ชีวิตจักรพรรดิของข้า
บทที่ 3 ในที่สุดก็หายอยาก
บทที่ 3 ในที่สุดก็หายอยาก
เสียงกระโชกที่เดือดดาลตะโกนตอบกลับไป “ไม่ให้เข้าพบ ถ่ายทอดคำสั่ง ใครกล้ามารบกวน ประหารสถานเดียว!”
พระสนมลี่ที่เคยถูกฝ่าบาทรักใครเสน่หามากที่สุดไม่คิดว่าตัวเองจะถูกกันให้อยู่ด้านนอกเข้าไปไม่ได้ กระทืบเท้าอย่างแรงขึ้นมา จากนั้นก็จากไปพร้อมกับขันทีและนางในรับใช้ทั้งหลาย
ข้าราชบริพารทั้งหลายที่รออยู่ด้านนอกพลันมองหน้ากันไปมา พระสนมลี่ที่ฝ่าบาทรักใคร่มากที่สุดในวังหลังจากพระสนมสามพันกว่าคนกลับถูกกันไม่ให้เข้า บัญชาสวรรค์ยากจะคาดเดาจริงๆ ใครอยากจะเอาคอไปลองของกัน
แม่เอ้ย ตอนนี้ไม่มีใครกล้ารบกวนแล้วนะ
เย่เทียนถูจมูกตัวเองอย่างแรงทีหนึ่ง ใช้ความเร็วดุดดังเสือกระหายที่อดหยากมาเป็นอาทิตย์โถมเข้าใส่ลูกแกะน้อย “จุ๊บๆจิ่นเอ๋อ เวลามีค่าดังทอง พวกเรามาทำไอ้นั่นกันเถอะนะ...อืมม......”
พระสนมจิ่นที่โดนลอกคราบเปลือยเปล่าราวลูกแกะเมื่อได้ยินขันทีด้านนอกขานว่าพระสนมลี่ขอเข้าพบ สีหน้าของเธอที่แดงซับสีเลือดพลันซีดเผือด แต่เห็นปฏิกิริยาของฝ่าบาทแบบนี้ สีหน้าของเธอก็พลันตกตะลึงขึ้นมา และก็รู้สึกดีขึ้นมาอยู่หลายส่วน อย่างไรก็ตาม แววตาของเธอก็ยังคงสับสน
แต่ว่าเห็นดวงตาของฝ่าบาทแดงก่ำ หน้าผากขมวดเป็นชั้น กริยาท่าทางรุนแรงน่ากลัว เหมือนกับปีศาจที่จับคนกินอย่างไรอย่างนั้น พระสนมจิ่นเห็นได้ชัดว่าตกใจเหลือประมาณ ห่อร่างกายตัวเอง กล่าวเสียงสั่น “ขอฝ่าบาทกรุณาถนอม....หม่อมฉันยัง.....ยัง.......อ๊า......”
เสียงนั้นเปล่งออกมาเนื่องจากพลันรู้สึกเจ็บจึงร้องครางออกมา ทำให้ข้าราชบริพาร นางใจและขันทีพากันรออยู่ด้านนอกตกใจไปตามๆกัน มองหน้ากันเลิกลัก ใครก็ไม่รู้ได้ว่าฝ่าบาทและพระสนมทำอันใดอยู่ด้านใน แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ร้องขึ้นมาของพระสนมจิ่น บางที พระสนมจิ่นอาจจะทำอะไรผิดและถูกฝ่าบาทที่เดิมอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วตบเอาก็ได้.....
พวกเขาไม่รู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ละคนพยายามเงี่ยหูฟังกันสุดฤทธิ์ เพื่อจะได้ฟังเสียงด้านในที่ลอดออกมาให้ชัดขึ้น
ขุนนางอำมาตย์ที่มีความรู้ทั้งวิชาการและการสู้รบยืนถกเถียงกันด้วยเสียงต่ำอยู่ด้านนอก สีหน้าท่าทางของแต่ละคนแปลกประหลาดใจ แต่คนที่มีไหวพริบก็จะมองได้ออก ขุนนางพวกนี้แบ่งกันเป็นหลายฝักหลายฝ่าย พวกเขาล้วนกังวลในความก้าวหน้าในอาชีพของตนเอง
การแก่งแย่งอำนาจในราชวงศ์นั้นน่าสงสารเป็นที่สุด แต่พวกขุนนางที่กินข้าวในวังนี้กลัวที่สุดก็คือยืนผิดข้าง หากยืนผิดข้างแล้วนั้น ผลก็คือตกที่นั่งลำบากถูกประหาร ประหารเก้าชั่วโคตร หากเลือกถูกข้าง อนาคตก็สดใส ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นใหญ่
พวกเขากำลังถกเถียงกันอย่างวุ่นวายว่าในห้องบรรทมเกิดเรื่องอะไรขึ้น และหมอหลวงจ้าวเป็นคนสุดท้ายที่ออกมาดังนั้นจึงกลายเป็นจุดสนใจให้ถามไถ่
เมื่อปรากฏว่าขุนนางทั้งหลายพากันกรูเข้ามาสอบถาม หมอหลวงจ้าวก็สีหน้าแช่มชื่น เพราะได้รักษาความลับของฝ่าบาทและไม่ได้ล่วงเกินพวกขุนนางใหญ่
พวกขุนนางที่รีบร้อนอยากจะรู้ตื้นลึกหน้าบางแต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ ได้แต่ลอบสบถด่านหมอหลวงจ้าว อยู่ในใจ ว่าเป็นไอ้พวกปลิ้นปล้อน หน้าไม่อายขนาดหนัก
ก็ไม่รู้ว่ารออยู่นานเท่าใด พวกที่ยืนอยู่ทั้งหมดขาสองข้างชา แต่เพราะหน้าตาที่ต้องรักษาทำให้ไม่มีใครกล้าลงนั่ง ได้แต่ยืนมองไปยังกระดาษห้องบรรทมอย่างตาละห้อย
ซูจื่อหลุนหัวหน้าขันทีในวังเดินออกมาจากห้องบรรทม กล่าวเรียกนางในหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ด้านข้าง “สี่เอ๋อ รีบเข้าไป ฝ่าบาทเรียกเจ้าแหนะ”
นางในวัยรุ่นสะสวยรีบตามซูจื่อหลุนวิ่งเข้าไปอย่างเร่งรีบ ทำให้คนอื่นเปิดประเด็กถกเถียงกันอีกรอบ
สี่เอ๋อ เป็นนางในข้างตัวของพระสนมจิ่นตอนที่แต่งเข้ามาในวัง ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างดีมีไหวพริบ ปากหวาน เป็นที่ชื่นชอบของคนในวัง
ขุนนางใหญ่ทั้งหลายก็เริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง ก็เดาทางไม่ถูกว่าฝ่าบาทรอบนี้มาไม้ไหน แต่ว่า แต่ทว่าขุนนางใหญ่ที่พอจะฉลาดอยู่บ้างเห็นการโดยตลอดตั้งแต่พระสนมลี่ขอเข้าพบแต่ถูกปฏิเสธ ฝ่าบาทเรียกสี่เอ๋อเข้าไปในใจก็พลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติขึ้นมาเป็นระลอก
ภายในห้องบรรทมอันสวนตระการตา เตียงหลังใหญ่ที่สลักอย่างวิจิตร เย่เทียนที่ได้สมดังใจแล้วหัวเราะอยู่บนเตียง พร้อมกับพระสนมจิ่นที่เอียงอายและสับสน หอบหายใจเสียงดัง บนหน้าปรากฏแววสุขสมถึงขีดสุด
ในที่สุดพี่ก็หายอยาก แหะๆ แต่ว่า ยังบริสุทธิ์ด้วย ถูกใจเป็นที่สุด ผู้หญิงของพวกนายหรือภรรยาสวยได้เท่าผู้หญิงของพี่หรือเปล่า สวยสง่าได้เหมือนพระสนมจิ่นของพี่มั๊ย
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ระหว่างชายหญิงมาก่อน เคยแต่จับหนังโป๊ไม่รู้กี่ครั้ง ไก่อ่อนที่รู้แต่หลักการทั้งร้อนรนทั้งรุนแรง ที่คิดไปไม่ถึงกว่านั้นก็คือ พระสนมจิ่น ที่เข้าวังมาได้ปีกว่ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ ภายใต้ความร้อนรนและรุนแรง ผลก็มันก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่
หัวหน้าขันทีฝ่ายในซูจื่อหลุนยืนอยู่หน้าประตูห้องบรรทม ขยับปาก ส่งสัญญาณให้ สี่เอ๋อเข้าไปด้านใน ฝ่าบาทเรียกแต่สี่เอ๋อเข้าไปด้านใน ไม่มีคำสั่งฮ่องเต้ เขาไม่กล้าเข้าไปโดยพลการ
สี่เอ๋อไม่ทราบว่าภายในห้องบรรทมเกิดอะไรขึ้น พระสนมจิ่นที่เปล่งเสียงโหยหวนออกมาชวนให้ตกใจนั้น หากว่าไม่มีทหารยามกันไว้ เธอรีบเข้าไปตั้งแต่แรกแล้ว
เธอรีบรุดเข้าไปอย่างประหวั่น ทว่าพอเห็นสถานการณ์ด้านใน ก็ตกใจตนต้องก้มหน้างุด สองแก้มแดงปลั่ง
ถึงแม้เธอจะยังไม่เคยผ่านเรื่องชายหญิงมาก่อนแต่เคยได้ยินพี่น้องเล่าถึงเรื่องการเข้าหออยู่บ้าง รู้งูงูปลาปลา แต่ก็มองออกว่าเมื่อซักครู่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พลันก็ตะลึงงั้นไป
เย่เทียนหัวเราะพลางพับผ้าห่มสีขาว ค่อยๆ เข้าหาอกอย่างระวัง แล้วยังตบอกเบาๆ แสดงถึงความรักใคร
พระสนมจิ่นเขินอายจนตัวม้วน กล่าวอย่างเอียงอายว่า: “ฝ่าบาท...”
นั่นเป็นรอยเลือดสาวบริสุทธิ์ของเธอ เป็นหลักฐานว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ แต่ทว่า ผู้ชายไก่อ่อนบางคนรีบร้อนและรุนแรง กระทำกับเธออย่างหนักมือ พอคิดตรงนี้ก็เกิดกลัวขึ้นมา ตอนนี้ก็ยังอดทนต่อความเจ็บลุกขึ้นมารับใช้ฝ่าบาท
เย่เทียนพอได้ปลดปล่อยความอดอยากทั่วทั้งร่างก็เบาสบาย อยากจะตะโกนกู่ร้องแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา เขายังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ แต่ว่า พระสนมจิ่นที่เพิ่งเคยผ่านมือชายไม่ค่อยรู้เรื่องนักทำให้เขาไม่ค่อยตื่นเต้นมาก
โอบกอดพระสนมจิ่น จูบไปหลายที กล่าวปลอบใจไม่กี่ประโยค ก็ให้ซูจื่อหลุนเข้าพบให้เขาพาออกไปยังห้องอักษรบริเวณประตูด้านข้าง
ซูจื่อหลุนเป็นขันทีเก่าแก่ที่รับใช้ฮ่องเต้มาถึงสามรุ่นด้วยกัน เมื่อเดินเข้ามาเห็นความผิดปกติของพระสนมจิ่น ดูราวกับสลึมสลือ สายตาว่องไวก็เปล่งประกายออกมา
เมื่อฮ่องเต้เดินจากไป สี่เอ๋อที่สองแก้มแดงปลั่งก็กล่าวเสียงเบาว่า “ยินดีด้วยพระสนม ยินดีด้วยพระสนม”
ฮ่องเต้และพระสนมจิ่นร่วมหอลงโรงกันแล้ว แต่งานต่อจากนี้เป็นเธอที่ไม่เคยผ่านมือชายเช่นกันมาจัดการ รู้สึกเอียงอายอยู่ไม่น้อย
“เฮ้อ” พระสนมจิ่นถอนหายใจเบาเบา “ฉันเกรงว่าฝ่าบาทจะแค่ต้องการขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว...”
เธอแต่งเข้ามาในวังได้ปีกว่า ฮ่องเต้ไม่เคยข้าวล่วงเข้าห้องบรรทมของเธอแม้เพียงครั้ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะได้กระทำการเข้าหอเปลี่ยนเป็นสาวที่แต่งงานแล้วอย่างสมบูรณ์
สี่เอ๋อที่สีหน้าลอบแสดงความยินดีก็อย่างเงียบๆ เธอรับใช้ตู๋กูจิ่น มาแต่เล็ก ทั้งสองคนเหมือนพี่น้องไม่มีความลับต่อกัน ฮ่องเต้เอาอกเอาใจแต่กับพระสนมลี่มาโดยตลอด แต่นางจิ้งจอกนั่นไม่มีข่าวดี ฝ่าบาทมีบ้างที่ไปหาพระสนมอื่นถึงแม้จะท้องบุตรชายแต่กลับแท้งอย่างไรสาเหตุ ต่อมาก็ถูกประหาร
ในวังมีข่าวแพร่มาว่าเป็นเพราะพระสนมลี่เกิดความอิจฉาจึงลงมือปองร้ายสองพระสนมที่น่าสงสาร แต่จะจริงหรือเท็จก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน นางในและขันทีที่ปล่อยข่าวลือพวกนี้ล้วนถูกฮ่องเต้สั่งประหาร จากนั้นมาจึงไม่มีใครลือเรื่องนี้อีกเลย
นายบ่าวสองชีวิตนี้เกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่น มีบารมีก็มีด้วยกัน ตกที่นั่งลำบากก็ลำบากด้วยกัน สี่เอ๋อของเธอแน่นอนว่าหวังจะให้นายสาวของเธอเป็นที่สิเน่หาของฝ่าบาท ผลักพระสนมลี่ที่โหดร้ายทารุณให้กระเด็นไป แต่ว่า ได้ฟังพระสนมจิ่นกล่าวแบบนี้แล้ว เธอก็อดที่จะกังวลไม่ได้ว่าฝ่าบาทอาจจะแค่สนใจชั่วครู่ชั่วยาม เพียงแค่ถูกตาต้องใจ พระสนมจิ่น ชั่วคราวเท่านั้น
ชีวิตจักรพรรดิของข้า