ชีวิตจักรพรรดิของข้า
บทที่ 37 กระบี่เย้ยยุทธจักร
บทที่ 37 กระบี่เย้ยยุทธจักร
มีคนรับใช้จัดโต๊ะอาหาร เย่เทียนผลักสาวที่ชื่อเสี่ยวเถาหงไปยังอ้อมอกของ มู่ฉุนเฟิง ตัวเองกอดหรูอี้ไว้ชิมอาหารไปหลายคำ
ส่วนมากพูดว่าเข้าโรงน้ำชาหลิวเซียง หากว่าไม่สามารถเชิญโออิรันสี่ผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมดื่ม ถือว่าไม่เคยมาถึงโรงน้ำชาหลิวเซียง เย่เทียนก็ไม่สามารถยกเว้นประเพณีนี้ได้ ให้คนเรียกแม่เล้ามา สั่งตามใจชอบให้คนใดคนหนึ่งในโออิรันสี่ผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมดื่ม
“โอ๊ยคุณชายเย่ ขออภัยจริงๆนะ” แม่เล้าบนใบหน้าเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มของมืออาชีพ “สาวๆทั้งสี่ล้วนร่วมดื่มกับแขกอยู่ ถอนตัวไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่ข้าน้อยช่วยเรียกสาวป๋ายหลิงมาให้ท่าน เพลงพื้นบ้านของ ป๋ายหลิง ถือว่ายอดเยี่ยมมากนะ เขาก็เคยเป็นโออิรันที่เคยดังเปรี้ยงอยู่ช่วงหนึ่งของหอนี้ล่ะ”
ที่เคย งั้นก็แสดงว่า ไม่ทันสมัยแล้วมู่ฉุนเฟิงตายี๋ใกล้จะบ้าแล้ว แม่เล้าคนนี้ไม่รู้จักความตาย กล้าดียังไงจะเรียกผู้หญิงที่ไม่ทันสมัยแล้วมาร่วมดื่มกับฮ่องเต้หรือ?
เย่เทียนโบกมือหัวเราะกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นสาวทั้งสี่ล้วนมีแขก งั้นก็ช่างเถอะล่ะ ก็เรียกป๋ายหลิงมาเถอะ”
ตอนนี้เขาคือคุณชายที่ถนอมดอกไม้ ไม่ใช่ฮ่องเต้ ดังนั้นต้องเก็บรักษาคงไว้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้ง เขาก็ไม่ใช่ จอมเผด็จการหยาบคายไร้เหตุผล เจ้ายศเจ้าอย่างเช่นนั้น และเขาก็ได้คิดวิธีที่จะทำให้มีชื่อเสียงออกแล้ว
แม่เล้าไม่นึกว่าคุณชายเย่จะพูดง่ายอย่างงี้ ในทันทีนั้นจากไปด้วยรอยยิ้ม อย่างรวดเร็ว ก็มีคนรับใช้วางโต๊ะเตี้ยๆไว้ข้างๆยังมีพิณที่ลักษณะโบราณหนึ่งคัน
ตามหลัง ป๋ายหลิงสวมชุดสีขาวค่อยๆเดินเข้ามา หลังจากคารวะอย่างงดงาม นั่งอยู่ข้างโต๊ะเตี้ยๆ กล่าวด้วยเสียงเบาๆว่า “ขอถามคุณชายเย่ อยากฟังเพลงอะไรหรือเจ้าค่ะ?
ป๋ายหลิงยังสาว หน้าตาก็พูดได้ว่าสามารถล่มบ้านล่มเมืองได้ แต่ว่าหากมองอย่างละเอียดก็จะพบว่าแก้มขวาของเขามีรอยแผลจางๆ
แท้ที่จริง เพียงแค่ตบแป้งสักหน่อย ก็ยังสามารถปกปิดรอยแผลนั่นได้ ก็ไม่รู้ว่าเขาลืมไหม? หรือว่าตั้งใจจะทำล่ะ?
เขารู้สึกว่า รอยแผลจางๆนี้ ไม่ทำให้หน้าตางดงามของป๋ายหลิงสูญเสีย สำคัญที่สุดก็คือบุคลิกดีมีเสน่ห์งดงาม มิน่าล่ะ เขาถึงมั่นใจเยือกเย็นเช่นนี้
ไม่ต้องเดา เย่เทียนก็รู้ว่าเพราะรอยแผลนี้ ป๋ายหลิงจึงตกระดับการเป็นโออิรัน นี่ไม่ใช่จะทำให้คนรู้สึกน่าเสียดายบ้างแล้วล่ะ
เขาหัวเราะกล่าวว่า “ไม่รีบ ป๋ายหลิงเจ้าถนัดเพลงพื้นบ้าน ข้าน้อยขอฮัมเพลงก่อน ไม่รู้ว่า ป๋ายหลิงเจ้าสามารถจำได้หรือไม่?
ป๋ายหลิงนิ่งสักพัก สายตางดงามคู่หนึ่งจดจ้องที่ใบหน้าของเย่เทียนโล่งใจทันที
นักกวีที่ผิดหวังเหล่านั้นพอมีความสนใจ ก็จะอวดพรสวรรค์วรรณกรรม เขียนท่องบทกวีแต่งเพลงเพื่อให้สาวที่ตนชอบ สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็เคยผ่านมาไม่น้อยแต่หลังจากเสียโฉมแล้วค่าตัวของเขาตกลงเป็นพันฟุต เกือบจะไม่มีชายผู้มีชื่อเสียงเชิญเขาดีดพิณ เพื่อเขียนท่องบทกวีแต่งเพลงให้เขาอีก
คุณชายเย่คนนี้นิสัยอ่อนโยนเป็นมิตร แค่แต่ว่า ไม่ค่อยมีชื่อเสียงล่ะ? เขาทำเช่นนี้ แค่อาจจะอยากมีชื่อเสียงแค่นั้น
ค่าตัวเขาตอนนี้ตกลงไปพันฟุต ปัจจุบันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรไหนๆก็ว่างอยู่แล้ว นั่นก็อยู่เป็นเพื่อนคุณชายเย่ที่นิสัยอ่อนโยนเป็นมิตรคนนี้เลยละกันเถอะ
ดั่งนางโลมที่ขายศิลปะไม่ขายตัวแบบเขานี้ ก็เคยดังไประยะหนึ่ง ก็ไม่ใช่ไม่มีเงินไถ่ตัวของตนเอง แต่ว่าเขาแค่ยังทำใจยอมรับไม่ได้เท่านั้น ปัจจุบันยังอยู่ในโรงน้ำชาหลิวเซียงหวังแค่หลังจากสามารถหาผู้ชายในฝันที่ถูกใจได้ค่อยไถ่ตัวเป็นคนดี
เขาดูจากการแต่งกายของเย่เทียน กับกลุ่มผู้รับใช้ข้างตัว เห็นได้ว่าเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ อาจจะไม่มีชื่อเสียงอะไรแต่ว่าความอ่อนโยนเป็นมิตรของเย่เทียน ได้เอาชนะใจเขา เขาให้คนรับใช้หยิบพู่กันมา ตนเองถือพู่กันรับฟัง ถือว่าเป็นการเคารพต่อเย่เทียน
เย่เทียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดสับสนอย่างงี้ เขาแค่อยากอาศัยป๋ายหลิง ทำให้นามของคุณชายถนอมดอกไม้ดังขึ้นเท่านั้น
ในยุคปัจจุบันเย่เทียนไม่ได้นับว่าเป็นผู้หลงใหลวรยุทธ แต่ตอนเข้าเรียนก็จะยืมนิยายกำลังภายในของเพื่อนนักเรียนที่เช่ามาแอบอ่านใต้โต๊ะเอามาคั่นเวลาที่น่าเบื่อ
แม้ว่าพ่อเขาเป็นอาจารย์สอนภาษาชั้นมัทธยมเข้มงวดเรียกร้องกับเย่เทียน แต่ว่านิสัยขี้เกียจของ เย่เทียนกำหนดผลคะแนนของเขาไว้แล้ว ไร้บุญวาสนากับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เพียงสามารถเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยลำดับที่สองหรือสาม หลังจากจบแล้วทำงานให้คนอื่นผ่านไปวันๆ
นิยายกำลังภายในทั้งหมดของกิมย้ง เขาอ่านไปแล้วแค่ไม่กี่เล่ม จำได้รางๆคือ《ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรีย์》 《กระบี่เย้ยยุทธจักร》 《อุ้ยเสียวป้อ》ฮ่องกงประเทศจีนเคยถ่ายทำ《กระบี่เย้ยยุทธจักร》เป็นหนังหลายครั้ง เพลงประกอบหนังของ《กระบี่เย้ยยุทธจักร》คือ《เยาะเย้ยกับชีวิต》เขาก็สามารถฮัมเพลงขึ้นมาสักท่อน แต่ที่เขาชอบคือเพลงประกอบหนังแบบภาษาฮ่องกง
เพลงประกอบหนังแบบภาษาฮ่องกง เขาลืมไปแล้วว่าใช้ดนตรีไหนมาบรรเลง สรุปคือฟังแล้วสะใจมาก ทำให้เขาเลือดเดือดพลุ่งพล่าน การทำงานมีพลัง
เพลงฮิตในปัจจุบันเยอะจนนับไม่ถ้วนขโมยคัดลอกเพลงหนึ่งอะไรก็ได้ออกมาหลอกคน ก็น่าจะมีผลงานที่น่าตื่นตะลึง ที่เขาฮัมคือเพลง《เยาะเย้ยกับชีวิต》ที่ตัวเองชอบที่สุด
เสียงหัวเราะจากทะเล
คลื่นซัดขึ้นและลง
เราลอยคอตามเกลียวคลื่นเพียงแค่จดจำเวลาในยามเช้า
เสียงหัวเราะจากฟ้า
โลกสับสนวุ่นวาย
ใครเป็นผู้แพ้ ใครเป็นผู้ชนะมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้
เสียงหัวเราะจากแม่น้ำภูเขา
หมอกฝนอยู่ไกลออกไป
คลื่นซัดล้วนสิ้นสูญ เรื่องราวในโลกีย์จะรู้มากน้อยเพียงใด
เสียงหัวเราะจากสายลม
……
ในใจป๋ายหลิงกำหนดชัดว่า ต่อให้เย่เทียนมีชื่อเสียงเท่าไรก็จะไม่ดัง กับเพลงที่เขาฮัมก็ไม่ค่อยสนใจ เพียงแค่เพราะความอ่อนโยนเป็นมิตรของเย่เทียนเอาชนะใจเขาได้เท่านั้น
แต่ตอนได้ยินเพลงที่เย่เทียนฮัมออกมาแล้ว ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าที่ตกใจออกมาก่อน จากนั้นกลายเป็นจริงจังหนักแน่นขึ้นมาทำนองเพลงนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ล้มล้างความรู้เกี่ยวกับจังหวะเสียงเดี่ยวที่เขารู้โดยสิ้นเชิง
ทำนองเพลงไหลลื่นดั่งเมฆลอย น้ำไหลตามธรรมชาติ ผ่านความผันผวนของชีวิตเล็กน้อย แต่พลังกล้าแข็งดังก้อง ทรงพลังมีพลานุภาพ ซาบซึ้งใจจนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
นี่นับว่า เป็นเพลงใหม่ที่สะเทือนโลกไม่เหมือนใคร จะต้องมีชื่อเสียงไปตลอดกาลอย่างแน่นอน
ใบหน้างดงามของป๋ายหลิงปรากฏออกมาเป็นคลื่นแดงๆที่ตื่นเต้นมาก จ้องมองสายตาของเย่เทียนเทียบกับก่อนหน้านั้นไม่เหมือนกันทั้งสิ้นเลย
คิดไม่ถึงว่าคุณชายเย่ที่สุภาพเรียบร้อยคนนี้เป็นผู้มีความสามารถที่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้คนหนึ่ง น่าละอายจริงๆ ก่อนหน้านั้นฉันดูถูกเขาได้อย่างไร โชคดีว่าไม่ได้แสดงท่าทีออกมา น่าละอายมากๆ
อย่าพูดว่าเขาเลย แม้ว่าแม่นางหลายคนที่อยู่ในห้องพักล้วนมีปฏิกิริยาดั่งเขาเช่นกัน แต่ละคนปรากฏสีหน้าที่แสดงออกถึงความเคารพนับถือมากๆ
มู่ฉุนเฟิง กับองครักษ์มังกรเสือ หลายคนล้วนเป็นชนชาวยุทธภพ เคยท่องไปในยุทธจักร ดื่มเหล้าถ้วยใหญ่ กินเนื้อชิ้นใหญ่ ควงดาบควบม้าพุ่งเข้าใส่ ถือดาบท่องยุทธจักร ตาต่อตาฟันต่อฟัน เพลง《เยาะเย้ยกับชีวิต》นี้เหมาะกับนิสัยที่ตรงไปตรงมาอิสระไม่ถูกควบคุมใดๆของพวกเขาพอดี แต่ละคนฟังแล้วเคลิบเคลิ้มมึนเมา เลือดเดือดพลุ่งพล่าน
เย่เทียนฮัมเพลงเสร็จแล้ว มองไปที่ป๋ายหลิง ส่งสายตาที่ซักถาม
ป๋ายหลิงแก้มแดงขึ้นมา รีบลุกขึ้น ทำความเคารพอย่างมีมารยาท “คุณชายเย่ ป๋ายหลิงชั่วขณะ.....ชั่วขณะตะลึงงันด้วยเพลงนี้ ไม่สามารถจดบันทึกหมด น่าละอายมากๆ ขออภัยคุณชายเจ้าค่ะ”
เย่เทียนลุกขึ้นมาทำความเคารพกลับ หัวเราะ ฮึฮึ กล่าวว่า “ฉันฮัมเพลงอีกหลายรอบก็ได้ แม่นางป๋ายหลิงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ จะตัดอายุขัยข้าน้อยแล้ว”
เขาเรียนแบบพล็อตในละครโบราณ สุภาพเรียบร้อยมาก เสียวจนทำให้คนฟันร่วง
ในใจเย่เทียนภาคภูมิใจ ดูสิ เพลง《เยาะเย้ยกับชีวิต》ของพี่ออกมาปุ๊บ สถานที่นี้ตกตะลึงทันที ดูสีหน้าของคนในห้องทั้งหมด แฮ่แฮ่ ความรู้สึกนี้สะใจจนตายจริงๆนะ
เขาฮัมเพลงใหม่อีกครั้ง ป๋ายหลิงสงบจิตสงบอารมณ์ รับฟังอย่างละเอียดและตั้งใจอย่างมาก มือข้างหนึ่งถือปากกาอยู่บนกระดาษบันทึกอย่างรวดเร็ว ในช่วงยามนี้ จิตสติทั้งหมดของเขาล้วนพุ่งไปในทำนองเสียงกล้าแข็งที่ทำให้จิตใจและสติของเขาล้วนถูกสั่นสะเทือน
เย่เทียนฮัมเพลงซ้ำไปสามรอบ ในที่สุดป๋ายหลิงก็จดบันทึกทำนองเพลงสำเร็จ เขายิ้มอย่างรู้สึกผิดให้กับเย่เทียน อดไม่ได้ว่าจะรีบดีดเพลงบ้าง
เขาสงบจิตสงบอารมณ์ นิ้วดั่งหัวหอมที่ปอกเปลือกนุ่มและเรียวเล็กกดสายพิณเบาๆ หนึ่งเสียงดัง พิ้ง ลูบหนึ่งโน้ตดนตรีออกมา
ชีวิตจักรพรรดิของข้า