ชีวิตจักรพรรดิของข้า
บทที่23 สิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก
บทที่23 สิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก
ของบรรพบุรุษเหรอ?
ครั้งนี้กลายเป็นเย่เทียนที่ต้องเบิกตาโต แต่พอมาไตร่ตรองดูดีๆแล้วก็ไม่น่าจะแปลกมากสักเท่าไหร่ เพราะนางบำเรอของฝ่าทาบมีมากยังไงล่ะ ถ้าไม่นับฝ่าทาบนี เพียงแค่นางสนมและคนที่มีความสามารถล้อเหลือต่างๆ แน่นอนว่ามีอยู่ไม่น้อย สามพันคนอาจจะดูมากไปหน่อย แต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยเนี่ยยังพอจะเป็นไปได้ วันละคนๆ ถ้าเป็นแบบนี้แม้แต่ซุปเปอร์แมนเองก็คงจะกลายเป็นไม้เสียบผีไร้น้ำยาได้ ถ้าอยากมีพละกำลังมากขึ้น แน่นอนว่าจะต้องเรียนรู้เทคนิคพวกนี้
บรรพบุรุษที่ค้นพบ《บังทึบลับของฮ่องเต้》คงจะเป็นญาติๆกันนี่แหละ เขาหัวเราะคิกคักขึ้น
เย่เทียนรีบถามต่อ:“บันทึกลับนั่นอยู่ที่ไหน?”
ซูจื่อหลุนยิ้มขึ้นพลางมองไปที่โต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีหนังสือหลายเล่มวางเรียงกันอยู่ ส่วน《บังทึบลับของฮ่องเต้》เล่มนั้นถูกเสียบอยู่ตรงกลาง แต่ก่อน เขาเคยให้ฝ่าทาบฝึกฝน แต่ฝ่าทาบกลับไม่สนใจ ทำไมวันนี้ถึงคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้นะ?
เย่เทียนรีบเปิดดูหนังสือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》ที่บรรพบุรุษเป็นคนส่งต่อมาให้ ทั้งเล่มถูกเขียนด้วยภาษาจีนตัวเต็ม แต่ถ้าอ่านผ่านๆก็พอจะอ่านออกอยู่บ้าง
เขาค่อยๆอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ทีละหน้าๆ หน้าแรกๆนั้นมีเพียงประวัติต่างๆของฮ่องเต้องค์ก่อนที่ถูกเขียนขึ้นด้วยมือ และความรู้ต่างๆ เย่เทียนก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงอ่านต่อไปเรื่อยๆ จนหาสิ่งที่เขาต้องการเจอในที่สุด
เขาถือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》ขึ้นมา ก่อนจะยิ้มพลางอ่าน《เคล็ดลับฮ่องเต้》ไปด้วย ตกดึกมีนางบำเรอถึงสิบคนมาบำเรอเขา แต่วันนี้เขาไม่อ่อนแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขากลับรู้สึกอิ่มเอิบเป็นอย่างมาก ถึงขาดนี้ว่าน้ำลายแทบจะหกออกจากปากเลยทีเดียว สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแสงวิบวับระยิบระยับ มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆเลย ฮ่าๆ!
《เคล็ดลับฮ่องเต้》เล่มนั้นเป็นบันทึกที่รวมเวทมนตร์และเทคนิคต่างๆเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีบันทึกต่างๆของฝ่าทาบในอดีตรวมอยู่ด้วย ฝ่าทาบที่ดุเดือดที่สุดนั้น หลับนอนกับหญิงถึงสิบคนได้โดยที่กำลังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขามาความสุขมากจนถึงเที่ยงวัน เย่เทียนถึงจะระงับอารมณ์และความกระหายที่อยู่ภายในจิตใจได้ ก่อนจะมองไปทางซูจื่อหลุน:เจ้าซู ฝ่าทาบองค์นี้คงไม่ได้หลอกคนใช่ไหม หลับนอนกับนางสนมถึงสิบคนในยามค่ำคืนโดยที่ไม่หมดพละกำลัง นี่คงไม่ได้เกินจริงไปใช่ไหม?
ซูจื่อหลุนคำนับก่อนจะกล่าวว่า:“ฝ่าทาบ จริงแท้แน่นอน เพราะตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนกำลังมีความสุขอยู่นั้น เขาเองก็ยืนปรนนิบัติอยู่ไม่ห่างกาย
เย่เทียนยกมือขึ้นถูจมูก สิ่งที่เจ้าซูหมายถึงนั้น ก็คือขณะที่บรรพบุรุษของตนกำลังทำเรื่องอย่างว่านั้น ตัวเขาเองก็ยืนอยู่ข้างกายไม่ได้จากไปไหน ถ้าอย่างนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ 《บังทึบลับของฮ่องเต้》เล่มนี้เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฮ่าๆ
หลังจากสำราญสุขจนพอใจ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่จอมโจรผู้นั้นแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือการทำให้หญิงต้องอับอายและเสื่อมเสียแบบนี้ ลากมันไปตัดคอบัดเดี๋ยวนี้”
หลิวหวยฉุนผู้น่าสงสารยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไปทำผิดต่อฝ่าทาบตอนไหน เขาตกใจจนตาเหลือก จนแทบจะเป็นลมไปต่อหน้า ถึงขนาดที่ว่าจะอ้าปากร้องขอชีวิตเขายังพูดไม่ออกเลย
ก็ต้องโทษโชคชะตาของเขาเอง เพราะพลาดไปเพียงนิดเดียว ถ้าหากว่าไม่มีหนังสือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》เล่มนั้น เพียงแค่เขาแสดงเวทมนตร์ต่างๆที่ร่ำเรียนออกมาให้เห็น แน่นอนว่าเย่เทียนจะไม่จับเขาไปตัดหัว เผลอๆอาจจะให้ตำแหน่งแก่เขาด้วย แต่แน่นอนว่า ก่อนอื่นต้องตัดแก่นกลางทิ้งก่อน จนต้องกลายเป็นขันทีหลิว
ฝ่าทาบต้องพูดคำไหนคำนั้น เย่เทียนเอาเงินออกมาทั้งหมดหนึ่งแสนก้อนก่อนจะส่งให้กับมู่ฉุนเฟิง เขาจะแบ่งกันอย่างไร อันนั้นมันเป็นสิ่งที่มู่ฉุนเฟิงต้องคิดเอาเอง เขาคงไม่ได้ถามอะไรต่อ ส่วนการเลื่อนยศให้สามขั้นนั้น คงจะเลื่อนให้ในภายภาคหน้า แต่ถึงอย่างไร เขาก็สัญญาเอาไว้กับมู่ฉุนเฟิงและคนอื่นๆเรียบร้อยแล้ว
มู่ฉุนเฟิงและองครักษ์ลับนั้นซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ทั้งหมดคุกเข่าลง แล้วสาบานตนว่าจะจงรักภักดีจวบจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ซูจื่อหลุนเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฝ่าทาบ ถึงเวลาไปว่าราชการแล้วขอรับ”
เย่เทียนมองบน “ไปบอกว่าวันนี้ฉันไม่ค่อยสบายก็แล้วกัน วันนี้ฉันไม่ไปว่าราชการแล้ว ถ้ามีอะไรต้องตัดสินใจเก็บไว้ก่อนเลย”
“……”ซูจื่อหลุนพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นว่าฝ่าทาบถือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》อยู่ในมือและดูเหมือนจะไม่วางลงเลย เขาคงไม่ได้จะฝึกฝนตอนนี้ใช่ไหมเนี่ย?
นอกจากฝ่าทาบแล้ว ก็มีแค่เขานี่แหละที่เป็นคนธรรมดาแต่มีโอกาสได้อ่านหนังสือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》 ในหนังสือไม่ได้มีแค่การฝึกศาสตร์ และเวทมนตร์ต่างๆของฝ่าทาบ นอกจากนี้ยังมีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมบันทึกอยู่ด้วย——พลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้
แต่ก่อน ฝ่าทาบเองก็เคยอยากร่ำเรียนและฝึกเวทย์ต่างๆในหนังสือ《เคล็ดลับฮ่องเต้》 แต่เมื่อฝึกฝน ก็ต้องฝึกพลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้ให้ได้เสียก่อน เพื่อจะทะลุแดนชั้นห้าให้ได้เสียก่อน จึงจะฝึกเคล็ดลับฮ่องเต้ต่อได้ การฝึกฝนถึงจะได้ผลไปมาก
แต่ทว่าฝ่าทาบนั้นเกียจคร้าน ไม่ยอมอดทนฝึกเลยแม้แต่นิดเดียว มัวแต่เมาสุราอยู่ทั้งวันทั้งคืน เขาจึงไม่ได้เตือนให้ฝึกฝนอะไรต่อไปแล้ว มาวันนี้จึงยกเรื่องเดิมขึ้นมาพูดใหม่ เขาเตือนฝ่าทาบอีกรอบว่า:“ฝ่าทาบ ถ้าจะฝึกเคล็ดลับฮ่องเต้ ต้องฝึกพลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้ให้ได้เสียก่อน”
พลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้ถือเป็นศิลปะชั้นสูง เรียกได้ว่าเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่หนึ่งในห้าของโลก เลื่องชื่อในด้านความแกร่งกล้า ซูจื่อหลุนที่เป็นขันที ถึงจะอยากแอบฝึกอย่างไรก็ไม่สามารถฝึกได้
“ทำไมมันถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้?”เย่เทียนบ่นขึ้น เมื่อเขาอ่านวิธีการฝึกพลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้แบบผ่านๆแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวนัก เพียงแต่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก และต้องฝึกจนผ่านสิ่งสำคัญทั้งห้าอันดับแรกไปให้ได้ก่อน ส่วนหลังจากนั้นการฝึกก็จะเป็นการหลับนอนซะส่วนใหญ่ พลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้สามารถฝึกฝนได้ตามธรรมชาติ นับว่าเป็นสิ่งที่วิเศษจริงๆ
เพื่ออุดมคติอันใหญ่ยิ่งของท่านพี่ และเพื่อให้นางบำเรอทั้งหมดได้อิ่มเอมกับสัมพันธ์สวาทนั้น ก็คงจะต้องฝึกหนักเป็นธรรมดา
สีหน้าของฝ่าทาบนั้นแสดงออกถึงความตั้งใจ จนซูจื่อหลุนเองก็รู้สึกโล่งใจ ฝ่าทาบทุกพระองค์ที่ผ่านมานั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชำนาญเกี่ยวกับศิลปะแขนงนี้กันทั้งนั้น เมื่อถึงยุคของเย่เทียนมันก็เริ่มถูกปล่อยปละละเลย ยังดีที่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจฝึกฝนมันจนได้ ถ้าไม่อย่างนั้นฝ่าทาบคงจะต้องไปนั่งผิดหวังอยู่กับ พระสนมลี่เป็นแน่
เมื่อนึกถึงพระสนมลี่ ดวงตาพร่ามัวของเขาก็กลับเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นยะเยือก เพราะตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะไม่มีใครหน้าไหนมาชิงบัลลังก์ได้
ซูจื่อหลุนรู้เป็นอย่างดีว่า ถ้าเขามีความทะเยอทะยานมากพอ การจะชิงบัลลังก์มานั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่เขาไม่สามารถทำได้ลงคอ นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นขันทีอีกด้วย ถึงทำไปยังไงก็ล้มเหลว
แทนที่จะเสี่ยง เขายอมทำหน้าที่หัวหน้าผู้ดูแลรับใช้ภายในวังต่อไปอย่างมั่นคงยังจะดีซะกว่า มีสุภาษิตกล่าวเอาไว้ว่า หนึ่งราชวงศ์สองฝ่าทาบ เย่เทียนเป็นฝ่าทาบที่นั่งอยู่ ส่วนตัวเขานั่นเป็นฝ่าทาบที่ยืนอยู่ เขายอมอยู่ภายใต้คนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนอีกนับหมื่น เพียงเท่านี้เขาก็พึงพอใจมากแล้ว
ซูจื่อหลุนนั้นรับใช้ฝ่าทาบของราชวงศ์ตระกูลเย่อย่างจงรักภักดีมาถึงสามช่วงอายุคนแล้ว แต่น่าเสียดายที่ เย่เทียนนั้นยังมีกำแพงกั้นในใจกับเขาอยู่มาก
แต่ก็ไม่แปลกใจที่เย่เทียนจะเป็นแบบนี้ เพราะแท้จริงแล้วผืนแผ่นดินแห่งนี้ก็ไม่ใช่ของเขา มีเพียงแค่จิตวิญญาณเท่านั้นที่ครอบครองร่างกายของเขา เพราะฉะนั้น นอกจากพระสนมจิ่นกับสี่เอ๋อแล้ว คนที่เขาเชื่อใจมากที่สุดก็มีเพียงแค่มู่ฉุนเฟิงเท่านั้น ส่วนคนอื่น เขาก็มีกำแพงกั้นอยู่ภายในจิตใจทั้งนั้น
ตอนนี้เย่เทียนมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เขาตั้งใจที่จะฝึกพลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้ ดังนั้นเขาจึงไล่ซูจื่อหลุนและทหารยามทั้งหมดออกไป จนเหลือแค่มู่ฉุนเฟิงเพียงคนเดียว และให้เขาสอนการฝึกพลังมหัศจรรย์ฮ่องเต้
ไม่ว่าจะเป็นศาสตราวุธไหนบนโลกใบนี้ ก็มีจุดกำเนิดเหมือนกันทั้งนั้น การฝึกฝนพลังจิตนั้นก็เป็นหนึ่งในวิธีการกำหนดลมหายใจ จุดที่รวบรวมพลังปราณ ผ่านหลอดเลือดที่สำคัญภายในร่างกายทั้งสิบสองเส้น การกำหนดลมหายใจนั้น เพียงแค่เย่เทียนฝึกตามที่หนังสือ《บังทึบลับของฮ่องเต้》จดบันทึกเอาไว้ก็ได้แล้ว สิ่งที่เขาไม่เข้าใจเพียงอย่างเดียวคือเรื่องทวารที่สำคัญทั้งหมดของเรือนร่างมนุษย์ เรื่องนี้จึงจำเป็นจะต้องมีผู้ที่เก่งกาจสามารถมาให้คำแนะนำ
ฝ่าทาบเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยเหรอ?
มู่ฉุนเฟิงก็รู้สึกตกใจที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจถึงเพียงนี้ เขาแนะแนวเรื่องทวารที่สำคัญทั้งหมดของเรือนร่างมนุษย์และเส้นเลือดหลักให้กับเย่เทียน ถ้าหากเขาไม่เคยฝึกฝนกรงเล็บเก็บวิญญาณซวนยิงมาก่อน หรือกำลังภายในของเขาที่เดินสายชั่ว เขาก็อยากจะทำการเปิดทวารทั้งหมดแทนฝ่าทาบ
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงเที่ยงวัน เย่เทียนถึงจะลองรวบรวมพลังปราณเพื่อเปิดทวารที่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝนศาสตร์นี้หรือไม่ แต่การรวบรวมพลังปราณเพื่อเปิดทวารที่หนึ่งของเขาถือทำได้เร็วเลยทีเดียว
ชีวิตจักรพรรดิของข้า