ที่รัก มานอนอีกสักหน่อยเถอะ” เย่เทียน ยื่นมือออกไปโอบเอวด้วยท่าทางเกียจคร้าน มือเดียวก็โอบเอวคอดของ พระสนมจิ่น ไว้ อีกมือหนึ่งก็ใช้มือคลำบริเวณหน้าอกของเธอไปเรื่อย
“ฝ่าบาท การประชุมราชกิจตอนเช้าสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ราชกิจบ้านเมืองเป็นสำคัญ อีกหน่อย หม่อมฉัน....จะดูรับใช้ฝ่าบาทอย่างดีเพคะ” เสียงอ่อนหวานของพระสนมจิ่น พูดแนะนำ และสี่เอ๋อ ส่งสายตามาแสดงว่าเธอก็จะมาช่วยด้วยอีกคน พูดกล่อมให้ฝ่าบาทตื่นไปว่าราชกิจ
ภายใต้เสียงกล่อมของอันอ่อนหวานของสองสาว เพียงพอแล้วที่ทำให้คนขี้เกียจอย่าง เย่เทียน ลุกขึ้นมา พระสนมจิ่นและสี่เอ๋อ สองคนประคองช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้า
มือของเย่เทียน ก็ไม่ได้ว่างเว้นแม้แต่น้อย ขยำบริเวณที่อ่อนนุ่มของ พระสนมจิ่นและสี่เอ๋อ จนหายใจหอบ จมูกฟืดฟาด แก้มแดงปลั่ง สายตาละลาย
“ฝ่าบาท...” สี่เอ๋อ ที่เพิ่งเคยผ่านมือชายเป็นครั้งแรกร้องเรียก ฝ่าบาททำไมมั่วแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะเปลี่ยนผ้ารับประทานอาหารเช้าเสร็จ
สีหน้าหงุดหงิดของสาวน้อย ก็มีความยั่วยัวไปอีกแบบ เย่เทียน ฉีกยิ้มซื่อ ๆ กล่าวว่า “ที่รัก คืนนี้พวกเราสามคนมาหาอะไรแบบนั้นทำกัน แหะๆ ”
หาอะไรแบบนั้นทำหมายถึงอะไร พระสนมจิ่นและสี่เอ๋อ จะฟังไม่เข้าใจเหรอ สองคนแก้มแดงเป็นลูกตำลุง คำพูดนี้ของฝ่าบาทตรงไปตรงมาจริงๆ ไม่รู้จักอายฟ้าดิน
แล้วเขายังบอกว่าให้สามคนด้วยกัน นี่....นี่ในเหลวไหลจริง ๆ ......
ฝ่าบาทเอ็นดู สี่เอ๋อ พระสนมจิ่น ไม่ได้รู้สึกอิจฉาแม้แต่น้อย กลับดีใจกับเธอด้วย สี่เอ๋อ เป็นสาวรับใช้ข้างกายเธอ โตมาด้วยกันแต่เล็ก ระหว่างสองคนไม่มีความลับต่อกัน สนิทกันราวกับพี่น้องแท้ๆ แต่หากต้องรับใช้ฝ่าบาทพร้อมกัน นี่....นี่ในน่าอายจะตายไป...
ฝ่าบาทนี่......นี่เหลวไหลสิ้นดี....
ในใจของพระสนมจิ่น พลันรู้สึกไม่ดี ฝ่าบาทนิสัยเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้วจริง ๆ เหรอ หรือว่ายังคงมากราคะเหมือนกับเมื่อก่อน ฆ่าคนเป็นผักปลา
“ฝ่าบาท อย่าลืมว่าพระสนมจิ่น รออยู่” สี่เอ๋อ กล่าวเสียงเขินอาย เธอไม่ได้อยากแย่งความรักกับ พระสนมจิ่น แต่ช่วยนายตัวเองสู้กับนางจิ้งจอกพระสนมลี่
“สี่เอ๋อ เข้าใจความคิดข้าได้ดีที่สุด” เย่เทียน ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง ยื่นมือไปประคองหน้าของ สี่เอ๋อ “เด็กน้อยก็สามารถสอนให้เป็นได้ ข้ากลับมาจะมาให้รางวัล สี่เอ๋อ ฮะๆ”
สี่เอ๋อ เอียงอายก้มหน้า สีหน้าจองฝ่าบาทยิ้มอย่างชั่วร้าย รางวัลที่ว่า ทำไมเธอจะไม่รู้ พลันก็รู้สึกกระดากอายและดีใจระคนกัน และยังรู้สึกไม่สบายใจด้วย กลัวว่า ตัวเองจะล่วงเกินแย่งความรักจากคุณหนู
พระสนมจิ่น ทำไมจะโทษ สี่เอ๋อ เธอตั้งแต่เด็กก็ได้รับการปลูกฝังหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา ต่อให้เธอมีความสามารถ เปิดกว้างอย่างไร สามีเดียวก็ถูกปลูกฝังอย่างเข้มข้นอยู่ในสมองเธอ
ผู้ชายเรื่องที่จะมีภรรยามากหน้าหลายตาเป็นเรื่องปกติ ต่อให้เธอริษยาแล้วทำอะไรได้ อย่างมากก็แค่โวยวาย แต่ไม่ได้เปลี่ยนอะไร อย่างมากก็ได้เงินหรือเครื่องประดับเอามาทดแทน แต่กลับไม่ได้ทำให้สามีมีความสุข
เธอเป็นผู้หญิงฉลาด ถ้าจะทำให้สามีไม่สบายใจแล้ว สู้เธอหลับหูหลับตาเสียข้างหนึ่ง ตามใจเขาไป เขาอยากจะมีสนมกี่คนก็ให้เขามีไป ขอแค่รักษาตำแหน่งตอนนี้ของเธอเอาไว้ได้ก็พอแล้ว
“อะแฮ่ม...”
เสียงไอกระแอมดังออกมาจากด้านนอก พระสนมจิ่น ตะลึง ถึงแม้จะเข้าใจ แต่ขันทีซูหัวหน้าฝ่ายในเตือนเธอ เวลาไม่เช้าแล้ว ฝ่าบาทควรจะเสด็จว่าราชกิจได้แล้ว
“ฝ่าบาท นี่ก็สายแล้ว สมควรต้องไปว่าราชกิจตอนเช้าแล้วเพคะ ประเทศชาติสำคัญที่สุด ” พระสนมจิ่น พลางช่วยฝ่าบาทจัดชุดพลางกล่าวเสียงอ่อนหวาน “หลังจากเลิกราชกิจเช้าแล้ว หม่อมฉันยินดีถวายรับใช้ฝ่าบาท อย่าให้ขุนนางอำมาตย์ต้องรอเลยเพคะ”
“พวกเขาอยากรอก็ให้รอไปสิ ข้าเป็นฮ่องเต้ ใครกล้าว่าหรือ” ปากเขาพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ในใจกลับเดือดดาล กล่าวเสียงดัง “เจ้าซู”
“กระหม่อมอยู่นี่พะยะค่ะ ” ซูจื่อหลุน ที่รออยู่ด้านนอกประตูค้อมกายรับคำ ในใจพลันหงุดหงิดเหลือประมาณ หลังจากฝ่าบาทประชวรครั้งใหญ่ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ปกติฝ่าบาทไม่เคยเรียกขานเขาเช่นนี้ แต่เรียก เสี่ยวหลุนจื่อ เสี่ยวหลุนจื่อ อย่างสนิทสนม นี่มาเรียก เจ้าซูดูเหินห่างเสียจริง....
เย่เทียนกล่าว “เจ้าส่งคนไปดูด้านหน้า หากขุนนางคนไหนมาสาย จดชื่อมาให้ข้า”
“กระหม่อมรับบัญชา” ซูจื่อหลุนค้อมกายจากไป สั่งความให้ขันทีผู้น้อยคนหนึ่งไปยืนอยู่หน้าพระตำหนักจินหลวน ในใจพลันมึนงง ฝ่าบาทตั้งแต่เมื่อวาน อากัปกิริยาท่าทางเปลี่ยนไป หรือว่าการป่วยครั้งนั้นทำให้สมองได้รับความกระเทือน
เย่เทียน เสวยอาหารเช้าในตำหนักของ พระสนมจิ่น กับข้าวห้าอย่างน้ำแกงหนึ่ง นอกนั้นมีเพิ่มขนมและผลไม้ นี่เป็นสิ่งที่เขาสั่งไว้ ประหยัดเป็นหลัก จะใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่ได้
เมื่อซักครู่เขาพลันคิดถึงหนังสือที่เคยอ่านตอนเรียนมหาวิทยาลัย เข้าเรียนมักมาสายถูกอาจารย์ทำโทษให้ยืนหน้าห้อง พวกขุนนางอำมาตย์พวกนั้นไม่ได้มีเงินกันเหรอ งั้นพี่ก็อาศัยจังหวะนี้เป็นข้ออ้างในการปรับเงิน ปรับให้หนัก ปรับได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เหอๆๆ
มีข้ออ้างอันนี้ เย่เทียน ก็พลันสดชื่นขึ้นมา รีบกินอาหารเช้า โอบพระสนมจิ่น ไปหลายรอบจนพอใจ จากนั้นก็ลูบก้นของสี่เอ๋อ ไปหลายที ถึงได้พอใจจากไปว่าราชกิจตอนเช้า
ซูจื่อหลุน หัวหน้าขันทีฝ่ายในเดินตามหลังไปติดๆ สายตาฝ้าฟางกรอกไปหมุนมาไม่หยุด ฝ่าบาทนิสัยเปลี่ยนไป วันนี้ดูแล้วก็น่าจะเปลี่ยน
เย่เทียน นั่งบนเก้าอี้อย่างอารมณ์ดี มือลูบซ้ายตามองขวา บิดก้นไปมาบนเก้าอี้ จุ๊ปาก นี่เป็นเก้าอี้ที่เขาว่ากันว่ามีแต่ฮ่องเต้ถึงได้นั่งเหรอเนี่ย
อู้ว นั่งลงไปแล้วรู้สึกไม่ต่างอะไรกับเก้าอี้ไม้ แต่ว่า ความรู้สึกสูงส่งนี้ เหลือบตามองไปยังขุนนางอำมาตย์นี่มันรู้สึกดีจริงๆ
“ฝ่าบาทอายุยืนนานหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ขุนนางอำมาตย์ทั้งบู๊ทั้งบุ๋นพร้อมใจกันถวายบังคม ฝ่าบาททรงพระปรีชาอายุหมื่นปี ปรีชาสามารถสู้รบไร้เทียมทาน
“พวกท่านลุกขึ้น” เย่เทียน คิดถึงนิยาย “ลู่ติ่งจี้” ของ จินหยงที่มีตัวละคร เจ้าสำนักเสิงหรงไม่เพียงแต่น่าขัน ในขณะเดียวกันก็เหมือนมีปีกงอกออกมา รู้สึกว่าตัวเองลอยได้
ความรู้สึกนี้มันสะใจจริง ๆ ในใจเขาพลันตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาจะต้องรักษาบัลลังก์ล้ำค่าของเขาไว้ให้ได้ ทำปณิธานที่จะรวบรวมสาวสวยใต้หล้ามาไว้ในวังหลังให้หมดให้ได้
ซูจื่อหลุน ที่ยืนรับใช้อยู่ข้างพระวรกายกดเสียงต่ำกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท นอกจากที่ป่วยอยู่ที่บ้านแล้ว ไม่ขาดซักคนเดียวกระหม่อม”
“.....” เย่เทียน ราวกับลูกโป่งที่โดนปล่อยลม พลันเหี่ยวเฉา แม่เจ้าโว้ย ตรงเวลาทุกคนเลยเหรอ งั้นก็แปลว่าพี่ไม่มีเงินอีกแล้วสิ
สายตาเขาหันมองไปมา “เจ้าซู เจ้าไปดูสิ ว่ามีขุนนางคนไหนที่แต่งกายไม่เรียบร้อย จับตัวออกมาให้ข้า”
ชีวิตจักรพรรดิของข้า