สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
บทที่ 1623 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1463
ในสวนดอกไม้ของชุมชน ชิวไป๋เงยหน้าขึ้น เธอใช้มือปัดแก้มของเธอ เพื่อกลั้นน้ำตาไว้ ติงยียีกล่าวว่า “จริงๆ แล้วเธอควรจะคิดหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างจริงจังได้แล้ว”
“รอหาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไปกันเถอะ ไปทานหม้อไฟกันเถอะ!” ชิวไป๋ได้ปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเธอไว้ ก่อนจะกลับไปเป็นคนที่ไร้กังวลก่อนหน้านี้
ติงยียีบึนปากของเธอ แต่ในที่สุดเธอก็ไม่พูดอะไร เธอมองดูนาฬิกาของเธอในเวลากลางคืนอย่างไม่รู้ตัว นี่ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว
ทั้งสองเพิ่งมาถึงที่ร้านหม้อไฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากในเมืองตงเจียง แม้ว่าประชากรจะมีไม่มากนัก แต่หลายคนก็มาที่นี่เพื่อหาของอร่อย
ชิวไป๋กำลังมองหาหน้าร้าน ติงยียีก็มองดูแขนของเธอ “ดูสิว่าใคร”
ชิวไป๋หันศีรษะ และเห็นเย่ป๋อสวมชุดลำลองที่สบายๆ และในมือก็ถือสิ่งของไว้ ชิวไป๋ไม่เคยเห็นเขาสวมชุดลำลอง เธอจึงถูกเขาดึงดูดในทันที
“ไปกันเถอะ! ไปดูกันว่าเย่ป๋อไปที่ไหน!” ติงยียีรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และเธอก็ต้องการจับคู่ให้พวกเขา ดังนั้นชิวไป๋จึงเดินตามเธอไปอย่างเต็มใจ
ทั้งสองเห็นเย่ป๋อเคาะประตูบ้านบ้านหนึ่ง และชายชราคนหนึ่งก็ออกมา ทั้งสองคุยกันที่ประตูแล้วเขาก็เข้าไปและปิดประตู
“ที่นี่คือบ้านของเขาเหรอ?” ชิวไป๋และติงยียีมองจากด้านหลังเสาโทรศัพท์
ติงยียีกล่าวว่า “ฉันว่าไม่เหมือนเลย และดูเหมือนว่าฉันจะเคยเห็นชายชราคนนั้นในตระกูลเย่ มีโอกาสเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง”
ที่สนาม เด็กๆ วิ่งไปรอบๆ เย่ป๋อ ก่อนจะหัวเราะอย่างมีความสุข แม้ว่าหลินต้าฮุยจะเป็นคนขับรถของตระกูลเย่ แต่เขาก็ตั้งโรงเรียนอนุบาลขึ้นหลังจากที่เขาเกษียณแล้ว เขาตั้งใจรับเลี้ยงลูกๆ หลานๆ ของคนงานก่อสร้างที่เข้ามาเรียนในนี้โดยเฉพาะ
“คุณชายมีน้ำใจมาก ผมได้รับเงินทุกเดือนเลย” เขาพูดอย่างซาบซึ้ง
เย่ป๋อลุกขึ้นยืน บนใบหน้าของเขาดูใจดีมากๆ “ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
หลินต้าฮุยส่งเขากลับไป เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดว่า “ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกที่ตามคุณมาคุณจะจัดการไหม?”
บนใบหน้าของเย่ป๋อมีรอยยิ้มที่หายาก เขาส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก”
ติงยียีและชิวไป๋เฝ้าดูเย่ป๋อออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปข้างนอก พวกเธอมองหน้ากันและกัน ก่อนจะเดินตามไปอย่างรู้ใจกัน
เย่ป๋อไม่ได้ขับรถ เขาเดินอย่างมั่นคง และดูสงบมาก ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมที่กระฉับกระเฉงและเด็ดเดี่ยวตามปกติของเขา “ดูสิ เขาไปสระว่ายน้ำแล้ว”
ติงยียีก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และเธอเห็นว่าชิวไป๋ไม่ได้ตามไป เธอเดินกลับไปและลากเธอไปที่สระว่ายน้ำ “เธอไม่อยากเห็นชีวิตประจำวันของเขาเหรอ”
ชิวไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็เดินตามเธอไป ในสระว่ายน้ำ ร่างที่แข็งแรงปรากฏอยู่ในน้ำสีฟ้า และก็มีหยดน้ำไหลผ่านผิวพรรณที่ดูดีของเขา
“ไปกันเถอะ! ไม่มีอะไรให้ดู!” ครั้งแรกที่เธอเห็นเย่ป๋อเปิดเผยร่างกายช่วงบนของเขา ชิวไป๋รู้สึกว่าใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย
ติงยียีตบไหล่ของเธอ “ดูสิ เขาไปแล้ว!”
เย่ป๋อว่ายน้ำสองสามรอบก่อนจะลุกขึ้น จากนั้นเดินตรงไปที่ห้องล็อกเกอร์ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็แต่งตัวและเดินออกมาอีกครั้ง
หลังจากออกจากประตูไป เขาก็เดินด้วยท่าทีสบายๆ และเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ติงยียีและชิวไป๋ที่ตามหลังมารู้สึกตกใจจนกลัว พวกเธอรีบซ่อนตัวในโรงอาหารที่อยู่ใกล้เคียง
เย่ป๋อเหลือบมองที่ถนนครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ติงยียีมองดูนาฬิกาของเธอโดยไม่รู้ตัว และมันถึงเวลาสำหรับมื้อกลางวันแล้วจริงๆ
เย่ป๋อนั่งริมหน้าต่าง เขาชี้ไปที่เมนูและดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ติงยียีและชิวไป๋นั่งอยู่ในร้านกาแฟตรงข้ามร้านอาหาร ชิวไป๋คนกาแฟ “ไม่มีอะไรให้ดู ไปกันเถอะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ ดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่เดินไปหาเย่ป๋อ ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดกี่เพ้าที่รัดแน่น ผมของเธอม้วนขึ้นอย่างหลวมๆ และเธอดูมีออร่ามากๆ
เธอเดินไปทางทิศทางของเย่ป๋อ ติงยียีมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของชิวไป๋อย่างกังวล ถ้าเย่ป๋อไปพบผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ชิวไป๋ก็คงจะเสียใจมากๆ
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและเดินผ่านเย่ป๋อ ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ข้างหลังเขา จากนั้นก็ทักทายชายอีกคนหนึ่ง ติงยียีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่เขากำลังจะพูดชิวไป๋ก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
ติงยียีรีบวิ่งออกไป ชิวไป๋เดินขึ้นไปบนสะพานลอย เธอตามไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย และลมหนาวก็พัดผ้าพันคอของเธอปลิวไปมา
เธอเดินอย่างรวดเร็ว มือที่อยู่ข้างกายก็ถูกคนคว้าไป เธอหันกลับมา และเธอก็เห็นเย่ป๋อกำลังมองเธอด้วยใบหน้าที่จริงจัง
ติงยียียืนอยู่บนสะพานและมองดูทั้งสองคนถอนหายใจเล็กน้อย เธอเดินลงบันได ในสนามก็มีเวลาแจ้งอยู่พอดี ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว
ทันใดนั้น งภาพห้องโถงที่ว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ เย่เนี่ยนโม่บอกตัวเองอย่างจริงจังว่าเขาจะรอเธอ และเขาจะเชื่อเธอ เธออดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าเร็วขึ้น และในที่สุด เธอก็เหมือนเกือบจะวิ่งแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งคงจะพอมีเวลา
ริมถนนมีแท็กซี่เรียงต่อกัน แต่ก็มีแขกเต็มหมดแล้ว เธอรออย่างใจจดใจจ่อ และเธอก็เห็นเย่ชูหยิน ในขณะที่เธอกำลังจะทักทาย เธอก็เห็นเด็กผู้หญิงที่ลงมาจากอีกด้านของรถ เธอจำได้ว่าเธอคนนั้นอยู่ในวิลล่า เธอยังจำชื่อเธอได้จูหลิน
จูหลินและเย่ชูหวินรักษาระยะห่าง และทั้งสองเดินไปที่ร้านอาหารตะวันตกระดับไฮเอนด์ เธอกอดเขาเบาๆ ส่วนสูงของเธออยู่บนไหล่ของเขา นี่สิถึงจะเรียกว่ากิ่งทองใบหยก
ติงยียีรู้สึกมีความสุขแทนเย่ชูหวิน เธอไม่ต้องการให้เขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดให้กับตัวเอง เธอหวังว่าเขาจะมีความสุข
เธอยิ้มและกำลังจะจากไป เธอวางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พกเงินมาด้วย เช้านี้เธอคงลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอเริ่มกังวล หมายเลขโทรศัพท์ของคนขับรถของตระกูลเย่ ก็ไม่ได้บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือของเธอ สายตาของเธอหันไปหาเย่ชูหวินและจูหลินที่เดินเข้าไปในร้านอาหาร ถ้ารอให้พวกเขาทานข้าวเสร็จและเธอเดินเข้าไปยืมเงินค่ารถกับเย่ซูหวินก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
เธอเดินเข้าไปในร้านอาหาร และบริกรก็ทักทายเธอด้วยรอยยิ้มแล้ว เธอลดเสียงลง “ขออภัย ฉันต้องรอให้เพื่อนมาก่อนฉันถึงจะสั่ง”
พนักงานเสิร์ฟยิ้มและพยักหน้านำทางเธอไปที่ที่นั่ง ติงยียีนั่งข้างหลังจูหลิน และการสนทนาระหว่างทั้งสองก็ดังมาถึงหูของเธอโดยธรรมชาติ
“ขอบคุณที่พาฉันไปชมละครเวทีวันนี้” จูหลินเริ่มพอใจกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นสุภาพบุรุษมีมารยาท และมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี เขาถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับการแต่งงาน
เย่ชูหวินยิ้มให้เธอ แต่จิตใจของเขาล่องลอยไปแล้ว คนที่เดินผ่านตรงหน้าประตูเมื่อครู่นี้ใช่ติงยียีไหม?
จูหลินนั่งเงียบๆ และไม่รบกวนเขา เหมือนกับผู้หญิงที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุมา จนกระทั่งตอนที่อาหารใกล้จะมาเสิร์ฟ
ทั้งสองก็ทานกันอย่างสง่างาม จูหลินขยับขายาวไปด้านข้างเล็กน้อย เธอสวมกระโปรงสั้น เมื่อเธอนั่งลง เธอต้องนั่งตะแคงข้าง แต่การนั่งตะแคงข้างมันทำให้เธอปวดขามาก
เย่ชูหวินหยิบเสื้อคลุมที่ห้อยอยู่บนหลังเก้าอี้อย่างเงียบๆ เขาลุกขึ้นยื่นให้เธอ เธอตกใจ รีบขอบคุณก่อนจะรับไว้ เธอเอาเสื้อคลุมคลุมขาของเธอ เธอพูดติดตลกว่า “ฉันรู้ว่ามีร้านอาหารที่อร่อย เป็นร้านที่อันหรันเปิดในประเทศจีน และจองคิวได้ยากมาก ครั้งหน้าเราไปด้วยกันไหม ถือว่าฉันตอบแทนคุณแล้วกัน”
เธอฉลาดมาก เธอรู้ว่าเย่ชูหวินไม่สนใจเธอ การใช้เหตุผลว่าตอบแทนคุณ สุภาพบุรุษแบบเขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธแน่นอน เธอยิ้มก่อนจะจิบบรั่นดีและรอให้อีกฝ่ายตอบ
เย่ชูหวินเคี้ยวอาหารในปากอย่างระมัดระวัง แต่คิ้วของเขามีรอยย่นเล็กน้อย อาหารอร่อยเหล่านี้ทำให้เขาไม่อยากอาหารมากนัก
“ผมขอปฏิเสธการตอบแทนคุณในครั้งนี้” เขาพูดอย่างใจเย็น
จูหลินไม่แปลกใจกับคำตอบของเขา “หรือเพราะผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อติงยียี?”
โต๊ะข้างหน้าดูเหมือนจะทำน้ำหก และพนักงานเสิร์ฟก็รีบเข้าไปจัดการ เย่ชูหวินเหลือบมองตรงงเก้าอี้ข้างหน้าที่นั่งหันหลังและเผยให้เห็นหัว ก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักเข้าใจผิด”
คำพูดของเขาชัดเจน จูหลินพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะพูดลาอย่างสง่างาม เมื่อเห็นว่าติงยียีนั่งอยู่ตรงข้างหน้า พวกเธอก็สบตากัน เธอหันไปพยักหน้าให้เธอ ก่อนที่จะจากไป ครั้งนี้เธอตายใจแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะชอบมากแค่ไหน แต่ว่าศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งของเธอมีสิทธิ์โดนปฏิเสธเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
ติงยียีก้มหน้าพร้อมถูแก้วที่อยู่ในมือของตัวเองไปมา ตอนนี้เธอยอมนั่งรถแท๊กซีเพื่อไปขอยืมเงินพ่อบ้าน ดีกว่าต้องยอมมาอยู่ในที่ที่น่าอับอายแบบนี้
ไม่มีเสียงใดๆ จากด้านหลังเธอ เธอหันหลังไปแล้วพบกับเย่ชูหวินที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “การแอบฟังไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะ”
“ฉันไม่ได้แอบฟังนะ” ติงยียีลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พลันนั่งลงพร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง “ฉันมายืมเงินคุณ”
“ยืมเงินเหรอ” ในแววตาของเย่ชูหวินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด เขาเดินกลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง พร้อมหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากเสื้อคลุมที่วางไว้บนโต๊ะหน้าติงยียี
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินแล้ว เลี้ยงข้าวกลางวันฉันหน่อยได้ไหม” รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นไม่เคยหายไป เมื่อพบกับเธอ อากาศวันนี้ก็ดูสดใสขึ้นมาก
ติงยียีเหลือบมองไปที่ข้อมือของตัวเอง เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้น แววตาเธอดูร้อนรน เย่ชูหวินถึงกับขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรไปเหรอ”
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนต้องไปก่อนนะ!”
ติงยียีร้อนรนจนสีหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหารไปด้วยกัน และพบว่าด้านนอกตอนนี้มีหิมะลอยว่อนอยู่ อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ติงยียีถูมือของเธอ พร้อมมองไปยังถนนใหญ่เพื่อรอรถแท๊กซี่
ผ้าพันคอที่กักเก็บอุณหภูมิร่างกายของเธอพันอยู่ที่รอบคอ ผ้าพันคอนั้นยาวมาก และเมื่อพันสองรอบแล้วความยาวยังเหลือห้อยไปถึงขาของเธอ
“ไปกันเถอะ รถผมอยู่ไม่ไกล เดี๋ยวผมส่งคุณกลับเอง” เย่ชูหวินก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ชายเสื้อคลุมของเขานั้นถูกจับเอาไว้ ใบหน้าของติงยียีนั้นดูเปล่งปลั่งเมื่อมีลมพัดโชยมา
เธอหยิบผ้าพันคอออกมาส่งให้เขา “คุณใส่ซะ!” เมื่อเห็นว่าเย่ชูหวินไม่รับไว้ เธอจึงพูดย้ำอีกรอบ “ใส่ซะ!”
เธอไม่ใช่คนประเภทที่คิดว่าผู้ชายควรใจดีกับผู้หญิงอย่างไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้หนาวขนาดนี้ เย่ชูหวินก็เป็นคน เขาก็หนาวเป็น!
สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน