หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้
บทที่ 265 ฉันจะโทรหาคุณอย่างน้อยวันละครั้ง
วันรุ่งขึ้นฉันแทบจะตื่นขึ้นมาไม่ไหว พอลุกขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วเห็นว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ฉันก็อยากจะถีบลู่จือสิงไปสักที
เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของบริษัทแต่ฉันไม่ใช่ ถ้าฉันไปทำงานสายขึ้นมาละก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองกันแล้ว ฉันต้องอยู่ที่เมือง J อย่างน้อยสี่วัน ดังนั้นจึงต้องจัดการงานต่างๆ ทางนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน
วันนี้ฉันสั่งอาหารจากข้างนอกมาทานและเร่งทำงานต่อ และอยู่ทำงานล่วงเวลาจนถึงหนึ่งทุ่มกว่า
คืนนี้ลู่จือสิงต้องไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันขี้เกียจกลับไปกินข้าวที่บ้านจึงสั่งอาหารมากินก่อนจะกลับบ้านเสียเลย
กว่าฉันจะกลับถึงบ้านก็ตอนสองทุ่มครึ่ง พอกำลังคิดว่าจะไปอาบน้ำ ลู่จือสิงก็กลับมาพอดี
ฉันได้กลิ่นเหล้ามาจากตัวเขาจึงเงยหน้ามองโดยอัตโนมัติ แต่ท่าทางเขาดูไม่เหมือนคนเมา
ฉันอดเลิกคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ “คุณไม่ได้เมาใช่ไหม?”
“ไม่เมา”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ทว่าเดินซวนเซ
ฉันหัวเราะออกมา รู้แล้วว่าเชื่อถือคำพูดของเขาไม่ได้... เวลาที่ดูไม่ออกว่าใครเมาหรือเปล่าต้องลองถามแบบนี้แล้วดูว่าเขายังตอบได้ชัดเจนดีหรือเปล่า
หากไม่ใช่เพราะฉันรู้จักนิสัยใจคอของเขามานาน ฉันคงคิดว่าเขาไม่ได้เมาอย่างที่พูดจริงๆ
กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ตัวของเขาแรงมากจนฉันได้กลิ่นทันทีที่เปิดประตู
เมื่อเห็นเขาเมาแบบนี้ฉันจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงจนเดินไปถึงโซฟา “คุณหิวไหม”
“หิว”
เขาเงยหน้ามองฉันด้วยแววตาที่น่าสงสาร
ฉันรู้ว่าเขาหิวแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เมามากนัก
ฉันไม่ได้ทำอาหารกินเองที่บ้านมาหลายวัน ของในตู้เย็นจึงยังพอมีอยู่บ้าง
โชคดีที่ในช่องแช่แข็งยังมีบะหมี่เกี๊ยว ฉันจึงหาขนมปังแฟลตเบรดมาเพิ่มและนำไปให้เขากินพร้อมกับบะหมี่หนึ่งถ้วย
พอฉันออกมาก็เห็นเขากำลังหลับตาเอนหลังพิงพนักโซฟาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเขาหลับไปแล้วหรือเปล่า
ฉันลองเรียกอย่างไม่แน่ใจ “ลู่จือสิง?”
ตอนแรกเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ฉันจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ “ลู่...”
ยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ เขาก็ดึงฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
ขณะที่ฉันพยายามจะผละออกเขากลับกอดฉันแน่นขึ้นไปอีก “อย่าดิ้น ขอผมกอดสักพักนะ”
พอเขากอดฉันได้สักพัก ฉันก็ส่งเสียงงึมงำขึ้นมาเบาๆ “พอใจหรือยัง”
“ขอกอดอีกแป๊บนะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแล้ว จะไม่ได้เจอกันอีกอย่างน้อยก็ตั้งสามวัน”
ที่เขาพูดนั้นก็ถูก พอได้ยินแบบนี้ฉันก็รู้สึกอาลัยขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาและซุกหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง “ฉันจะคิดถึงคุณ”
“อย่าลืมโทรหาผมด้วยนะ”
ได้ทีเอาใหญ่เลยรึ?
ฉันยิ้มให้เขา “ฉันรู้แล้วน่ะ แต่ถ้าคุณยังไม่ปล่อยฉัน หน้าคุณได้เละเป็นโจ๊กแน่”
ลู่จือสิงยังไม่ได้เมาถึงขนาดขาดสติจึงยังจำใบหน้าของเขาได้
พอเขายอมปล่อยมือฉันจึงตั้งใจจะลุกไปทำซุปให้เขากินแก้เมาค้าง
ทันทีที่ฉันยืนขึ้นเขาก็เอื้อมมือมากดฉันให้ลงนั่งตามเดิม “จะลุกไปไหน นั่งลงก่อน”
ฉันรู้สึกจนปัญญาหน่อยๆ “ฉันจะไปทำซุปให้คุณกินแก้เมาค้าง”
“ผมไม่ได้ดื่มมาเยอะ”
เขาเงยหน้ามองฉันก่อนจะคีบบะหมี่เข้าปากแล้วหันกลับมามองฉันอีก “คุณมองผมไว้นะ ไม่อย่างนั้นผมกลัวว่าคุณจะลืมแม้แต่หน้าของสามีตัวเอง”
“...”
ฉันทั้งขำทั้งโกรธเขาจริงๆ แต่เขาโอบฉันไว้ฉันจึงไปไหนไม่ได้ ส่วนเขาก็กินบะหมี่ไม่สะดวก
ดูแล้วฉันจึงยอมประนีประนอม “ก็ได้ๆ คุณปล่อยฉัน ฉันจะนั่งดูคุณกินบะหมี่อยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน
เขาเงยหน้ามองฉันอยู่สองวินาทีราวกับจะยืนยันให้แน่ใจว่าฉันพูดจริง
สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือจากฉันและกินบะหมี่ต่อ
แม้ลู่จือสิงจะไม่ได้เมามากแต่ถึงอย่างไรเขาก็ดื่มมา ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้เขาจะเมาค้างจึงไปทำซุปมาให้เขาดื่ม
คืนนั้นเขารู้งานตัวเองดีและไม่กล้าทำอะไรฉันเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นเครื่องตอนสิบโมงเช้า
เขาทำเพียงแค่โอบเอวฉันไว้แน่นมากจนฉันต้องดึงมือเขาออก “คุณอย่ากอดแน่นอย่างนี้สิ เอวฉันแทบจะหักอยู่แล้ว!”
ในที่สุดเขาก็คลายมือออกเล็กน้อยและยกมืออีกข้างลูบผมของฉัน “นอนเถอะนะ”
ฉันรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร จึงกุมมือเขาเพื่อสร้างความมั่นใจ “ฉันจะโทรหาคุณอย่างน้อยวันละครั้ง งานเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะรีบกลับทันที!”
ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยสังเกตว่าลู่จือสิงพยายามทำตัวติดกับฉันขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน เขาก็จะตามไปที่นั่นเสมอ
ครั้งนี้แค่เดินทางไปทำธุระไม่กี่วัน แต่เขาทำราวกับว่าจะต้องพรากจากกันไปตลอดกาล
แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เขารีบกลับมากลางดึกก่อนวันปีใหม่เพราะห่วงใยฉัน ฉันก็มีความสุขมาก
ไม่ใช่ว่าคนเป็นสามีทุกคนจะติดภรรยาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ แต่ก็ยังพยายามหาเวลามาอยู่กับฉัน
ต้องบอกว่าตลอดหกเดือนที่ผ่านมาลู่จือสิงพยายามทำเพื่อฉันอย่างมาก
“ขอบคุณนะ คุณสามี”
“เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
ฉันรู้สึกมาตลอดว่าการเรียกเขาว่า “สามี” เป็นเรื่องที่น่าอาย ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยเรียกนอกเสียจากบางครั้งที่เขาเร่งรัดฉัน
เขาดูตื่นเต้นมากเมื่อฉันเรียกเขาแบบนี้
ทันใดนั้นฉันก็คิดได้ว่าการเรียกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเสียหายถ้ามันทำให้เขามีความสุข
“ราตรีสวัสดิ์คุณสามี”
“ราตรีสวัสดิ์คุณภรรยา”
เขาโน้มศีรษะลงมาจุมพิตฉันอย่างแผ่วเบา
หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้