(ไม่)ตั้งใจจะเป็นเจ้าสาว
บทที่ 3 งานใหม่ที่ต้องทำ (2)
“ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก มดเขาโตแล้ว ไม่ต้องประคบประหงมเหมือนทารกแรกเกิดก็ได้ ป้าแค่อยากให้ช้างคอยช่วยสอดส่องว่ามีใครคิดไม่ดีกับมดบ้าง จะได้ไม่ต้องห่วงมาก แล้วพรุ่งนี้ป้าต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วย ถ้ามีช้างอยู่ ป้าจะได้สบายใจ”
“แต่ช้างเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะปกป้องผู้ชายตัวโตอย่างคุณมด คุณป้าไม่มองว่าแปลกไปหน่อยหรือคะ” ชาลินีพูดในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
“ป้าว่าดีเสียอีก ถึงจะเป็นผู้หญิงตัวน้อยๆ แต่ช้างก็มีความสามารถในแบบที่คนอื่นไม่มี ทำให้ช้างได้เปรียบกว่าคนอื่น นั่นคือการได้ยินความในใจของใครต่อใคร ช้างอาจมองว่านั่นคือปมด้อย แต่ปมด้อยของช้างจะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ป้าต้องการ”
นอกจากจะได้ยินจากปากของน้ำทิพย์แล้ว ชาลินียังได้ยินความในใจอีกด้วย
‘ลางสังหรณ์ลึกๆ บอกเราว่าหนูช้างจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมดได้แน่ๆ เราจะได้หมดห่วง’
ความมั่นใจที่ได้รับจากหญิงวัยกลางคน ทำให้ชาลินีน้ำตาซึม เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เธอได้เจอคนที่ปากกับใจตรงกัน ซ้ำไม่มีความคิดรังเกียจหรือมองว่าเธอบ้าเลยแม้แต่น้อย เอาล่ะ...เธอจะทำให้เต็มที่สมกับความศรัทธาที่น้ำทิพย์มีให้ต่อเธอ
“ค่ะคุณป้า ช้างจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด” เธอรับคำ “งั้นช้างขอทราบข้อมูลส่วนตัวของคุณมดหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ อยากรู้อะไรก็ถามได้”
“ขอโทษนะคะ บ้านนี้อยู่กันกี่คนคะ”
“สองคนเท่านั้นจ้ะ มีป้ากับมด พ่อของมดดูแลงานทางต่างประเทศ พรุ่งนี้ป้าเลยจะไปหาเขาสักเดือน ส่วนพวกคนรับใช้มีราวสิบคน แต่พอตกเย็นสี่โมงเย็นก็กลับบ้านกันหมด แปดโมงก็มาทำงาน อ้อ...มีคุณอาของเขาอีกคน แต่รายนั้นส่วนใหญ่อยู่ที่บริษัท ไม่ค่อยมาบ้านหรอก”
“อ๋อออ....” หญิงสาวลากเสียงยาว “แล้วคุณป้าคิดว่าใครล่ะคะที่จะลอบทำร้ายคุณมด”
“ไม่รู้สิจ๊ะ ป้าแค่ใจคอไม่ดี แล้วรู้สึกว่ามดจะเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันบ่อยซะเหลือเกินจนอดคิดว่าเป็นความจงใจของใครสักคนไม่ได้”
“คุณมดมีแฟนไหมคะ”
“เคยคบหาผู้หญิงหลายคนแต่ไม่จริงจังอะไร ควงแป๊บๆ ก็เลิก”
ชาลินีลอบเบ้ปาก หึ...ที่แท้ก็พวกเจ้าชู้ น่ารังเกียจเสียจริง !
“ป้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของเขานักหรอก มดไม่ค่อยชอบให้ใครยุ่งในพื้นที่ส่วนตัวเขาสักเท่าไหร่ ป้าถึงอยากฝากให้ช้างช่วยดูให้หน่อยไง มีอะไรก็รายงานป้าได้ ทางเมลหรือจะโทรก็ได้ อ้อ ขอเบอร์ช้างหน่อยสิจ๊ะ”
สองสาวจัดแจงแลกเบอร์และอีเมลกัน ก่อนที่น้ำทิพย์จะลุกมาส่งธนบัตรให้ปึกหนึ่ง
“นี่ค่าจ้างครึ่งแรก สิ้นเดือนรับอีกครึ่งนะจ๊ะ”
ชาลินีเอื้อมมือรับมาด้วยใจสั่นๆ สองหมื่นห้า...เงินดีขนาดนี้เธอต้องทุ่มเทให้เต็มที่ เผื่อนายจ้างจะเพิ่มเงินเดือนให้อีก !
“กินข้าวหนึ่งทุ่มตรงนะจ๊ะ อยู่ชั้นล่าง ถัดจากห้องโถงไปทางซ้ายมืออีกสองห้อง”
“ค่ะคุณป้า” เธอพยักหน้ารับ
“โอเค งั้นค่อยเจอกันอีกทีที่ห้องอาหารนะจ๊ะ”
น้ำทิพย์ลับหายไปแล้ว ชาลินีก็จัดแจงเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าและในกระสอบออกมาแขวนไว้ในตู้ มองนาฬิกาที่ผนังห้องเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำ สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอย่างง่ายๆ หวีผม ปล่อยให้ผมที่ยังคงเปียกชื้นแผ่สยายเต็มกลางหลัง ปะแป้งที่สองข้างแก้ม มองดูนาฬิกาอีกที...เหลืออีกสิบนาทีก็จะหนึ่งทุ่มแล้ว
“พี่คะ...”
ทันทีที่เธอโผล่ออกจากห้องก็เจอเด็กหญิงร่างผอม ดวงตาโศก ในอ้อมกอดคือตุ๊กตาหมีเก่าคร่ำคร่าขาดรุ่งริ่ง
“หนูเป็นใครจ๊ะเนี่ย”
เด็กคนนั้นไม่ตอบ เอาแต่ส่ายหน้า แล้วพูดด้วยเสียงแห้งๆ ว่า “ระวังนะคะ”
“ให้ระวังอะไรเหรอ” เธอพยายามจ้องหน้าน้อยๆ นั้น แต่แปลก...เธอกลับไม่ได้ยินความในใจของหนูน้อยคนนี้เลย
“คือว่า” ดวงตากลมโตโศกเศร้า “หนูอยากให้พี่ระวังตัว เพราะบ้านนี้มีผีค่ะ”
ชาลินีผงะ ตาเบิกกว้าง “ผีเหรอ ! ”
“ใช่ค่ะ มีผีจริงๆ ระวังไว้นะคะ”
“เอ๋...อะไรกัน” เธอยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ร่างเล็กก็หันหลังเดินหนี เธอรีบเดินตาม แต่ตามเท่าไหร่ก็ไม่ทัน จนคลาดกันไปจนได้... “หนู หนูจ๊ะ อ้าว หายไปไหนซะแล้วล่ะ เด็กสมัยนี้วิ่งไวซะจริงๆ ดูเถอะ มาขู่ให้เรากลัว ลูกใครหนอ น่าตีให้ก้นลายแท้เชียว”
ชาลินีพ่นลมหายใจยาว เท้าสะเอว ส่ายหน้าหนักใจ ก่อนจะมองไปรอบๆ ตัว
อ้าว...เวรล่ะ นี่เธอยืนอยู่ตรงส่วนไหนของบ้านล่ะเนี่ย ทางยังกับเขาวงกต งงไปหมดแล้ว !
(ไม่)ตั้งใจจะเป็นเจ้าสาว