ดั่งรักบันดาล
บทที่ 8 ไสหัวไปซะ!
เมื่อศัตรูมาพบหน้ากัน สายตาก็จิกกัดกันด้วยความเกลียดชัง
คนที่เรียกหร่วนซือซือนั้นหาใช่ใครอื่น แต่ก็คือแฟนเก่าที่นอกใจไปเมื่อสองปีก่อนฉินเสียนหลี่ และก็ชู้รักของเขาหยางเย่
มองดูทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้า หร่วนซือซือยิ้มตอบกลับอย่างเย็นเยียบ
“ไม่เจอกันถึงสองปี ฉินเสียนหลี่คุณเองก็เริ่มดูเป็นผู้เป็นคนไม่ยืนสี่ขาเหมือนเก่าแล้วนะ”
หยางเย่สวมใส่ชุดเกาะอกคู่กับกระโปรงสั้นตัวเล็ก ฉินเสียนหลี่ใส่ชุดสูทสีฟ้าไพลิน
ทั้งสองคนเคยเป็นดาวเดือนของมหาลัยเจียงโจวคณะบริหารธุรกิจสาขาการเงิน พอทั้งคู่มายืนอยู่ด้วยกันแล้วก็ดูเหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกที่แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น
เมื่อได้ยินดังว่า ฉินเสียนหลี่ก็เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังคงแสร้งทำท่วงท่าของสุภาพบุรุษที่ดีแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หร่วนซือซือ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะมานะ”
หร่วนซือซือที่มีสายตาโอนอ่อน ฉับพลันก็เปลี่ยนกลายเป็นดุดันขึ้นมาทันที “ทำไมฉันจะมาไม่ได้ หรือว่าครอบครัวคุณเป็นเจ้าของห้างนี้อย่างงั้นเหรอ”
กล่าวจบ ก็แสร้งเอามือมาป้องปาก จากนั้นจึงพูดกับฉินเสียนหลี่ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเสียเต็มประดา “ขอโทษ พูดผิดไป คุณก็เป็นได้แค่สุนัขที่แต่งเข้าตระกูลหยางไป ที่แห่งนี้ก็คงจะตกมาเป็นของคุณที่สกุลฉินไม่ได้หรอกเนอะ”
“หร่วนซือซือ! ” ราวกับมีใครไปเหยียบโดนหางของฉินเสียนหลี่เข้าก็ไม่ปาน เขายั้งตัวเองไว้ไม่อยู่หลุดออกจากคราบหนุ่มสุภาพบุรุษที่สวมเอาไว้ ตะคอกใส่หร่วนซือซือด้วยความโกรธ
เมื่อดูฉินเสียนหลี่ที่อยู่ในสภาพหมาจนตรอกแบบนี้ หร่วนซือซือก็อารมณ์ดีขึ้นมามากเลยทีเดียว
ฉินเสียนหลี่เกิดในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง พ่อแม่ของเขาเป็นคนงานธรรมดาๆ
ตอนแรกที่หร่วนซือซือคบกับฉินเสียนหลี่เพราะมองเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีหัวศิลป์และชาญฉลาด และเธอเองก็ไม่ได้ดูถูกชาติกำเนิดของเขาเลยแม้แต่น้อย
ใครจะไปรู้ เขากลับกลายเป็นคนที่ถูกตัวเองเสียแทน ทันทีที่เรียนจบก็ปีนไปคว้าเอาคุณหนูหยางเย่แห่งบริษัทหยางกรุ๊ปจำกัด
จากเป็ดป่าก็บินขึ้นไปเกาะที่ยอดไม้กลายเป็นนกเพลิงอมตะในทันที
ขณะนั้นนั่นเอง หยางเย่ที่อยู่ข้างๆ และยังไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมานั้น ก็เปิดกระเป๋าถือออก แล้วหยิบเงินออกมาปึกใหญ่ต่อหน้าหร่วนซือซือ
เหตุการณ์ที่คุ้นเคยนี้ หร่วนซือซือก็มีท่าทีอึดอัดหัวใจ สีหน้าซีดเผือดลงอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยานี้จากหร่วนซือซือ หยางเย่ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจแล้วกล่าว “ยัยปวกเปียกไม่เจอกันตั้งสองปี ฝีปากคมขึ้นเยอะเลยนะยะ”
“แต่ว่า...........” หยางเย่มองทั้งร่างของหร่วนซือซือจนจบหนึ่งรอบ “เสียนหลี่เค้าพูดถูกอยู่นะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ พวกยาจกแบบเธอควรจะมาหรอกนะ”
“เอาเงินพวกนี้ไป แล้วก็ไสหัวไปซะ! ”
ทันทีที่สิ้นสุดเสียงลง หยางเย่ก็ก็ปาเงินที่อยู่ในมือไปใส่หร่วนซือซือ
เงินพวกนี้ ค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นต่อหน้าของหร่วนซือซือ
ก็เหมือนกับปีนั้น ตอนที่เธอกับเสี่ยวหว่านจับฉินเสียนหลี่ได้คาหนังคาเขาบนเตียง หย่างเย่ก็หยิบเงินออกมาเป็นปึกๆ แล้วบอกกับเธอว่าอย่ามาวุ่นวายในชีวิตฉินเสียนหลี่อีก
ก็นึกว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ไปตั้งนานแล้ว แต่ ณ ตอนนี้กลับเกิดเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
หัวใจของหร่วนซือซือเจ็บปวดอีกครา มือสั่นระริกไม่ยอมหยุด
“เพียะ! ”
หนึ่งฝ่ามือ ปะทะเข้าใส่ใบหน้าของหยางเย่อย่างแรง
“แกกล้าตบฉันเหรอ??! ” หยางเย่ที่ถูกตบหน้า ผ่านไปครึ่งวินาทีที่เชื่องช้าถึงพึ่งจะมีปฏิกิริยาตอบกลับ
เธอเอามือกุมหน้าอายจนรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า คิดที่จะเอาคืนสักหนึ่งฉาด แต่หร่วนซือซือที่สูงกว่าเธอครึ่งศรีษะอยู่ในท่วงท่าเตรียมพร้อมอันสะโอดสะอง
หร่วนซือซือก็คว้ามือเธอที่เงื้อเข้าหาได้อย่างง่ายดาย
“เธอคิดว่าฉันจะยังเป็นเหมือนเมื่อปีนั้นไหม ที่ปล่อยให้พวกเธอทำตัวน่าละอาย หร่วนซือซือที่แม้แต่จะพูดก็พูดอะไรไม่ออกอย่างนั้นเหรอ”
หร่วนซือซือจู่ๆ ก็มีท่าทีเกรี้ยวโกรธ ทำให้หยางเย่ตกใจกลัว แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น จากนั้นเธอก็ไปยืนหลบอยู่ข้างๆ ฉินเสียนหลี่แล้วตะคอกออกมาว่า
“ฉินเสียนหลี่ คุณจะยืนตะลึงอะไรอยู่ได้ ไม่เห็นเหรอว่ามันตบฉัน คุณยังไม่รีบช่วยอีก! ”
ฉินเสียนหลี่ดึงสติกลับร่าง เดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วจึงเงื้อมือขึ้น
หนึ่งต่อสอง หร่วนซือซือไม่ใช่คู่มือของพวกเขาทั้งสองคนเลยสักนิด
หร่วนซือซือหัวเราะเย้ยหยันพลางพูดว่า “ฉินเสียนหลี่ สงสัยฉันจะมองนายดีไปนิด ตอนแรกก็นึกว่านายจะเป็นมนุษย์มนากับเขา ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะเป็นได้แค่หมาตัวหนึ่ง”
“หร่วนซือซือ ทั้งหมดนี้เธอแส่หาเรื่องเองนะ! ” ฉินเสียนหลี่เอ่ยพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ
แต่ขณะที่ฉินเสียนหลี่กำลังจะวางมือปะทะเข้ากับใบหน้าของหร่วนซือซือนั่นเอง ก็มีมือหนาโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ คว้าข้อมือของฉินเสียนหลี่หยุดค้างเอาไว้
ดั่งรักบันดาล