(ไม่)ตั้งใจจะเป็นเจ้าสาว
บทที่ 2 พบกันอีกครั้งผู้หญิงซาดิสม์ (3)
“อ้อ คุณชาลินี เชิญเลยครับ คุณนายบอกไว้แล้ว” ยามรีบเปิดประตูให้ “เดี๋ยวผมช่วยถือกระเป๋านะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้จิ๊บๆ ฉันพอหิ้วไหว”
“งั้นตรงเข้าบ้านเลยนะครับ นั่งรอที่ห้องโถง”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวก้มศีรษะให้ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินตรงไปยังตัวบ้าน
ในจินตนาการน่ะหรือ...เธอคิดว่าหญิงวัยกลางคนที่แสนใจดีคงกำลังนั่งรอต้อนรับเธอพร้อมรอยยิ้ม ทว่าในความเป็นจริงกลับต่างกันลิบ เพราะคนที่รอเธอไม่ใช่น้ำทิพย์ ทว่าเป็นผู้ชายร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟาบุนวมหนานุ่ม ใบหน้าเขาถมึงทึง สายตาคู่คมที่จับจ้องมาทำให้เธอชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน พร้อมใจที่หล่นวูบลงไปกองที่ปลายเท้า
“เธอ...” เขาลุกยืน ส่วนเธอน่ะหรือแทบจะร้องไห้
“คะ คุณ...” หมอนี่คือผู้ชายที่โดนเธอถีบกับตบหน้าไปเมื่อช่วงกลางวัน
ร่างสูงเดินอ้อมโซฟาตรงมาหาพร้อมด้วยรอยยิ้มประหลาด
“โลกกลมจริงๆ ด้วยนะ ไม่คิดว่าคุณช้างที่แม่พูดถึงจะหมายถึงเธอ...ยัยผู้หญิงติ๊งต๊องจอมซาดิสม์ !”
ชาลินีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ถ้าคุณป้าทิพย์คือแม่คุณ งั้นก็หมายความว่า...คุณคือคุณมดน่ะสิ” เธอถามตะกุกตะกัก ภาวนาให้เขาปฏิเสธ แต่ทว่าคำตอบที่ได้ยินทำเอาเธอแทบช็อก
“ใช่ ผมนี่แหละคุณมดที่คุณว่ามา ! ”
“หา...” ผิดคาดไปหลายโยชน์เลยทีเดียว “ชื่อมดแต่ตัวยังกับยักษ์”
เขาสวนกลับทันควัน “ก็เหมือนคุณนั่นแหละ ชื่อช้างแต่ตัวเล็กนิดเดียวยังกับด้วง ! ”
หญิงสาวปล่อยกระสอบกับกระเป๋าลงพื้นอย่างคนหมดแรง
วันนี้ดวงเธอ...ซวยจริงๆ นั่นแหละ !
“มาทางไหนก็ออกไปทางนั้นซะ” เขาชี้มือไปทางประตู ขณะที่เธอเชิดหน้า
“เสียใจค่ะ ฉันต้องอยู่ที่นี่ในฐานะ...” หลิ่วตามองเขาอย่างผู้ที่ถือชัยชนะ “ผู้ดูแลคุณ”
“ฉันไม่ต้องการคนดูแล” ชายหนุ่มแทบเต้นผาง “โดยเฉพาะยัยผู้หญิงโรคจิตแถมซาดิสม์อย่างเธอ”
“แต่แม่คุณจ้างฉันด้วยเงินห้าหมื่น”
“ฉันขอจ้างให้เธอลาออกด้วยเงินหกหมื่น”
เธอจ้องเขาด้วยดวงตาวาววาม “ถ้าคิดว่าคนอย่างฉันเห็นแก่เงินล่ะก็...”
ชายหนุ่มจ้องตาเธอกลับ นึกทึ่งไม่น้อย เธอคงกำลังจะบอกว่าไม่เห็นแก่เงินสินะ คนที่แน่วแน่ในปณิธานและไม่คิดทรยศนายจ้างอย่างเธอช่างหายากจริงๆ
“คุณคิดถูกแล้วค่ะ”
“ฮ๊ะ ว่าไงนะ”
“หูตึงหรือไง ฉันบอกว่าคุณคิดถูกแล้วล่ะค่ะ ฉันเห็นแก่เงิน แต่ถ้าฉันยอมรับหกหมื่นแล้วไม่รับงานนี้ แสดงว่าฉันโง่มาก เพราะถ้าฉันทำงานต่อไปแค่สองเดือน ฉันจะได้รับหนึ่งแสน สี่เดือนก็สองแสน เรื่องอะไรจะรับแค่หกหมื่นคะคุณหนูมด”
ปริวัทน์กัดกรามกร้วม ชีพจรที่ขมับเต้นตุบๆ จนดูเหมือนพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ก่อนจะพูดเสียงต่ำลอดไรฟันว่า
“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณหนู”
“จะเรียก ทำไมคะ ทำไมๆ” เธอลอยหน้าลอยตา
“บอกว่าอย่าเรียกไงเล่า ! ”
“ก็จะเรียกอ่ะ คุณหนู คุณหนู คุณหนู คุณหนูมด ฮ่าๆๆ” ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะล้อเลียน และนั่นก็ทำให้ความอดทนของชายหนุ่มสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เขาก้าวเท้ายาวๆ เข้าหาเธอ แล้วจับเอวเล็กกระชากเข้าหาลำตัว ก้มลงจูบปากเธออย่างรวดเร็ว
“อุ๊บ ! ”
ชาลินีตาโตจนแทบจะถลน ดิ้นอึกอัก ซ้ำหูเจ้ากรรมยังได้ยินความในใจจากเขาอีก
‘หึ ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ต่อให้ปากเก่งแค่ไหน ถ้าโดนผู้ชายจูบก็ตัวอ่อนทุกราย ไม่เว้นแม้แต่ยัยนี่’
เขาดูถูกผู้หญิง และก็ดูถูกเธอด้วย หมอนี่...เลวเกินบรรยายจริงๆ
เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต ผลักอกกว้าง ทว่ายิ่งผลักไสก็ดูเหมือนเขาจะยิ่งกอดรัดแนบแน่น ชิวหาอุ่นสอดเข้ามาในโพรงปากเธอ เกี่ยวกับลิ้นอ่อน จูบที่ราวจะกระชากวิญญาณเธอออกมา
และให้ตายสิ...ทำไมเธอถึงต้องตัวอ่อนปวกเปียก เป็นไปตามที่เขาดูถูกทุกอย่าง บ้าชะมัด
ขาสองข้างอ่อนแรง ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหรี่ปรือ เพลิดเพลินไปกับบทเพลงพิศวาสที่เขากำลังพาล่องลอยไปบนปุยเมฆ
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฝ่ามือใหญ่ตะปบจับเต้านมเธอบีบเล่น สติสัมปชัญญะถึงคืนกลับมาครบถ้วน เธอรวบรวมเรี่ยวแรงผลักเขาออก แล้ววิ่งเข้าหาเขาด้วยความบ้าคลั่ง
“เฮ้ย ! จะทำอะไรน่ะ” เขาไม่ทันตั้งหลัก ส้นเท้าเธอก็ปะทะที่ยอดอกเต็มๆ
พลั่ก !
(ไม่)ตั้งใจจะเป็นเจ้าสาว