ชีวิตจักรพรรดิของข้า
บทที่ 12 นางฟ้าในตำรา
บทที่ 12 นางฟ้าในตำรา
เย่เทียนพ่นเปลวไฟราคะลุกโชนจากตาหมาป่าจ้องมองเอวเล็กที่สะบัดอย่างมีจังหวะมากกับแก้มก้นที่ยั่วยวนให้คนทำบาป ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลง กลืนน้ำลายเป็นคำๆ แม่มึงเอ่ย ยั่วน้ำลายพี่อีกแล้ว ผู้หญิงนี่ ช่างร้ายจริงๆนะ!
ร้ายก็ส่วนร้าย แต่ไฟราคะในใจของเขาลุกโชนอยู่ จะต้องผลักพระสนมลี่ล้มลงจึงจะสะใจ
ผู้ชายก็เป็นนิสัยเช่นนี้แหละ สิ่งของที่ยิ่งควบคุมได้ยาก ก็ยิ่งรู้สึกล้ำค่า จะต้องได้ควบคุมจึงยอมจบ
เขากำลังจะตามขึ้นไป ซูจื่อหลุนกลับก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลงทูลว่า “ฝ่าบาท มู่ฉุนเฟิงกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เย่เทียนชะงัก “มู่ฉุนเฟิงหรือ?คนนี้คือใครหรือ?
สมองของเขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว พยายามค้นหาในความทรงจำของตัวอักษรมู่ฉุนเฟิงสามตัวนี้ แต่ในความทรงจำที่รางเลือนของฮ่องเต้ผีตายโหงเหมือนไม่มีคนคนนี้คงอยู่สักนิด
คนนี้เขาทำเกี่ยวกับอะไรน่ะ? เขาอยากถามซูจื่อหลุนมาก ยังกังวลว่าจะทำให้เขาสงสัย ตาแก่คนนี้ถือว่าปฏิบัติรับใช้อยู่ข้างฮ่องเต้ผีตายโหงตลอดปี มีความเข้าใจต่อฮ่องเต้ผีตายโหงอย่างมาก อืม วันหลังหาข้ออ้างปลดตาแก่คนนี้ออกเลย!
เย่เทียนอยากไปตำหนักของพระสนมลี่เดี๋ยวนี้ คิดแล้วก็กดความคิดที่รุนแรงนี้ลงดีกว่า พูดกับซูจื่อหลุนว่า “นำทาง”
ในห้องทรงงาน โอรสสวรรค์เย่เทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สังเกตดูมู่ฉุนเฟิงที่หมอบกราบอยู่บนพื้น
มู่ฉุนเฟิงใบหน้าผอมใส สีหน้าเย็นชา แววตาลึกล้ำคาดเดาไม่ได้ ภาพทรงจำที่ประทับลึกซึ้งต่อคนคนนี้ที่เก่งกล้าฉลาด โหดร้ายเย็นชาไร้น้ำใจ
“ฝ่าบาท กระหม่อมไร้ความสามารถ ขอประทานโทษกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” มู่ฉุนเฟิงคุกเข่าขอประทานโทษที่พื้น ภายใต้สีหน้าเย็นชาปรากฏความกังวลเล็กน้อย
“ลองพูดดู” เย่เทียนยกแก้วน้ำชาขึ้นมา เขาไม่รู้ว่ามู่ฉุนเฟิงทำเกี่ยวกับอะไร ยิ่งไม่รู้เขาทำเรื่องอะไรไป ในใจคาดเดาว่าฮ่องเต้ผีตายโหงสั่งมู่ฉุนเฟิงไปทำภารกิจอะไรกัน แต่มู่ฉุนเฟิงทำไม่สำเร็จเลย
“ฝ่าบาท กระหม่อมไร้ความสามารถ” มู่ฉุนเฟิงโขลกศีรษะขอประทานโทษอีกครั้ง จึงเล่าเรื่องต่างๆที่ผ่านมาอย่างละเอียดหนึ่งรอบ
เย่เทียนฟังเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เข้าใจในสาเหตุแล้ว
คำร่ำลือว่านางฟ้าเหยียนเยว่ของสำนักซวนงดงามหนึ่งเดียวในโลก ฮ่องเต้ผีตายโหง
เกิดจิตที่จะรับคนเข้าตำหนักหลัง สั่งมู่ฉุนเฟิงพาคนสืบหาร่องรอยของนางฟ้าเหยียนเยว่
มู่ฉุนเฟิงเดิมทีเป็นองครักษ์ลับในวังอุปถัมภ์ค้ำชูไว้ คุ้มครองความปลอดภัยของฮ่องเต้อย่างลับๆ เขารับบัญชาตรวจหาร่องรอยของนางฟ้าเหยียนเยว่ ไม่ว่าใช้กระบวนการใด จะต้องนำนางฟ้าเหยียนเยว่เข้ามาในวังให้ได้
มู่ฉุนเฟิงนำทหารองครักษ์ลับสามสิบกว่าคน สืบหาไปทั่วทิศทั้งแผ่นดิน ในที่สุดท่านก็ได้ข่าวร่องรอยของนางฟ้าเหยียนเยว่นำราชโองการกดขี่คนก่อนแต่ไม่สำเร็จ กลับถูกนางฟ้าเหยียนเยว่ดุด่า สุดท้ายลงมือฉุด นึกไม่ถึงนางฟ้าเหยียนเยว่วรยุทธลึกล้ำคาดเดาไม่ได้ มู่ฉุนเฟิง องครักษ์ทั้งหลายล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ หลังจากบางคนโดนทำร้ายไปแล้วที่เหลือตกใจกลัวจนหนี้เตลิดเปิดเปิง
เย่เทียนลูบคางอยู่ หรือว่านางฟ้าเหยียนเยว่คนนี้สวยกว่าพระสนมจิ่นกับพระสนมลี่หรือ? อุดมคติที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็คือนำนางงามหนึ่งในโลกเข้าอยู่ในตำหนักหลัง โดยธรรมชาติก็เลยเกิดความสนใจอย่างมากต่อนางฟ้าเหยียนเยว่
“เป็นหนึ่งในโลกจริงดั่งที่คำร่ำลือกล่าวมาหรือ?”
“ฝ่าบาท นี่คือภาพวาดของนางฟ้าเหยียนเยว่พ่ะย่ะค่ะ” มู่ฉุนเฟิงดึงภาพวาดหนึ่งม้วนออกจากอก ประคองด้วยสองมือ ไม่สามารถพาคนกลับเข้าวัง เท่ากับภารกิจล้มเหลวแล้ว โชคดีว่าในองครักษ์ที่พาไปมีฝีมือยอดเยี่ยมในด้านการวาดภาพ วาดหน้าตาของนางฟ้าเหยียนเยว่ออกมาได้
ซูจื่อหลุนรับภาพวาดในมือของมู่ฉุนเฟิง มา เปิดวางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นโน้มตัวถอยหลัง
เย่เทียนเดินไปดูใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะถูจมูกตัวเองอย่างแรง นางฟ้าในภาพวาด เสื้อขาวกว่าหิมะ ปลิวไปตามลม ตาคิ้วดั่งภาพวาด สีหน้าเงียบสงบดั่งพระจันทร์แรกขึ้น ลักษณะที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก สำรวมตน บุคลิกลักษณะที่เหนือกว่าสามัญชนทำให้คนลุ่มหลง
ผู้ที่วาดภาพต้องมีฝีมือยอดเยี่ยมในด้านการวาดภาพแน่นอน นางฟ้าเหยียนเยว่ในภาพวาดสีหน้าน่ารักใคร่ คล่องแคล่วปราดเปรียวดังมีชีวิต วาดจนคนในภาพดั่งมีชีวิตจริงแล้ว แต่นางฟ้าเหยียนเยว่ในคำร่ำลือสวยดั่งนี้จริงหรือ? จะไม่ใช่ผู้ที่วาดภาพ วาดเกินไปหน่อยหรือ?
เย่เทียนจ้องมองมู่ฉุนเฟิงถามว่า “นางฟ้าเหยียนเยว่ สวยดั่งในภาพวาดเช่นนี้จริงหรือ?”
มู่ฉุนเฟิงโน้มตัวลงกราบทูลว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้พูดปลดแม้แต่คำเดียวแน่นอน นางฟ้าเหยียนเยว่สวยดั่งนางฟ้าอย่างแท้จริง เตียวเหล่าลิ่วที่วาดภาพนี้ตอนเวลานั้นยังกล่าวว่า นี่คือผลงานที่พอใจที่สุดในชั่วชีวิตของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถวาดรูปร่างลักษณะงดงามที่หนึ่งเดียวในโลกของนางฟ้าเหยียนเยว่ ออกมาได้ทั้งหมด”
เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปดูภาพวาดที่วางอยู่บนโต๊ะอีก นางฟ้าเหยียนเยว่ในภาพวาดก็สวยจนสะเทือนฟ้าดิน วุ่นวายอย่างยิ่ง ทำลายประเทศราษฎรรับภัยแล้ว นั่นตัวจริงจะไม่ใช่ทำลายประเทศราษฎรรับภัยยิ่งมากกว่าอีกหรือ?
กำปั้นขวาของเขาชกไปที่กำปั้นซ้ายของตนเองอย่างรุนแรง แม่มึงเอ่ย งดงามถึงทำลายประเทศราษฎรรับภัยเช่นนี้ พี่จะต้องรับเข้าตำหนักหลังแน่ จะรักโปรดปรานทุกวัน!
มู่ฉุนเฟิงที่ยืนตรงอยู่ข้างๆดูกระวนกระวายเพราะเรื่องดำเนินการภารกิจล้มเหลว ตอนนี้เห็นท่าทางฮ่องเต้กัดฟันเต็มเปี่ยมด้วยความแค้น อดไม่ได้กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เสียงดัง ตุ้บ คุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมไร้ความสามารถ ขอฝ่าบาทประทานโทษพ่ะย่ะค่ะ”
เย่เทียนงุนงงจ้องมองนางฟ้าเหยียนเยว่ในภาพวาดคิดเหลวไหล ความคิดที่สกปรกเต็มสมอง ผ่านไปเป็นเวลานานถึงรู้สึกตัวกลับมา เขาไม่ได้ให้ มู่ฉุนเฟิงที่หมอบกราบวอนขอประทานโทษอยู่กับพื้นลุกขึ้นมา แต่หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ก่อน ค่อยๆยกแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มแล้วหนึ่งคำ จากนั้นจ้องมองมู่ฉุนเฟิง แล้วกล่าวว่า “มู่ฉุนเฟิงเธอจงรักภักดีต่อข้าหรือไม่?”
มู่ฉุนเฟิงโขลกศีรษะอีกครั้ง กล่าวอย่างเสียงดังว่า “กระหม่อมจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ฟ้าดินเป็นพยานได้พ่ะย่ะค่ะ”
เย่เทียนรู้สึกพอใจมาก ดวงตาคือหน้าต่างของจิตใจ ดวงตาของมู่ฉุนเฟิงเผยให้เห็นถึงจิตใจเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านและเกรงกลัว ยังมีความหวาดกลัวบางส่วนที่เรื่องเพราะดำเนินการล้มเหลวแล้วกังวลจะได้รับการลงโทษหนัก
นี่ก็นับได้ว่าเป็นปฏิกิริยาที่เป็นปกติ
เขาลุกขึ้นมา ใช้เสียงเย็นชากล่าวว่า “ข้าถือว่าเจ้าแม้ไม่มีคุณงามความดี แต่ก็ยังมีความทุ่มเทกับงานมาก ให้เจ้าโทษไม่ถึงตาย แต่ก็ไม่สามารถพ้นจากความผิดได้ ลงโทษให้เจ้าคุกเข่าอยู่นี่ 1 วัน 1 คืน!”
“ขอบพระคุณฝ่าบาทที่ไม่ประหารชีวิต” มู่ฉุนเฟิงซาบซึ้งพระคุณจนหมอบลงอยู่กับพื้นโขลกศีรษะขอบพระคุณสุดชีวิต
เย่เทียนมาถึงวังเฉิยนชิง หาข้ออ้างจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ ไล่หัวหน้าใหญ่ผู้ดูแลรับใช้ภายในซูจื่อหลุนออกไป
พระสนมจิ่นดีใจจนพูดถูกพูดผิดบ้าง “ฝ่าบาท หม่อมฉัน...ยังไม่ทันที่จะหวีผมล้างหน้าขอฝ่าบาทประทานโทษ.......เพค่ะ”
เขาร่วมรักครั้งแรก ทั้งยังสู้รบหลายสนาม หลังตื่นนอนทานอาหารแล้วยังรู้สึกร่างกายอ่อนเพลีย ก็เลยนอนลงไปพักอีกสักหน่อย กลับนึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้เลิกประชุมเร็วขนาดนี้ ยังบุกเข้ามากะทันหันอีก เขายังไม่ทันที่จะแต่งตัวหวีผมล้างหน้าเลยนะ
เย่เทียนกอดเขาไว้หัวเราะคิกๆกล่าวว่า “ที่รัก เธอรู้ไหมว่าลักษณะเธอในตอนนี้ ยิ่งทำให้ในใจข้าอยากมาก”
พระสนมจิ่นในตอนนี้แค่สวมเสื้อคลุมบางดั่งปีกจิ้งหรีด ยิ่งปรากฏรูปร่างงดงามโดดเดี่ยวที่กระชากวิญญาณ ผมนุ่มเงางามแม้ว่าฟูบ้าง แต่ท่าทีเกียจคร้านที่เพิ่งตื่นนั้น กลับเพิ่มเสน่ห์ที่สะเทือนใจให้เขาอีก
สำหรับคนสวยสุดหนึ่งในโลก แม้กระทั่งโกนหัวโล้นก็ยังทำให้ล่มเมืองล่มประเทศชาติได้เช่นกัน ให้คนลุ่มหลงจนตายโดยไม่ต้องชดเชยด้วยชีวิต
“ฝ่า...ฝ่าบาท... หม่อมฉัน....รับไม่ไหวแล้ว....ขอฝ่าบาทถนอมสักหน่อย....” รู้สึกถึงกายมังกรของฮ่องเต้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน พระสนมจิ่นกลัวจนสีหน้างดงามซีดเซียว ขอร้องไม่หยุด ถ้าหากฮ่องเต้สู้รบหลายสนามอีกในตอนนี้ ก็จะเอาชีวิตของเขาไปแล้วจริงๆ
“ที่รัก” เย่เทียนตื่นเต้นจนกอดพระสนมจิ่นอย่างแน่น ในใจมีความภาคภูมิใจขึ้นมาทันที สามารถฆ่าผู้หญิงที่อยู่บนเตียงจนกลัว ความสะใจนั้นจะจบในคำเดียวได้หรือ?
“ที่รัก ข้าจะถนอมเจ้าให้อย่างดีๆแน่ แฮ่ แฮ่” เขาก้มหัวเราะคิกคิกอยู่ เท้าหมาป่าสอดเข้าหน้าอกของพระสนมจิ่นค้นหาจุดงดงาม จับจนพอใจแล้วจึงค่อยๆดึงเท้าหมาป่ากลับมาอย่างไม่เต็มใจ
ชีวิตจักรพรรดิของข้า