ยั่วรักทนายคนโหด

ตอนที่785 บทสรุป(ตอนจบ)

ตอนที่85 บทสรุป

ในสัปดาห์ที่สองของการพักฟื้นที่โรงพยาบาลร่างกายของดราณีค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชนัยจัดการเรื่องต่างๆเพื่อเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าที่โรงพยาบาลจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเพียงใด แต่ก็เทียบกับที่บ้านไม่ได้แม้แต่น้อย

ก่อนกลับปรัณยังย้ำแล้วย้ำอีกว่า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ มีอะไรให้รีบติดต่อเขาทันที แต่ชนัยกลับยกมือขึ้นแสดงการรับรู้อย่างเสียไม่ได้ เพราะในใจของชนัยเองก็กำลังวางแผนการใหญ่อยู่

หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วดราณีก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ของชนัย หล่อนไม่มีญาติที่ไหนในเมืองJ บ้านของป้ากับลุงจะพักอยู่นานก็ไม่ได้

เพราะชายชราเขาอนุญาต เขาจึงหยุดปล่อยข่าวเชิงชู้สาว เกวลินหลังจากรู้ข่าวก็ดีใจจนน้ำตาไหลทีเดียว

เพราะคำแถลงในงานประกาศรางวัลครั้งก่อน บวกกับท่าทีในพักหลังๆของหล่อน ทำให้ความนิยมในตัวหล่อนเพิ่มขึ้น แต่ไม่รู้เพราะว่าหล่อนเคยได้ผ่านความเป็นความตายมาครั้งหนึ่งแล้วหรือย่างไรทำให้รู้สึกปลงกับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว

เวลานี้เองที่คณิตเดินเข้ามาบอกข่าวกับเธอ มองหล่อนที่นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตาในห้องแต่งหน้า จู่ๆก็เกิดความสะใจขึ้นมา เรื่องนี้สำหรับหล่อนหากทำให้จบเสียตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร อย่างน้อยก็ทำให้หล่อนกลายที่สนใจของผู้คนอย่างคาดไม่ถึงและทำให้หล่อนเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตคนเราบ้าง

ถึงแม้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อมองเกวลินที่อยู่ตรงหน้านี้ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป

เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภายในจิตใจ และหวังว่าหล่อนจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ทางด้านมหาวิทยาลัยของดราณีนั้น ชนัยก็ได้ไปพบกับคณบดีมหาวิทยาลัย พูดคุยเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นและลาป่วยให้หล่อน การบาดเจ็บครั้งนี้ถือว่าไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงท้องที่โดนน้ำร้อนลวกนั้น อาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ยังดีที่ดราณีเข้มแข็ง แม้จะเห็นแผลเป็นที่แสนน่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบในการดำเนินชีวิตประจำวันของหล่อนแต่อย่างใด

หล่อนกำหนดวันที่จะไปหาหมอปรัณเพื่อจัดการกับแผลเป็นของหล่อนแล้ว โรงพยาบาลประจำตระกูลของหมอปรัณนั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือและเทคนิคหากแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น

ชนัยเฝ้ามองร่างกายของหล่อนที่ดีวันดีคืน เขาจึงวางแผนอะไรบางอย่าง

วันหนึ่งหลังเลิกงานเขาบอกดราณีว่ามีงานเลี้ยงสังสรรต่อ แต่ความจริงแล้วเขาได้นัดเพื่อนสนิทหลายคนมาพูดคุยที่มูตี้คลับ

หลังจากที่ทุกคนมาครบแล้ว เขาก็ไม่อ้อมค้อม ถามทุกคนว่า" วันนี้ในสัปดาห์หน้าทุกคนว่างมั้ย ผมจะขอผู้หญิงแต่งงาน"

ทุกคนต่างตกตะลึง "!???"

คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกยังคงเป็นเตชิต "เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ"

"ขอแต่งงานไง ผมอยู่กับดราณีมาตั้งนาน ผ่านเรื่องราวต่างๆด้วยกันมามากมาย ก็ควรจะขอเธอแต่งงานได้แล้วนะ"

ไม่มีใครพูดอะไร สุดท้ายก็เป็นปรัณที่ขัดขึ้นมา "ค่อยๆเป็นค่อยๆไป พวกแกอ่ะยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ยังเร็วไปที่จะมาพูดเรื่องแต่งงแต่งงานอะไรตอนนี้"

"ช้าไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าชายชรานั่นจะยอมรับ เกิดคุณปู่กลับคำขึ้นมาจะทำอย่างไร ผมจะต้องรีบฉวยโอกาสนี้ขอเธอแต่งงานจดทะเบียนให้เสร็จเรียบร้อย เรียกว่าจัดการทุกอย่างทีเดียวอย่างละเอียดรอบคอบ

"แกคิดแล้วเหรอว่าจะขอเธอแต่งงานยังไง"

"คิดแล้ว บนเรือยอร์ช ถึงเวลาทุกคนมาพร้อมหน้า ผมคิดแล้วว่าจะตกแต่งอย่างไร"

"แล้วครอบครัวของดราณีล่ะ คุณปู่แกเขายอมรับแล้วก็จริงแต่ทางนั้นเขายอมรับด้วยหรือเปล่า"

ประโยคนี้ถือว่าถามได้ตรงจุดที่สุด ชนัยเกือบจะพูดไม่ออก อึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะโบกไม้โบกมือ" ไม่สนล่ะ ผมจะขอเธอแต่งงานก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"

มาถึงขนาดนี้แล้วทุกคนต่างก็ดูออกว่าเขาร้อนใจมากขนาดไหน ยังไงเสียก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ขอแค่เขาเข้าใจดีก็พอ คนนอกจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้

สิ่งที่คนเป็นเพื่อนจะช่วยได้ก็คือ เมื่อเพื่อนจะขอสาวแต่งงาน ก็ต้องไปร่วมเหตุการณ์ด้วย

ไม่มีใครคิดจะขัดขวางเพียงแค่อยากจะเตือนสติเขาในบางเรื่องเท่านั้น

ในเรื่องนี้ เตชิตถือว่าเป็นแม่งานใหญ่พวกเขาพูดคุยหารือกันอยู่จนถึงห้าทุ่มถึงแยกย้ายกันกลับ

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ ดราณีก็หลับไปเสียแล้ว ชนัยผลักประตูเข้ามองเห็นเงาของร่างบางนอนอยู่บนเตียง ในใจก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นขึ้นมาทันที การที่เรากลับมาบ้านแล้วได้พบคนที่เรารักนี่มันช่างดีเหลือเกิน

และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ชนัยมั่นใจที่จะขอหล่อนแต่งงานให้ได้

สำหรับพ่อแม่ของหล่อนนั้น เขาต้องไปหาพวกท่านแน่นอน เขาจะใช้ความจริงใจเอาชนะใจพวกท่านให้ได้

สำหรับดราณีนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ชนัยกำลังคิดจะทำอยู่เลย เพราะหน้าที่ของหล่อนตอนนี้คือรักษาตัวให้กลับมาปกติโดยเร็ว

แต่ช่วงหลายวันมานี้ ชนัยกลับบ้านค่อนข้างช้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่ถามเขา แต่คำตอบที่ได้จากเขาคือ มีงานเก่าที่ค้างอยู่ช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาลเยอะ จึงต้องรีบจัดการให้เสร็จทำให้ต้องเลิกงานช้า

เหตุผลนี้ทำให้ดราณีเชื่อใจเขา และรู้ว่าเขางานยุ่งมากขนาดไหน

ดังนั้นเวลาจึงผ่านไปแบบนี้หนึ่งสัปดาห์ สองวันก่อนที่ดราณีจะกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ชนัยก็ชวนหล่อนไปทะเลเพื่อผ่อนคลายก่อนไปโรงเรียน

ดราณีที่อยู่บ้านมานานก็รู้สึกเบื่อๆจึงไม่ได้สงสัยอะไรรีบตอบตกลงเขาในทันที

เวลาหนึ่งทุ่มวันนั้น ชนัยขับรถมาถึงท่าเรือ เรือยอร์ชหรูหราลอยจอดเทียบท่าอยู่ ดราณีสวมโค้ทวูลตัวยาวสีบลูแซปไฟร์ รองเท้าบูทหนังสีดำส้นหนา ด้านในสวมชุดเดรสลูกไม้แขนยาวสีดำ มองดูแล้วสวยกว่าปกติ

ยิ่งเข้าใกล้เรือยอร์ชมากขึ้นเท่าไหร่ในใจของหล่อนก็รู้สึกว้าวุ่นขึ้นเท่านั้น

มองท้องฟ้าไกลๆที่ค่อยๆมืดลง ก้อนเมฆก้อนใหญ่ถูกฉาบด้วยสีส้มแดง หัวใจค่อยๆเต้นแรงขึ้น

ในขณะที่หล่อนก้าวขึ้นเรือนั้น ไม่รู้ว่าชนัยไปเอาผ้าสีขาวเส้นยาวมาจากไหนผูกไว้ที่ตาของหล่อน

ภาพเบื้องหน้าถูกบดบังไว้ ดราณียกมือขึ้นเพื่อที่จะดึงผ้าผืนนั้นออก แต่ถูกชนัยห้ามไว้ "อย่าขยับ"

ได้ยินเสียงคุ้นเคยนั้นทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้น "คุณจะทำอะไร"

"เดี๋ยวคุณก็รู้" ชนัยไม่ยอมบอกหล่อนตรงๆ แต่จูงมือหล่อนเดินไปนั่งลงที่บนโซฟา

ในเวลาเดียวกันนั้นเองเพื่อนๆที่แอบอยู่ตามซอกมุมต่างๆของเรือก็ค่อยออกมารวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือชั้นบน

เรือยอร์ชออกตัว คนบนเรือเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีเทียนวางเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่ ชั้นบนและล่างที่มีราวบันไดถูกผูกด้วยลูกโป่งสีขาวชมพู และในหัวใจดวงใหญ่นั้นถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบสีโอลโรสและชมพู

เรือยอร์ชค่อยๆพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า จนกระทั่งห่างออกจากฝั่งมาไกลมากแล้วจึงหยุดลง

ชนัยก้าวเข้าไป ใช้ไม้ขีดไฟจุดเทียนให้สว่างขึ้น มองดูเทียนที่สว่างวาบขึ้นมาทำให้เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้น

ทุกอย่างเขาวางแผนและเตรียมการมาอย่างดี ชนัยสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินไปที่ด้านหน้าโซฟาแล้วจูงมือดราณีค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปด้านในรูปหัวใจนั้น

ชนัยปล่อยมือหล่อน เขายืนอยู่ด้านนอก หายใจเข้าลึกๆสองครั้ง แล้วเขาจึงเอ่ยปากว่า"ดึงผ้าออกได้แล้ว"

ดราณีแทบจะอดทนรอไม่ไหวแล้ว รีบยกมือขึ้นดึงผ้าที่ปิดตาอยู่ออก เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดๆกลับอึ้งจนพูดไม่ออก

แสงสว่างจากแสงเทียนล้อมรอบตัวของหล่อนไว้ เรือยอร์ชเองก็เหมือนจะเปลี่ยนสีชมพูอ่อนๆ หล่อนมองไปที่ลูกโป่ง กลีบกุหลาบและโต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีขาวที่อยู่ไม่ไกล แชมเปญที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็ง ซาบซึ้งตื้นตัน ดีใจ หัวใจเต้นรัวแรง ทั้งหมดนี่ไม่อาจบรรยายความรู้สึกทั้งหมดตอนนี้ของเธอได้

มิน่าละช่วงนี้เขาถึงกลับบ้านดึกดื่นแทบจะทุกวัน ที่แท้เขา… ดราณีน้ำตารื่นขอบตาแดงกล่ำ มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยรอบๆข้างทำให้หล่อนพูดอะไรไม่ออก

ที่สิ่งที่จะทำให้หล่อนตกใจคือ วินาทีต่อจากนี้ ชนัยหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากกระเป๋ามาอ่าน "ดราณีวันนี้เป็นวันที่125ที่เราคบกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่สำหรับผมแล้วมันเหมือนผ่านมาเป็นศตวรรษ ตั้งแต่วินาที่ที่ผมได้พบกับคุณผมก็รู้ทันทีว่าคุณคือคนพิเศษสำหรับผม ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มต้นได้ไม่สวยงามนักแต่ช่วงเวลศที่เราอยู่ด้วยกันนั้นคุณทำให้ผมเชื่อว่ายังมีความรักที่บริสุทธิ์จริงใจอยู่บนโลกใบนี้จริง"

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ชนัยที่เดิมทีนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักกลับมีน้ำเสียงสั่นๆ เขาไม่หยุดไม่ได้ จึงค่อยๆปรับน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติแล้วอ่านต่อไป

"เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อว่าผมจะรักใครได้ และก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงาน แต่เพราะคุณทำให้ผมรอคอยชีวิตในอนาคตข้างหน้า คุณมักจะพูดเป็นประจำว่าคุณเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง เหมือนอยู่คนละโลกกับผม แต่สำหรับผมแล้วคุณเปรียบเสมือนแสงแรกที่สาดส่องมาที่โลกของผม ถ้าไม่มีคุณผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ดังนั้นวันนี้ ผมจึงอยากจะขอคุณแต่งงานอย่างจริงจัง คุณ..จะแต่งงานกับผมมั้ย"

คำพูดแบบนี้ ในสถานที่แบบนี้ แม้แต่ในความฝันหล่อนก็เคยได้คิดได้ฝันเลย ผืนน้ำที่อยู่ไกลออกไปดูเหมือนจะเลือนลางขึ้นมา

แต่ทุกสิ่งตรงหน้าหล่อนมันคือความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อเสียงเอ่ยขอแต่งงานของเขาจบลง ชนัยก็คุกเข่าลง ขาขวาคุกเข่าลงกับพื้น แล้วหยิบแหวนที่เขาเตรียมไว้ออกมา กล่องกำมะหยี่สีดำถูกเปิดออก ด้านในมีแหวนเพชรรูปดาว

ประณีต สวยงามสาดแสงระยิบระยับที่ทำให้ผู้คนหลงไหล

เขากำลังขอหล่อนแต่งงาน ขอแต่งงานนะ

ในสมองของดราณีตอนนี้สับสนไปหมด น้ำตาก็ใกล้จะไหลออกมาแล้ว ชนัยคุกเข่ารอคำตอบจากหล่อนอยู่ คำตอบที่หนักแน่นของหล่อน

เวลาค่อยๆเดินไปช้าๆ หญิงสาวผู้เป็นนางเอกของงานวันที่ยังคงยืนนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆอยู่ตรงกลาง

ไม่พูดอะไรหมายความว่าอย่างไร หรือว่าหล่อนไม่อยากแต่งงานกับเขา

เป็นไปไม่ได้ หล่อนเอาตัวมาบังมีดแทนเขาได้ ทำไม่จะไม่อยากแต่งงานกับเขา

แค่ครึ่งนาทีสั้นๆ ในหัวชนัยกลับคิดถึงความน่าจะเป็นต่างๆมากมาย จนเขาคิกึว่าเขาจะทนไม่ไหวแล้วจึงยืนขึ้น รวมตัวหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด สาวน้อยที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสุดท้ายก็เอ่ยออกมา

ดวงตาแดงกล่ำ เสียงสะอื้นพูดออกมาด้วยความน้อยใจว่า "ฉันไม่ตกลง"

ณ วินาทีนั้น บรรยากาศบนเรือกลับเงียบกริบเหมือนถูกมนต์สะกด ชนัยแทบไม่เชื่อหูตนเอง แม้แต่เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆต่างก็นิ่งอึ้งกันไปหมด

นี่มัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น

ชนัยวางแผนขอแต่งงานอย่างดีกลับถูกปฏิเสธ

เรื่องแบบนี้คงจะมีแค่ดราณีคนเดียวที่จะทำแบบนี้

ใบหน้าที่เคยหนาของชนัยกลับรู้สึกอายร้อนผ่าวขึ้นมา "ทำไม"

"ถ้าฉันตอบตกลงคุณแล้ว คุณเกิดกลับคำจะทำอย่างไรล่ะ ดราณีเบะปาก "เมื่อก่อนก็เคยทำแบบนี้"

ชนัย"....."

นี่หล่อนคิดว่าเขาเป็นพวกผู้ชายเห็นแก่ตัวพวกขยะสังคมไปแล้วใช่มััย

แต่การขอแต่งงานก็คือขอแต่งงาน แค่คุกเข่าลงกับพื้นอดทนและอธิบายอย่างอ่อนโยนให้หล่อนฟัง " ถ้าคุณรับคำขอแต่งงานของผม คุณก็ต้องแต่งงานกับผม ไม่ใช่จะมากลับคำกันได้ง่ายๆ"

ดราณีมองชนัยที่คุกเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบสักเท่าไหร่นัก

ชนัยเองก็รู้ว่าหล่อนฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งเขา เขาเข้าใจจิตใจผู้หญิงดี เขาเริ่มออดอ้อน "ที่รัก คุณตอบตกลงแต่งงานกับผมเถอะนะ ทุกคนกำลังมองอยู่นะ ผมคุกเข่าจนปวดไปหมดแล้ว"

จริงๆดราณีอยากจะแกล้งให้เขาคุกเข่าต่อไปแต่พอได้คำขอร้องอ้อนวอนของเขา หล่อนก็ใจอ่อน

ชนัยรีบฉวยจังหวะรุกต่อ" แต่งงานกับผมนะ"

น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าเลือนลางไป แต่ก็ดูออกว่ามันคือภาพแห่งความสุข ในที่สุดดราณีก็ยอมยื่นมือออกไป น้ำตานองหน้า "ตกลงค่ะ"

ชนัยลุกขึ้นยืนพุ่งตัวไปที่หล่อน เขาสวมแหวนลงบนนิ้วของหล่อน ช้าๆแต่มั่นคง

ช่องว่างในใจเหมือนถูกเติมเต็ม ชนัยยกมือของหล่อนขึ้นมาวางที่ริมฝีปากแล้วจูบเบาๆ "ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว จะหนีก็หนีไม่รอด"

ดราณีสูดจมูกแล้วถลึงตาใส่เขา

"มีแต่คุณที่หนี ฉันยังไม่เคยหนีเลย"

"ครับๆๆ" เขาพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้แล้วรวบร่างหล่อนไปกอด โน้มตัวกระซิบเบาๆข้างหูหล่อนว่า"เมียพูดอะไรก็ถูกไปหมดแหละ"

พอได้ยินเขาเรียกหล่อนว่าเมียทำเอาหล่อนเขินอายหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก

หลังจาการขอแต่งงานแล้ว ชนัยก็ให้พ่อครัวทำอาหารค่ำภายใต้แสงเทียน คนบนเรือมีแต่คนที่สนิมสนมคุ้นเคยกันทั้งนั้น วันนี้ชนัยมีความสุขมาก ดื่มอย่างสุขสำราญ หลังจากดื่มมาสักพักใหญ่แล้วเขาก็ออกมานั่งที่มุมพักผ่อนด้านนอก มองไปยังกลุ่มสาวๆที่กำลังพูดคุยกัน ความผ่อนคลายและความสุขนั้นออกมาจากภายในจิตใจ

เตชิตเรียกให้นัชชาขึ้นมาที่ชั้นสองวันนี้ธีมนต์อยู่ที่บ้าน ทั้งสองคนกลัวว่าเขาจะไม่สบายจึงไม่ได้พาเขามาด้วย

เป็นเรื่องยากที่เขาทั้งสองจะได้อยู่กันสองต่อสองแบบนี้

นัชชามองแสงไฟสว่างจากท่าเรือที่อยู่ไกลออกไป ในใจก็เมื่อถูกแสงสาดส่องเข้ามาด้วยเช่นกัน "หวังว่าชนุดมกับชีวภาจะคบกันอย่างราบรื่นจนได้แต่งงานกันนะ"

เตชิตเข้ามาโอบกอดหล่อนจากด้านหลัง "ได้สิ"

น้ำเสียงเขามั่นอกมั่นใจผิดปกติ นัชชาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "คุณรู้ได้ยังไง"

นึกไม่ถึงว่าคนที่พูดไม่คิดเขาจะพูดสำนวนเชยๆแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับเขาได้ด้วย "เพราะถ้าทั้งสองคนมีความรักซึ่งกันและกันก็จะอยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยากันได้"

"โอ้โห" นัชชาลากเสียงยาว ไม่นึกว่าจะได้ยินคุณพูดแบบนี้เลยนะเนี่ย"

"คุณก็คิดซะว่าผมดีใจแทนชนัยแล้วกัน คืนนี้ไม่อยากคิดอะไรมาก"

เตชิตก็ดื่มมาไม่น้อยแล้ว เขาจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

ณ เวลานี้ ท่ามกลางลมทะเลที่พัดโชยมา เขาได้กอดกับผู้หญิงที่เขารัก อยากจะให้เวลาเดินไปอย่างช้าๆ และช้ามากขึ้นไปอีก

นัชชาก็ยังคงเป็นนัชชา หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน จนกระทั่งปัจจุบันที่ลูกก็เข้าเรียนชั้นประถมแล้ว ทุกอย่างเหมื่อนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เหมือนความฝันที่เกิดขึ้นจริง

เรื่องราวต่างๆและคนอื่นๆรอบตัว ก็ต่างหมุนเวียนจากไปตามกาลเวลา ทุกคนต่างตามหาความสุขของตนเองจนเจอ วันนี้ชนัยเองก็เจอคู่ชีวิตของเขาแล้วเช่นกัน ชีวิตคนเราเมื่องเดินมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ความรู้สึกนี้มันช่างแสนมหัศจรรย์

มีความสุข และมีการรอคอย

"เตคะ พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่มั้ย" ในสถานการณ์แบบนี้ในอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้หล่อนก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามคำถามแบบนี้

เตชิตโอบกอดที่เอวของหล่อนแน่นขึ้น "ใช่สิ"

คำตอบที่หนักแน่นมั่นใจของเขา ทำให้จิตใจที่กำลังล่องลอยของหล่อนกลับมามีความอุ่นใจขึ้น

ทั้งสองยืนอยู่เงียบๆบนชั้นสองมองดูแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และยังคงได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากชั้นล่างในบางช่วง

ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียง ชนัยพูดขึ้นว่า "พี่เตชิตกับพี่สะใภ้ล่ะ"

"ไม่รู้สิ หรือว่าเข้าไปข้างในแล้ว"

นัชชาเม้มปาก หมุนตัวกลับมาหาชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง "ไปกันเถอะค่ะ พวกเขากำลังหาเราอยู่"

หล่อนเตรียมก้าวขาเดินออกไป แต่ถูกเขารั้งตัวกลับมา หล่อนเงยหน้าสบสายตาคู่ที่ระยิบระยับดุจดวงดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าคู่นั้น

ดวงตาคู่สีดำนั้นเหมือนมีจักรวาลซุกซ่อนอยู่ภายใน ค่อยๆขยับอย่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยความอบอุ่นไม่มีที่สิ้นสุด เขายกมือขึ้นมาจับที่แก้มทั้งสองข้างของหล่อนแล้วก้มลงจูบ "ชีวิตนี้ได้พบกับคุณ มันช่างดีเหลือเกิน"

นัชชายิ้มหวาน "ฉันก็เหมือนกันค่ะ"

จบบริบูรณ์

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด


ยั่วรักทนายคนโหด
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 34 โพล
loading...