โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง

ตอนที่ 385 สุขภาพมาก่อน

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางหลิงรุ่ย แววตาของชิงหรงก็ส่องประกายไปด้วยความสงบสุข

มือเล็กที่กุมมือของหยางหลิงรุ่ยอยู่ ก็คลายออกเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

และคราวนี้เธอก็หลับไปจริง ๆ

ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คิ้วขมวดขึ้นเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังฝันถึงสิ่งที่ไม่ดี

ทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่ง หยางหลิงรุ่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างก็จะยื่นมือออกออกไปลูบหน้าผากของชิงหรงอย่างแผ่วเบา

ทันทีที่เธอวางมือลงไป ชิงหรงก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นมาทันใด และก็จะนอนหลับต่อไปอย่างสงบสุข

มือที่กุมมือของหยางหลิงรุ่ยไว้นั้น เนื่องจากเข้าสู่โหมดหลับลึกไปแล้ว จึงได้ปล่อยออกอย่างสิ้นเชิง

หยางหลิงรุ่ยยัดเจ้าตัวเล็กเข้าไปในผ้านวม จากนั้นเดินไปที่ตู้กดน้ำและกดน้ำอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะด้านข้างให้เธอหนึ่งแก้ว

เธอไม่กล้าวางไว้บนหัวเตียง เพราะชิงหรงนั้นเก่งทุกอย่าง แต่กลับเป็นคนที่มีนิสัยรีบร้อน

ตัวอย่างเช่น เมื่อเธอรู้สึกกระหายน้ำในระหว่างที่นอนอยู่ เธอจะลุกขึ้นและเอื้อมมือออกไปควานหาแก้วน้ำบนหัวเตียงอย่างสะเปะสะปะ

ดังนั้นหลังจากที่เธอทำถ้วยแตกใบที่หก หยางหลิงรุ่ยจึงได้เปลี่ยนที่วางแก้วไว้บนโต๊ะแทน

เธอปิดไฟในห้องของชิงหรงลง เหลือไว้เพียงโคมไฟดวงเดียวเท่านั้น

แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไปนั้น เธอก็มองเห็นสมุดบันทึกเล่มเล็กที่วางอยู่ใต้โคมไฟเสียก่อน

บนสมุดมีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้ว่า ไดอารี่

ชิงหรงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของตัวเอง และขอให้ครอบครัวหยางให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของเธอด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจึงไม่มีใครแตะต้องสิ่งของของเธอเลย โดยเฉพาะหากยังไม่ได้รับความอนุญาติจากเธอก่อนแล้วล่ะก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หยางหลิงรุ่ยใช้เวลานานพอสมควรกับการระงับความต้องการที่อยากเปิดไดอารี่ของชิงหรง เพื่อดูว่าชิงหรงนั้นกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง

ไดอารี่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมบัติกักเก็บจิตวิญญาณของคนคนนั้น มันเป็นสถานที่สุดท้ายที่ถูกใช้เพื่อกักเก็บความเป็นส่วนตัว

จากข้างในนั้น หยางหลิงรุ่ยสามารถรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการจะรู้ได้

แต่สุดท้าย หยางหลิงรุ่ยก็เลือกที่จะรักษาระยะห่างระหว่างแม่ลูกเอาเช่นนี้ต่อไป

เพราะเธอรักชิงหรงมาก ดังนั้นขณะเดียวกันเธอก็ต้องให้เกียรติชิงหรงด้วยเช่นกัน

เธอวางไดอารี่ลง ก่อนจะหันกลับมาและพบว่าชิงหรงกำลังลืมตาอยู่

และนั่นทำให้ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน โอ้พระเจ้า ไม่ใช่หรอกมั้ง ชิงหรงคงไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่แรกหรอกใช่ไหม

โชคดีที่ในแววตาของเธอนั้นดูมีความสับสันงุนงงอยู่ ทำให้หยางหลิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ท่าทางของเธอในตอนนี้ ดูเหมือนเพิ่งจะตื่นขึ้นมา

“คุณแม่ คุณแม่ ... ” ชิงหรงพูดพึมพำเสียงเบา

หยางหลิงรุ่ยตอบรับและรีบโน้มตัวเข้าไปใกล้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น : "ลูกรัก ต้องการให้คุณแม่ทำอะไรเหรอคะ"

“ทำไมคุณแม่ถึงยังไม่นอนอีก”

ดวงตาของเธอใสสะอาด แต่เสียงแหบแห้งของเธอนั้นเป็นเครื่องเตือนให้ทราบว่าทำไมเธอถึงได้ตื่นขึ้นมา

จากนั้นเอ่ยขึ้น : "คุณแม่กำลังจะไปนอนแล้วค่ะ ต้องการคุณแม่ทำอะไรให้ไหม"

“หนูอยากดื่มน้ำ”

"โอเค"

หลังจากรอชิงหรงดื่มน้ำเสร็จ และเฝ้ามองดูเธอหลับไปอีกครั้ง หยางหลิงรุ่ยถึงได้ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป

ตอนนี้เกือบจะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

เมื่อคิดได้ว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะต้องไปที่บริษัทตอนเก้าโมง นั่นหมายความว่าเธอจะต้องตื่นตอนเจ็ดโมงเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เธอจึงปิดโคมไฟและเร่งรีบที่จะกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

"คุณพ่อ คุณแม่ ... "

ทำให้หยางหลิงรุ่ยร่างกายหยุดชะงัก

ความปรารถนาของลูกสาวที่มีต่อพ่อของตนนั้น นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

หยางหลิงรุ่ยนอนหลับไม่สนิท

เธอฝันว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน

ห้องใต้ดินนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มีโลงศพและรูปปั้นพระพุทธรูปที่น่ดูสยดสยอง ข้างในนั้นมืดมาก ๆ มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเท่านั้น

ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร

แต่ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยสักคน

แต่ตอนที่เธอรู้สึกหมดหวัง และนอนลงบนพื้นอย่างยอมแพ้นั้น

ประตูด้านบนก็ถูกเปิดออก

พร้อมกับเสียงของใครสักคน

ใครสักคน...

หยางหลิงรุ่ยกำลังนึกว่าเป็นเสียงของใคร และตอนที่เธอพยายามลืมตาขึ้นเพื่อมองดู

เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น

ก่อนจะลุกขึ้นตื่นจากความฝันอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

เธออาบน้ำล้างหน้าและแต่งหน้าเสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมง

ชั่วโมงสุดท้ายนั้น เหลือไว้สำหรับการทำงาน

แม้ว่าจะมีรถติดแต่อย่างน้อยใช้เวลา 40 นาทีก็เพียงพอแล้ว

แต่หยางหลิงรุ่ยมีนิสัยการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็มักจะเผื่อเวลาอย่างพอดีเสมอ

ยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้างาน

จากนั้นเดินไปรอขึ้นลิฟท์ และในตอนนั้นเองเธอก็พบกับหลี่ซือหยวนพอดี

“สวัสดีตอนเช้าค่ะ ประธานหลี่”

ผู้อำนวยการหยาง"

อยู่ที่บริษัท พวกเขาสองคนมักจะเรียกชื่อกันตามตำแหน่งงาน

หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองหลี่ซือหยวนเล็กน้อย หลี่ซือหยวนเมื่อคืนดูเหมือนจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดีเท่าไหร่

ก็ไม่มีใครอยู่เลย หยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยแซวขึ้น : “ เมื่อคืนประธานหลี่ไม่ได้พักผ่อนเหรอคะ”

ทำให้เขาที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

เหนื่อยนิดหน่อย"

ที่เขาบอกว่าเหนื่อย เพราะเมื่อคืนเขาไปร่วมงานเลี้ยงดื่มไวน์กับแขกชาวต่างชาติมา

เนื่องจากกลิ่นแอลกอฮอล์ตามร่างกายค่อนข้างรุนแรง ทำให้ตงหยุนถิงไล่เขาออกมานอนที่โซฟา

พอดื่มมากเกินไปก็ทำให้ท่านอนไม่ค่อยสบายตัว แถมยังคอตกหมอนอีกด้วย

และมาทำงานที่บริษัท

เมื่อหยางหลิงรุ่ยได้ยินเข้าก็แปลเป็นความหมายอีกอย่าง

ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : "ประธานหลี่

ถ้าหากหลี่ซือหยวนยังไม่เข้าใจอีก เขาคงเป็นคนโง่ไปแล้ว

"ผู้อำนวยการหยาง คุณเปลี่ยนเป็นคนชั่วร้ายไปแล้ว... "

“ชั่วร้าย?” หยางหลิงรุ่ยมองหลี่ซือหยวนด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเดินเข้าไปก่อน

เธอถึงเอ่ยขึ้น : "ในใจประธานหลี่มีเพียงหยุนถิงคนเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นฉันถึงได้ดูแย่ขึ้นมาสินะ!"

อืม ...

หยางหลิงรุ่ยแกล้งพูดขึ้นอย่างหยอกล้อ และแน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น

ก่อนจะเอ่ย : "คุณผู้หญิงอย่าแกล้งผมนักสิ

พอมาถึงชั้น 28

หลี่ซือหยวนก็คล้ายกับนึกอะไรออก เขาจึงกดปุ่มค้างไว้

"ผู้อำนวยการหยาง"

หยางหลิงรุ่ยหันกลับไป เธอไม่รู้ว่าหลี่ซือหยวนมีเรื่องอะไร

ลองเปิดดูและเตรียมตัวสักหน่อย สุดสัปดาห์นี้จะต้องไปเข้าร่วมแสดงนิทรรศการ"

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีนิทรรศการอะไรนี่นา

แต่ประตูลิฟต์ก็ปิดลงก่อนและมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานที่ชั้นบนสุด


โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง
คุณสามารถใช้ปุ่มลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อถอยหลัง/ไปข้างหน้า
ประเมิน: 10.0/10 จาก 40 โพล
loading...