ชีวิตจักรพรรดิของข้า

บทที่31 หญิงหม้ายมักถูกจับจ้องเป็นพิเศษ

บทที่31 หญิงหม้ายมักถูกจับจ้องเป็นพิเศษ

ขณะที่แพรบางปลิวไสวไปตามสายลม ข้างเตียงมีหญิงงามกำลังปรากฏกายขึ้น ราวกับเห็นดอกไม้งามในหมอกเมฆ ที่มีความพร่ามัวบดบังอยู่ ยิ่งทำให้เกิดความหลงใหลอย่างลึกลับ

เย่เทียนกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ในหัวของเขาแล่นไวราวกับขีปนาวุธ ทำอย่างไรถึงจะดึงดูดความสนใจของหญิงงามได้?

กู้ซีหยุนไม่รู้ตัวเลยว่าห่างออกไปนั้นมีชายที่มากไปด้วยตัณหากำลังแอบจ้องมองอยู่ นางนอนอยู่ข้างเตียง เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

วันวานผ่านพ้นไปอย่างไม่แย่นัก เพียงแต่ คฤหาสน์ใหญ่หลังนี้ขาดชายผู้เป็นช้างเท้าหน้าไป ตั้งแต่นางตบแต่งมาอยู่กับบ้านตระกุลหลิวได้สามเดือน เขาปฏิบัติกับนางในฐานะสามีเป็นอย่างดี แต่กลับมีความล้าสมัยเกินไป วันๆมัวแต่จดจ้องอยู่กับหนังสือ น้อยครั้งมากที่จะมาแสดงความรักต่อนาง เมื่อไม่น่ามานี้เพิ่งจะให้นางได้ลิ้มรสบนเตียงไปเอง

ส่วนผู้หญิงในบ้านตระกูลหลิวต่างตำหนิติเตียนว่านางเป็นตัวกาลกิณี ส่วนผู้ชายในบ้านตระกูลหลิวนั้นทำราวกับจะขย้ำนางอยู่ตลอดเวลา ขนาดพ่อตาที่น่าเคารพนั้นยังบีบบังคับให้นางสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อไม่ให้ตัวนางเองด่างพร้อยไปมากกว่านี้ เธอจึงจำเป็นต้องออกจากตระกูลหลิว และใช้ชีวิตด้วยตัวเอง

เห้อ ฉันจะมีความสุขได้อย่างไรนะ?

กู้ซีหยุนไม่หยุดที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ช่วงเวลาแห่งการอยู่คนเดียวนั้นแสนทุกข์ทรมานยิ่งนัก เด็กสาวอย่านางไม่อยากจะเสียเวลาวัยรุ่นไปแบบนี้อีกแล้ว นางไม่เกรงกลัวข่าวลือใดๆ มีคนกล้าที่จะมาดูตัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครเข้าตานางเลยสักคน ผู้ชายดีๆบนโลกใบนี้ได้ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้วหรืออย่างไร?

อากาศนั้นร้อนอบอ้าวจนเกินทน แม้ว่าจะมีถังน้ำแข็งวางอยู่ถึงสองถัง แต่นางยังคงรู้สึกร้อนอบอ้าวดังเดิม สิ่งที่ยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นคือหลังจากที่เธอได้ลิ้มรสชาติบนเตียงในคืนนั้น ทั้งเรือนร่างของนางนั้นมักจะรู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนที่ไหลเวียนอยู่ ความไม่สบายเนื้อตัวนี้ทำให้นางพลิกตัวไปมา นอนหลับยากขึ้น เห้อ นางขาดชายผู้เป็นช้างเท้าหน้าไป และวันเวลาที่ผ่านพ้นนั้นนางแทบจะไม่มีความสุขเลย

เมื่อนึกถึงความโชคร้ายของตนเอง ดวงตาของนางก็แดงก่ำ สายตาที่มองได้อย่างชัดเจนนั้นเปลี่ยนเป็นความพร่ามัว

ขณะที่นางกำลังเวทนาตนเองอยู่นั้นจู่ๆมีเสียงทุ้มต่ำของชายผู้หนึ่งลอยมา ทำให้นางตกใจ จนต้องลุกขึ้นนั่งโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะมองไปรอบๆ

สาวงามม้วนผ้าม่านที่มีลูกปัดเรียงร้อยขึ้น

พลางขมวดคิ้วอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยว

แต่กลับมีคราบน้ำตาเปียกโชก

ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าภายในใจนั้นคิดถึงผู้ใด?

เพื่อดึงดูดความสนใจจากหญิงงาม และเพื่อไม่เป็นการหยาบคายต่อสาวงาม เย่เทียนใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะจำกาพย์กลอนในราชวงศ์ถังและราชวงศ์หมิงมามาก แต่การจะให้หากลอนหวานๆสักบทนั้น ความยากก็ทวีคูณขึ้นไปอีก

ยังดีที่แต่ก่อนเขาเคยอ่านหนังสือนวนิยายสามก๊กมาก่อน ในหนังสือเล่มนั้นพอจะมีบทกวีอยู่บ้าง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเริ่มร่ายกลอนออกมา

เมื่อเห็นสาวงามมองมา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าตนเองหล่อเหลาและคูลที่สุดในโลก เขาพอจะเรียนรู้การแต่งกายมาจากซีรีส์ในละครย้อนยุคมาบ้าง เขารวบมือขึ้นเพื่อทำการทักทาย “แม่นาง ตัวข้านั้นมาดีนะ”

เมื่อเห็นชายที่กำลังเกาะอยู่ที่กำแพง เย่เทียนโผล่ขึ้นมาเพียงครึ่งตัวแถมยังรวบมือขึ้นมาทักทาย กู้ซีหยุนขมวดคิ้วขึ้น และรู้สึกละอายใจ ที่มีชายที่ดูบอบบางแถมยังไร้มารยาทแบบนี้ มาแอบมองตอนที่นางพักกลางวันอยู่คนเดียว มันช่างน่ารังเกียจสิ้นดี!

“พวกไร้ยางอาย!”นางทั้งอายทั้งรำคาญ จึงคว้าแอปเปิลที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วคว้างออกไปเต็มแรง

เย่เทียนยื่นมือออกไปรับแอปเปิลที่ถูกปามา เขาดมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกัดไปคำหนึ่ง ก่อนที่เขาจะส่ายหัวแล้วพูดว่า:“ช่างหอมหวาน ราวกับน้ำหวานที่หยดในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ พระคุณนี้ ข้าจะจดจำเอาไว้ในใจตลอดไป”

“……”กู้ซีหยุนยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมอีก ในตอนแรกเธอกะจะขว้างไปให้โดนเขา แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ แบบนี้เรื่องมันก็กลับตาลปัตร คนอื่นมาเห็นจะคิดได้ว่าเป็นคู่รักกำลังทะเลาะกันอยู่ ……

“หน้าไม่อาย!”แม่นางแก้มแดงผู้นี้จ้องไปที่เย่เทียนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลงจากเตียง แล้วสาวเท้าก้าวกลับไปที่ห้อง จากนั้นจึงปิดประตู“ปัง!”

เขานี่เป็นพวกคนไร้ยางอายจริงๆเลย!

กู้ซีหยุนพิงอยู่ตรงประตู เพราะนางอับอายและโกรธในเวลาเดียวกัน คนน่ารังเกียจผู้นี้ แถมยังกล้ามาหยอดนางแบบนี้อีก น่ารังเกียจสิ้นดี !

แต่ทว่า นางกลับไม่เคยฟังบทกวีนั้นที่ไหนมาก่อน

สาวงามม้วนผ้าม่านที่มีลูกปัดเรียงร้อยขึ้น พลางขมวดคิ้วอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยว แต่กลับมีคราบน้ำตาเปียกโชก ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าภายในใจนั้นคิดถึงผู้ใด?

ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เกิดมาเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่หญิงที่มีความสามารถมากมาย แต่นางก็อ่านหนังสือมาหลายเล่มตั้งแต่เธอยังน้อย แถมยังชื่นชอบบทกวีโด่งดังที่ถูกสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานาน

บทกวีนี้แสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าอาดูร ถึงแม้คำที่ใช้จะไม่งดงามสวยหรู แต่ก็มีความละเอียดอ่อน ลึกซึ้งมากเพียงพอที่จะแสดงความโศกเศร้าในใจเธอได้

ถือว่าเหมาะเจาะเลยทีเดียว……

ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแต่งขึ้นมาเองรึเปล่า?แต่ชายผู้นั้นก็หล่อเหลาเอาการอยู่ เพียงแต่ว่า……แต่ว่า……การกระทำออกจะน่ารังเกียจไปสักหน่อย……

เย่เทียนผู้ที่มาเกี้ยวพาราสีหญิงสาวนั้นได้เดินจากไปแล้ว จึงปีนลงจากบันไดลงมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะพูดกับมู่ฉุนเฟิงว่า:“ช่วยไปสืบให้ที สืบตั้งแต่โคตรเหง้าศักราชของนางมาเลยนะ!”

ถ้าอยากจะได้ดื่มด่ำกับหญิงงามนั้น การเข้าใจทุกๆอย่างของเธอก่อนถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หลังจากนั้นค่อยทำในสิ่งที่นางต้องการ แบบนี้ถึงจะจีบได้ง่ายขึ้น ฮ่าๆ

“รับทราบ”มู่ฉุนเฟิงโค้งคำนับ หลังจากที่จักรพรรดิเอ่ยบทกวีนั้นออกไป เขาก็เริ่มลงมือสืบข้อมูลของกู้ซีหยุนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า เขานั้นไม่ควรแสดงความเฉลียวฉลาดมากเกินไป โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิ เพราะจักรพรรดิควรจะเป็นคนที่ฉลาดที่สุด

กลุ่มองครักษ์ชุดดำนั้นทำงานได้ไวมาก ผ่านไปเพียงไม่นาน ข้อมูลอย่างละเอียดของกู้ซีหยุนก็ถูกส่งต่อให้เย่เทียนโดยทันที ขนาดเรื่องที่พ่อสามีตระกูลหลิวอยากมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางยังถูกจดบันทึกเอาไว้โดยละเอียดเลย

อันที่จริง กู้ซีหยุนถือได้ว่าเป็นหญิงที่มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวง คงจะง่ายต่อการค้นหา

นางยังสาว แถมยังร่ำรวยอีกต่างหาก นอกจากนี้นางเป็นแม่ม่ายสาวสวย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักนาง

เย่เทียนอ่านข้อมูลของนางพลางจิบชาไปด้วย เมื่อเห็นเรื่องโสมมของพ่อสามีนาง น้ำชาที่อยู่ในปากก็พุ่งออกมาทันที ถ้าตระกูลหลิวกล้าทำอะไรไปมากกว่านี้อีกละก็ ท่านพี่จะจับกุมให้หมดทั้งบ้าน ลงโทษทั้งโคตรเหง้าเลย!

เมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดจบ เขาก็ยื่นให้กับองครักษ์ของเขา ให้เก็บไว้ให้ดี เมื่อกลับไปจะอ่านอย่างละเอียดอีกรอบ

“ไปกันเถอะ ไปเดินดูที่ร้านขายผ้าของนางกัน”

กู้ซีหยุนเปิดกิจการอยู่ถึงสามแห่ง เรียกได้ว่ากิจการของนางนั้นไปได้ดีเลยทีเดียว ตอนนี้เขาว่างจนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงจะไปเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์สักหน่อย เผื่อว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับแม่นางกู้มากขึ้น

ทุกคนล้วนกล่าวว่าแม่หม้ายนั้นมักจะถูกคนจับจ้องมากกว่าคนปกติ ท่านพี่กำลังกังวลอยู่ ว่าสาวงามอย่างแม่หม้ายกู้ ต่อให้มีที่รับรองมากสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจรองรับชายจำนวนมากเหล่านั้นได้

ถนนอันกว้างขวางนี้ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรียงของเมืองนี้เป็นอย่างมาก

เย่เทียนอยู่ในความอารักขาของมู่ฉุนเฟิงและองครักษ์มังกรเสือ จากนั้นถึงเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์เพื่อไปที่ร้านขายผ้ากู้จี้ในเมืองฝ่ายเหนือ

กิจการของร้านขายผ้ากู้จี้นั้นดำเนินไปได้สวย ผู้คนที่มาเลือกซื้อผ้านั้นก็ไม่น้อย ส่วนมากเป็นผู้หญิง มีลูกค้าเพียงหนึ่งถึงสองคนที่ให้ช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามาวัดตัวให้ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกซื้อผ้าเพื่อนำกลับไปตัดเองที่บ้าน

ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่นั้น ส่วนมากมักผู้หญิงมักจะเย็บปักถักร้อยอยู่ที่บ้าน ซักเสื้อผ้าและทำกับข้าว ดูแลสามีและเลี้ยงลูก ส่วนมากมักฝึกฝนจนช่ำชองแล้ว เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็ตัดเย็บเองทั้งสิ้น น้อยมากที่จะซื้อเสื้อผ้าสำเร็จ

ไม่นานเย่เทียนก็จับจุดถูก ร้านที่มีเสื้อผ้าสำเร็จวางขายอยู่นั้นพอจะมีคนซื้ออยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยมาก กล่าวได้ว่า ร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในยุคสมัยนี้ นับได้ว่าเป็นร้านที่เงียบเหงา

เย่เทียนเดินเข้าไปในร้าน เขาหันหลังกลับไปมอง โดยไม่ระวังจนชนเข้ากับหญิงสาวนางหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าลายดอกไม้

“คุณชาย ข้าขอโทษ ”นางไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย ดูจากชุดที่นางสวมใส่แล้ว นางน่าจะเป็นแม่บ้านของครอบครัวใหญ่พอควร นางกอดม้วนผ้าดอกไม้สีแดงอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของนางแสดงออกได้ถึงความประหม่า

เย่เทียนยิ้มให้นางเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยวาจาด้วยความอ่อนโยน:“ต้องเป็นข้อมากกว่าที่ต้องขอโทษ”

“ขอบคุณค่ะ คุณชาย”เมื่อนางสัมผัสได้ถึงแววตาของเย่เทียน นางถึงกับหน้าแดงขึ้นมา นางรีบก้มหน้าลงต่ำ ปรายตามองเย่เทียน ก่อนจะกอดม้วนผ้าลายดอกไม้แล้ววิ่งออกจากร้านไป


ชีวิตจักรพรรดิของข้า
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 15 โพล
loading...